Our score
9.0Back to the 90's by Vintage Motion
จุดเด่น
- รูปเล่มสวยมาก เหมาะแก่การเก็บเป็นคอลเล็กชัน
- หนังสือหนาอยู่ น่าจะถูกใจนักอ่านสายแข็งที่ชอบหนังสือหนา ๆ
- ภาพประกอบหัวเรื่องที่เป็นภาพจากในหนังปีต่าง ๆ ก็สวยมาก ๆ
- เรื่องราวข้างในอ่านเพลินและข้อมูลแน่นเลยแหละ ใครติดตามเพจน่าจะคุ้นเคยกันดี
- มีของแถมเป็นมินิโปสเตอร์ขนาดเท่าตัวเล่มด้วย
จุดสังเกต
- แอบราคาสูงอยู่เหมือนกัน (เพราะว่า Limited Edition) แต่คิดว่าคนรักหนังตัวจริงน่าจะไม่ลังเลมาก
- ไม่มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป และน่าจะใกล้หมดแล้วด้วย (ไม่รู้ว่าจะมีพิมพ์ล็อตใหม่ออกมาอีกหรือเปล่า)
-
รูปเล่มภายนอก+การออกแบบ
9.0
-
เลย์เอาท์ภายใน+ภาพประกอบ
9.0
-
เนื้อหาภายใน
10.0
-
ความสะดวกในการสั่งซื้อ
8.0
-
ราคาและความคุ้มค่า
9.0
เมื่อเดือนเมษายน เพจเล่าเรื่องหนังเก่าเจ๋ง ๆ อย่างเพจ Vintage Motion ก็เลยไปร่วมมือกับ Spacebar ZINE หรือ Spacebar Design Studio เจ้าของสตูดิโอออกแบบดีไซน์และสิ่งพิมพ์ทางเลือก นำเอาเนื้อหาหนังเก่า ๆ ที่สโคปเฉพาะช่วงยุค 90’s แบบเน้น ๆ ที่เคยลงในเพจ และที่เขียนขึ้นมาใหม่มารวมกันเป็นหนังสือที่ชื่อว่า Back to the 90’s By Vintage Motion โดยเปิดรอบ Pre-Order ให้จองในราคาพิเศษรอบแรกไปแล้ว ก่อนจะเปิดรอบปกติ (ในราคาปกติ) ให้ได้สั่งซื้อกัน ในจำนวนการพิมพ์ที่ Limited Edition มาก ๆ
แม้ว่าส่วนตัวผมเองจะดูแลเพจ Beartai-What The Fact อยู่ แต่ก็ต้องบอกว่าก็ติดตามเพจ Vintage Motion อยู่เหมือนกันนะ 555 ด้วยความที่เพจนี้เป็นเพจที่เล่าเรื่องหนังที่มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ นอกจากจะมีความลึกของข้อมูลแล้ว ตัวบทความในเพจเองก็มักจะมีกลิ่นอายของหนังในยุคนั้นอย่างชัดเจนด้วย เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ลังเล ซื้อหนังสือเล่มนี้มาทำการรีวิวแบบซื้อเอง รีวิวเอง (แต่กว่าจะได้รีวิว ได้ข่าวว่าหนังสือตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้วนะ 555)
เพราะฉะนั้นวันนี้เลยถือโอกาสหยิบมารีวิวกันแบบเต็ม ๆ ซักที!
แพ็กเกจ
หนังสือถูกนอนมานิ่ง ๆ ในกล่องที่ค่อนข้างพอดีกับตัวหนังสือเลยครับ คือใหญ่กว่าไม่มาก ซึ่งถูกปิดด้วยเทปกาวมาอย่างแน่นหนา เมื่อแกะกล่องแล้วจะพบกับหนังสือที่ถูกห่อด้วยพลาสติกมาอีกชั้น นอนนิ่งในกล่องขนาดพอดีเป๊ะ แม้ว่าตัวหนังสือจะพอดีกับกล่องจนไม่สามารถห่อบับเบิลได้
แต่ก็ทดแทนด้วยการสอดชิ้นกระดาษจั่วปังยาว 2 ชิ้นไว้ที่ด้านบนและล่างของตัวเล่มเพื่อจัดให้หนังสืออยู่กับที่ ไม่หลวมโพรกจนอาจทำให้หนังสือกระทบกระเทือนได้ ซึ่งน่าประทับใจว่า เมื่อผมแกะออกมาแล้ว ตัวหนังสือเองแทบไม่ได้รับความเสียหายเลย เนียนกริ๊บมาก ๆ
รูปเล่มภายนอก – ของแถม
เรียกได้ว่ารูปเล่มถือเป็นจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้เลยนะครับ ตัวหนังสือจริง ๆ จะมาพร้อมกับกล่องสวม ซึ่งพอเป็นกล่องสวม บวกกับไอเดียที่เนื้อหาพูดถึงหนังยุค 90’s แบบเน้น ๆ เพราะฉะนั้นทาง Spacebar ZINE ก็เลยดีไซน์ตัวรูปเล่มออกมาในสไตล์ “Home Video Box Set” เป็นเหมือนกับแพ็กเกจ “ม้วนวิดีโอหนัง VHS” ด้านหน้าก็จะมีรูปภาพประกอบที่คัดมาจากหนังเรื่องต่าง ๆ ที่โดดเด่นในยุค 90’s ซึ่งแม้ว่าตัวรูปเล่มจะใหญ่และหนากว่าม้วน VHS ของจริงมาก แต่ตัวดีไซน์ตั้งแต่กล่องสวมจนถึงปกหน้า สันปก และปกนี่เรียกได้ว่าอ้างอิงกลิ่นอายของม้วนวิดีโอหนัง+กล่องสวมมาแบบเป๊ะ ๆ เลย
และเพื่อให้ได้ฟีลแบบสุด ๆ ด้านหลังของปกสวมก็เลยจะมีรูปม้วนวีดิโอด้วย ซึ่งพอดึงหนังสือออกมาแล้ว เราก็จะได้เห็นตัวรูปเล่มที่ออกแบบมาในโทนเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากกล่องสีดำเป็นปกสีครีม ๆ แทน อีกอย่างที่ต้องพูดถึงก็คือความหนาของรูปเล่มครับ ความหนาก็ไม่หนามาก แค่ 495 หน้า เกือบ ๆ 500 หน้าเท่านั้นเอง 555 และรูปเล่มใหญ่กว่าพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปขนาด A5 พอสมควรเลยแหละ ถือว่าค่อนข้างหนักพอสมควรถ้าจะพกพาไปอ่านข้างนอก
ส่วนตัวปกหลังก็จะมีข้อความเกริ่นถึงตัวหนังสือ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีความเหมือน “Synopsis” หรือเรื่องย่อของหนัง ที่มักจะเขียนไว้ที่ด้านหลังของวีดิโอเสมอ ๆ รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของตัวเล่มก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นพวกโลโก VHS หรือ Dolby Surround หรือ Label ชื่อเรื่องวีดิโอที่อยู่บนสันของกล่องสวม ที่เชื่อว่า คนที่เคยมีความทรงจำกับวีดิโอเทป เคยเดินไปเช่าม้วนวีดิโอเทปที่ร้านเช่า หรือเคยดึงม้วนเทปจากกล่องแล้วยัดใส่เครื่องเล่นวีดิโอเห็นแล้วต้องอมยิ้มแน่นอน
และในทุก ๆ เล่มที่สั่งซื้อ จะมี Mini-Poster ที่พิมพ์บนกระดาษแบบเดียวกับที่ใช้พิมพ์ปก แทรกแถมเข้าไปกับกล่องสวมด้วย ซึ่งตัวมินิโปสเตอร์ขนาดเกือบเท่ากับตัวหนังสือนี้ มีแบบเดียวถ้วน คือเป็นภาพประกอบภาพสุดท้ายของเล่ม ก็คือปี 1999 นั่นเอง (The Matrix ภาคแรกฉายปี 1999 นะครับ) โดยถ้าแกะห่อพลาสติกแล้วดึงหนังสือออกมา ก็จะแทรกอยู่ในกล่องสวมเลย จะเอาไปติดบอร์ดหรือใส่กรอบก็แล้วแต่สะดวก
รูปเล่มภายใน – เลย์เอาต์
รูปเล่มภายในถือว่าค่อนข้างเรียบง่าย เหมือนพ็อกเก็ตบุ๊คทั่ว ๆ ไปเลยครับ คือมีคำนำ มีสารบัญ ภาพประกอบ หัวเรื่อง และวางเลย์เอาต์แบบมาตรฐานของพ็อกเก็ตบุ๊กทั่ว ๆ ไปเลย ถ้าพูดกันซื่อ ๆ ก็คือ ตอนแรกที่เปิดดูรูปเล่มและเห็นตัวหนังสือที่ใช้ฟอนต์ TH Sarabun (เฉพาะตัว Text) เยอะ ๆ ผมก็แอบแหยงนิด ๆ (ขนาดว่าตัวผมชอบอ่านหนังสือ และชอบหนังสือหนา ๆ อยู่แล้วนะ 555) แต่เอาจริง ๆ ตัวหนังสือเยอะ ๆ ก็ไม่ได้ทำให้อ่านยากอะไร การวางเลย์เอาต์ถือว่าสวยงามตามมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปครับ
สำหรับตัวภาพประกอบภายใน จะแทรกไว้ด้วยภาพประกอบสุดแนวฝีมือการวาดโดย wawawawin ซึ่งอยู่ในหัวเรื่องของแต่ละปี โดยเป็นภาพประกอบที่อ้างอิงจากภาพโปสเตอร์และภาพจากในหนังแต่ละเรื่องของแต่ละปี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์จากการนำภาพในหนังมาใช้
ซึ่งส่วนตัวผมเองก็ยอมรับว่า แอบเสียดายนิด ๆ ที่ไม่ได้มีภาพโปสเตอร์หรือภาพประกอบอื่น ๆ จากหนังเข้ามาใส่เพื่อประกอบหนังแต่ละเรื่อง เผื่อว่าอ่านแล้วจะได้อ๋อว่าเป็นหนังเรื่องอะไรที่เคยผ่านตา (หรือดูไปแล้วแต่จำไม่ได้) บ้าง แต่ถ้าจะมองเรื่องลิขสิทธิ์ที่ตอนนี้ก็ถือว่าแรงอยู่เหมือนกัน อันนี้ก็เป็นอะไรที่โอเค เข้าใจได้ครับ
(รีวิวยังมีต่อหน้า 2 นะครับ ไม่เชื่อก็ลองคลิกดู)
เนื้อหา
ตัวเนื้อหาเอง ภายในเต็มไปด้วยภาพยนตร์กว่า 100 เรื่อง ที่จัดเรียงเอาไว้ตามปีที่ฉายในยุค 90’s ตั้งแต่ปี 1990 (พ.ศ.2533) จนถึงปี 1999 (พ.ศ. 2542) ซึ่งทางเพจ Vintage Motion ได้เอาเนื้อหาที่เคยลงเพจไปแล้ว มาเพิ่มเนื้อหาให้สมบูรณ์ขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และงานที่เขียนขึ้นใหม่สำหรับหนังสือเล่มนี้อีกประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรื่องเนื้อหาหรือวิธีการเขียน คนที่ตามแฟนเพจนี้คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ การเล่าเรื่องราว ความลึกของเนื้อหา ถือว่าสุดยอดอยู่แล้ว และที่สำคัญคือ อ่านแล้วสนุก และได้กลิ่นอายของหนังเรื่องนั้น ๆ แบบเต็ม ๆ ตามสไตล์เพจนี้เหมือนเดิมทุกประการ
แต่ในความรู้สึกของผม ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้าย “สารานุกรม” (Encyclopedia) อยู่เหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะการแยกหมวดหมู่ออกเป็นปี ๆ และในแต่ละปีก็จะแยกออกเป็นแต่ละหัวเรื่อง ๆ ตามแนวของหนัง และค่อยแยกย่อยออกเป็นหัวเรื่องตามหนังแต่ละเรื่องอีกที สั้นบ้าง ยาวบ้าง ซึ่งแม้ว่าตัวเล่มจะดูหนามากซะจนอาจจะทำให้รู้สึกแอบขยาดที่จะอ่าน แต่ว่าที่น่าสนใจคือ แต่ละหัวเรื่องนั้นไม่ได้ยาวมากนะครับ สามารถอ่านแต่ละหัวเรื่องแบบจบในตัวได้เลย และอีกเหตุผลที่ผมรู้สึกว่ามันคล้ายกับสารานุกรมก็คือ มันก็แอบมีความเป็นหนังสืออ้างอิง (Reference Book) อยู่เหมือนกัน
ต้องอธิบายก่อนครับว่า ปกติคนเรามักจะไม่อ่านหนังสือจำพวก “หนังสืออ้างอิง” แบบเรียงตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายอยู่แล้ว แต่จะเลือกอ่านและค้นหาเอาเฉพาะหัวเรื่องที่สนใจจริงๆ ซึ่งสำหรับการเป็นหนังสืออ้างอิง ผมว่าหนังสือเล่มนี้ก็สามารถปรับใช้เป็นหนังสือที่เก็บไว้อ้างอิงไว้อ่านเฉพาะเรื่อง (โดยไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งเล่ม) ได้ดีทีเดียวเลยแหละ อย่างเช่นว่า อ่านเบื้องหลังหนังจากในเล่มแล้วสนใจ ก็ไปตามหาหนังมาดู หรือว่าเคยดูหนังเรื่องไหนไปแล้ว ค่อยมาหาอ่านเบื้องหลังต่อ หรือไม่ก็อ่านเฉพาะเรื่องเพื่อเอาไว้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง ก็กลายเป็นตำราอ้างอิงที่ว่าด้วยเรื่องของหนังยุค 90’s ได้ดีทีเดียว หรือต่อให้จะอ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนพ็อกเก็ตบุ๊ก คือเปิดอ่านแบบเรียงหน้าตามปกติตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน
ราคาและความสมเหตุสมผล
คือด้วยราคา (เล่มละ 620 รวมค่าส่ง 50 บาท รวมทั้งหมด 720 บาท) นั้นก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า เป็นราคาที่ก็แอบสูงอยู่เหมือนกันนะครับ รวมทั้งการที่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ลังเลที่จะซื้อหาพาใจมาเก็บไว้ได้เหมือนกัน แต่ถ้ามองในอีกมุม ก็ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้ Limited Edition พิมพ์ในจำนวนจำกัด
และเอาเข้าจริง ๆ ตลาดหนังสือพรีเมียม หรือหนังสือแนวทางเลือก (Alternative Books – หนังสือแนวที่ไม่ได้อยู่ในกระแสความนิยมของตลาด และมักพิมพ์ในจำนวนจำกัด) ในไทยตอนนี้ ก็ค่อนข้างจะมาในแนวทางนี้กันซะเยอะแล้วครับ คือแทนที่สำนักพิมพ์จะลงทุนพิมพ์หนังสือด้วยต้นทุนแพง ๆ จำนวนมาก ๆ จะเอาไปจำหน่าย ก็ต้องบวกค่าสายส่ง (Distributor) เพิ่มไปในราคาปก และต้องเสี่ยงกับการวางทิ้งคาแผงเพราะอาจไม่มีคนซื้อ สู้ลดภาระด้วยการพิมพ์หนังสือแบบจำนวนจำกัด แล้วให้คนอ่านสั่งแบบออนไลน์หรือเปิด Pre-Order โดยตรงกับทางสำนักพิมพ์ไปเลยดีกว่า ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็มีหน้าเว็บ vintagemotion.co ให้ไปสั่งซื้อกันได้ จากที่ผมที่ได้ทดลองทำการสั่งซื้อในเว็บนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกใช้ได้เลยครับ
ส่วนเรื่องราคา ผมเชื่อเลยแหละว่า ถ้าคุณเป็น Cinephile หรือคนรักหนังตัวจริง หรือเป็นคนที่มีความทรงจำเกี่ยวกับหนังยุค 90’s ท่วมท้นเต็มหัวใจ เคยมีความประทับใจกับหนังบางเรื่อง ผู้กำกับบางคน งานออสการ์ในบางปี หรือแม้แต่เคยดูหนังแต่ก็ไม่เคยรู้เรื่องเบื้องหลังเลย หรือแม้แต่คนที่ตามอ่านเรื่องหนังจากเพจ Vintage Motion มา หรือแม้แต่คนที่อยากเล่า อยากชวนเพื่อนให้ตามไปดูหนังแต่ยังไม่มีข้อมูลก็ตามแต่ ผมว่าหนังสือเล่มนี้ น่าจะเป็นอะไรที่คนรักหนังจะไม่เสียดายเงินซื้อครับ
แต่ที่สำคัญต้องรีบหน่อยนะครับ เพราะได้ข่าวมาว่าเหลือหนังสือให้ซื้ออีกไม่มากแล้ว!
สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่เว็บไซต์ vintagemotion.co ได้เลยครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส