คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อและรสชาติของ หญ้าฝรั่น นัก เพราะมักจะใช้ในอาหารฝรั่งเศส จานหลัก ๆ ที่ใช้หญ้าฝรั่นปรุงก็เช่น Italian risotto, Spanish paella และ แกงกะหรี่อินเดีย เอกลักษณ์ของหญ้าฝรั่นคือ กลิ่นที่เด่นชัด สีแดงเข้ม หญ้าฝรั่นเป็นพืชที่มีประวัติยาวนาน ในยุคกรีกและโรมันโบราณนำหญ้าฝรั่นมาทำเป็นน้ำหอม ในประวัติศาสตร์จีน พบว่ามีการนำหญ้าฝรั่นมาปรุงเป็นยาจีนในยุค 1550s แต่ปัจจุบันมีการใช้หญ้าฝรั่นเฉพาะแค่เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหารกลุ่มประเทศตะวันออก, ตะวันออกกลางและยุโรปเป็นหลัก และยังถูกใช้เป็นสีย้อมผ้าอีกด้วย
ส่วนราคาของหญ้าฝรั่นที่ว่าแพงหูฉี่นั้น เอาแค่ว่าปริมาณแค่ 900 กรัมยังไม่ถึง 1 กิโลกรัมเลย ก็ต้องมีราคาถึง 1 แสนบาทแล้ว เหตุผลว่าทำไมหญ้าฝรั่นที่เป็นแค่เครื่องเทศนั้นแต่ทำไมถึงมีราคาแพง นั่นก็เพราะขั้นตอนการปลูกและเก็บเกี่ยวที่ยากลำบากนั่นเอง แม้จะมีชื่อไทยว่า “หญ้าฝรั่น” แต่พิจารณาตามลักษณะของต้นแล้ว หญ้าฝรั่นนั้นเป็นไม้ดอก มีดอกสีม่วง และเพาะพันธุ์ด้วยหัว แต่ละดอกนั้นจะมีเกสรตัวเมียส้มซึ่งดอกหนึ่งมีแค่ 3 เส้นเท่านั้น แล้วส่วนที่นำมาใช้เป็นเครื่องเทศก็คือเกสรตัวเมียนี้แหละ ฉะนั้นหญ้าฝรั่นที่น้ำหนัก 1 ปอนด์ (453 กรัม) ต้องเก็บเกี่ยวมาจากหญ้าฝรั่นถึง 75,000 ดอก แล้วเจ้าเกสรตัวเมียนี่ก็บอบบางมาก ไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเกษตรมาทุ่นแรงได้ ต้องเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้น
การปลูกหญ้าฝรั่นก็จุกจิกเช่นเดียวกัน หญ้าฝรั่นจะเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่เหมาะสมเท่านั้น จะต้องได้รับแสงแดดเต็มที่ในแต่ละวัน พื้นที่เพาะปลูกต้องระบายน้ำได้ดี ดินมีความชุ่มชื้นสามารถอุ้มน้ำได้แม้กระทั่งในช่วงฤดูร้อน ในวงการทำอาหารจะยกย่องให้หญ้าฝรั่นที่มีคุณภาพดีนั้นต้องมาจากประเทศอินเดีย, อิหร่าน และสเปนเท่านั้น
นอกเหนือจากเอกลัษณ์ทางด้านกลิ่นและรสชาติแล้ว นักวิจัยยังเผยว่าหญ้าฝรั่นมีประโยชน์ทางด้านโภชนาการอีกด้วย ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใส, ลดภาวะอารมณ์ผิดปรกติก่อนมีประจำเดือน, ช่วยในการลดน้ำหนัก และอื่น ๆ ผู้เขียนนั้นไม่เคยได้สัมผัสรสชาติของหญ้าฝรั่นเลยตอบไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร สมค่ากับราคาที่จ่ายหรือไม่ ใครเคยทานแล้วบ้าง มาเล่าให้ฟังหน่อยว่ารสชาติของหญ้าฝรั่นนั้นเป็นอย่างไร?