ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ออกมากล่าวว่าเขาได้สั่งให้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สอบสวนว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีแรนซัมแวร์ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอเมริกันกว่าหลายร้อยแห่ง ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งแฮกเกอร์ชาวรัสเซีย

เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมามีการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหม่เกิดขึ้นที่สหรัฐฯ ด้วยการโจมตีซัปพลายเออร์ในไมอามีอย่างคาเซยา (Kaseya) โดยแฮกเกอร์ทำการแฮกซอฟต์แวร์ที่ชื่อ VSA ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เหล่าบริษัทต่าง ๆ ใช้จัดการเทคโนโลยีภายในองค์ร แฮกเกอร์ได้ทำการเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมดในนั้น เพื่อทำการเรียกค่าไถ่ โดยหลายฝ่ายมองว่าการโจมตีแรนซัมแวร์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

ซึ่งในระหว่างที่ไบเดนกำลังอยู่ในภารกิจเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อโปรโมตโปรแกรมการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ไบเดนถูกถามถึงการแฮกข้อมูลดังกล่าวว่าเชื่อมโยงกับรัสเซียหรือไม่ เขาตอบว่า “อย่างแรกเลย เราไม่แน่ใจว่าใครอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ แต่อย่างแรกที่ผมทำคือผมได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนของรัฐบาลช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ไวที่สุด… ความจริงก็คือผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองได้ให้ข้อมูลเชิงลึกกับผมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และถ้ามันเป็นฝีมือของรัสเซียจริง ๆ ผมจะไปคุยกับปูตินให้รู้เรื่องและเราจะตอบโต้คืนบ้าง”

เมื่อเดือนที่แล้ว FBI กล่าวหา REvil แก๊งแรนซัมแวร์ที่เชื่อมโยงกับแก๊งแฮกเกอร์รัสเซียว่าเป็นผู้แฮกบริษัททำเนื้อสัตว์ในอเมริกา ซึ่งในขณะเดียวกันทางบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ก็เชื่อว่าแฮกเกอร์กลุ่มเดียวกันเป็นต้นเหตุของการโจมตีทางไซเบอร์บริษัทของเขาเช่นกัน

ส่วนไบเดนก็เคยเรียกร้องไปก่อนหน้านี้กับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ให้ปราบปรามการโจมตีทางไซเบอร์ที่มาจากประเทศของเขา และได้กล่าวเตือนถึงผลที่ตามมา หากยังคงมีการโจมตีทางไซเบอร์แบบนี้ต่อไป

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส