อุตสาหกรรมเครื่องหนังนับว่าเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ด้วยมูลค่าที่เพิ่มสูงถึง 80,000 ล้านเหรียญหรือราว 2,500,000 ล้านบาท ทำให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก แต่ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูถึงเรื่องปัญหาด้านศีลธรรมจากการทารุณกรรมสัตว์และใช้สารเคมีรุนแรงเป็นส่วนประกอบในการผลิต ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด อาเดรียน โลเปซ เวลาเด (AdriánLópez Velarde) และมาร์เต้ กาซาเรซ (Marte Cázarez) ผู้ประกอบการสองรายจากเม็กซิโก ได้ค้นพบทางเลือกใหม่ให้กับวงการเครื่องหนังด้วยการใช้ส่วนประกอบของต้นกระบองเพชรหรือต้นแคคตัส ที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีรูปลักษณ์และให้ความรู้สึกที่เหมือนกับหนังแท้อีกด้วย คาดว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถช่วยชีวิตสัตว์หลายล้านตัวทั่วโลกได้ หากมีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในโลก

ผู้ประกอบการทั้งสองรายข้างต้น เป็นคนงานในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์ยานยนต์ ซึ่งทำให้พวกเขาตระหนักดีว่าอุตสาหกรรมของพวกเขาต้องรับผิดชอบต่อมลภาวะและการทำลายสิ่งแวดล้อมมากเพียงใด และเมื่อพวกเขายอมรับว่าปัญหานี้เป็นปัญหาร้ายแรงต่อโลก สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือควรหาทางแก้ไขให้ได้

ซึ่งต้นแคคตัสที่จะนำมาทำเป็นเครื่องหนังได้ พวกเขาจะใช้กระบองเพชรสายพันธุ์ที่เรียกว่าโนปาล (Nopal) ที่มีลักษณะผิวหนังที่แข็งแรงและหนา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกมีผิวสัมผัสคล้ายกับหนังสัตว์ โดยหนังวีแกนจากต้นกระบองเพชรของพวกเขามีชื่อเรียกว่า ‘Desserto’ (เดแซร์โต้) ทำจากกระบองเพชรที่ปลูกในไร่ของพวกเขา ในรัฐซากาเตกัสของเม็กซิโก

นอกจากนี้ พวกเขายังกล่าวว่าไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษอย่าง phthalates หรือ PVC ในการออกแบบแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีความยั่งยืนสูง แต่ก็ยังคงให้สีที่สวยงามและมีผิวสัมผัสที่หลากหลาย

โลเปซ เวลาเดกล่าวกับ FashionUnited ว่า “แนวคิดในการใช้วัตถุดิบนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพืชชนิดนี้ไม่ต้องการน้ำในการเจริญเติบโตและมีมากมายทั่วทั้งสาธารณรัฐเม็กซิโก นอกจากนี้ ในเชิงสัญลักษณ์แล้วยังแสดงถึงพวกเราชาวเม็กซิกันทุกคนด้วย”

กระบวนการทำเครื่องหนังจากกระบองเพชรจะมีดังนี้ ประการแรก พวกเขาต้องคัดเลือกและตัดใบกระบองเพชรที่โตเต็มที่ จากนั้นก็ทำความสะอาด บดและตากให้แห้งภายใต้แสงแดดเป็นเวลา 3 วัน หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์จะได้รับการแปรรูปต่อไปเพื่อให้สามารถใช้เป็นวัสดุสำหรับหนังวีแกนได้นั่นเอง

ปัจจุบัน โรงฟอกหนังมีการใช้สารเคมีจำนวนมาก ซึ่งเมื่อสารเหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำ จะก่อให้เกิดมลพิษต่อมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล นอกจากนี้การเลี้ยงปศุสัตว์ สำหรับการทำเครื่องหนังยังก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซจำนวนมาก ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 14.5 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางมานุษยวิทยาทั้งหมดเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น การใช้น้ำก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน ดังนั้นการผลิตในรูปแบบนี้จะสามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยทางโลเปซ เวลาเดกล่าวอีกว่า “ปัจจุบัน ปริมาณการใช้งานน้ำของอุตสาหกรรมแฟชั่นเพียงอย่างเดียวมีมากเกือบ 79,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับสร้างสระว่ายน้ำขนาดมี่ใช้แข่งขันโอลิมปิกได้เกือบ 32 ล้านสระ”

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส