หลังจากที่เมื่อวานนี้ (22 เมษายน) ได้มีการจัดการประชุมออนไลน์ของผู้นำโลกหลายประเทศ เพื่อประชุมและหารือกันเรื่องการแก้ปัญหาสภาพอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยครั้งนี้มีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ
โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงความพยายามของโจ ไบเดนและชาวอเมริกันในการจะเรียกคืนความเป็นผู้นำระดับโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมป์ถอนตัวจากความพยายามของนานาชาติในการลดการปล่อยมลพิษเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนทางโจ ไบเดนเริ่มการประชุมด้วยการเปิดเผยเป้าหมายของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐให้ได้ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และหวังว่าจะกระตุ้นให้ชาติอื่น ๆ ในโลกทำเช่นเดียวกัน ขณะที่เหล่าผู้นำจากทั่วโลกต่างให้คำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปจนถึงการลดการใช้ถ่านหินด้วย
ซึ่งหลังจากการประชุมผู้นำโลกดังกล่าวเกรตา ธุนเบิร์ก (Greta Thunberg) เด็กสาวนักเคลื่อนไหวทางสังคมสัญชาติสวีเดนวัย 18 ปี ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นการประชุมดังกล่าวทันที โดยเธอเตือนผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐฯ ว่าประวัติศาสตร์จะทำให้พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อภัยพิบัติจากสภาพอากาศ หากพวกเขาไม่หยุดให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ก่อนที่มันจะสายเกินไป
เธอกล่าวถึงผู้ร่างกฎหมายของคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและคณะกรรมการกำกับดูแลเอาไว้ว่า “ฉันไม่เชื่อแม้แต่วินาทีเดียวว่าพวกคุณจะทำสิ่งนี้ได้จริง” “คุณยังพอมีเวลาที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อรักษามรดกของคุณเอาไว้ แต่ช่วงเวลานั้นจะไม่คงอยู่นาน” “พวกเราคนหนุ่มสาวคือคนที่จะขีดเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคุณในหนังสือประวัติศาสตร์… ดังนั้น คำแนะนำของฉันที่จะบอกคุณคือ จงเลือกทางเดินอย่างชาญฉลาด”
เกรตา ธุนเบิร์กนับเป็นหนึ่งในผู้ที่รณรงค์เรื่องภาวะโลกร้อนมาเป็นเวลานาน เริ่มตั้งแต่เมื่อตอนเธออายุ 15 ปี ที่รณรงค์ให้นักเรียนหยุดเรียนทุกวันศุกร์ เพื่อประท้วงต่อรัฐสภาสวีเดนเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส