ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเชื่อว่าทั่วโลกกำลังตกตะลึงกับข่าวกลุ่มตาลีบันเข้าบุกยึดเมืองหลวงอัฟกานิสถานได้สำเร็จ ไม่ต่างจาก แจ็ก คัมมิงส์ (Jack Cummings) ทหารชาวอังกฤษที่เคยถูกส่งไปประจำการที่นั่นพร้อมกลุ่มพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลางนับจากเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 หรือเหตุการณ์ 9/11
หลังการส่งกองกำลังไปประจำการอยู่หลายปี อเมริกาและนานาชาติก็เริ่มถอนกำลังออกหลังจากให้ความช่วยเหลือในการฝึกฝนทหารท้องถิ่นเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการลุกฮือของกองกำลังติดอาวุธอีก อย่างไรก็ตามสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังถอนกองกำลังไม่ถึง 5 สัปดาห์ ปัจจุบันกลุ่มตาลีบันสามารถเข้ายึดกรุงคาบูล เมืองหลวงอัฟกานิสถานได้สำเร็จ ส่วนประธานาธิบดี อัชราฟ ฆานี (Ashraf Ghani) หลบหนีออกนอกประเทศไปเป็นที่เรียบร้อยเพราะกลัวการนองเลือดที่อาจตามมาหากถูกกลุ่มติดอาวุธจับตัวได้ และแม้ว่ากลุ่มตาลีบันจะขอเจรจาอย่างสันติรวมถึงขอให้ประชาชนอย่าหวาดกลัว แต่สถานการณ์ในอัฟกานิสถานก็ยังมีความวุ่นวายและชุลมุน มีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังอยู่ทั่วใจกลางกรุงคาบูล
คัมมิงส์เป็นหนึ่งในบรรดาทหารชายหญิงที่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะรู้สึกว่าภารกิจหลายปีที่พวกเขาพยายามกำจัดกลุ่มตาลีบันออกจากประเทศอัฟกานิสถานนั้นล้มเหลว
เขาโพสต์ในทวิตเตอร์ของตัวเองว่า “มันคุ้มค่าหรือเปล่า? อาจจะไม่ ผมเสียขาไปเพื่ออะไร เพื่อนของผมตายไปแบบเปล่าประโยชน์ ใช่ วันครบรอบ Bangaversary ปีที่ 11 ของผมสุดจะอึมครึม เต็มไปด้วยอารมณ์มากมายในหัว ทั้งโกรธ ถูกทรยศ และเศร้า” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากทั้งคนทั่วไปและคนที่เป็นทหารเหมือนกับคัมมิงส์ ส่วนใหญ่ปลอบว่าเขาและเพื่อน ๆ ไม่ได้เสียสละไปแบบเปล่าประโยชน์ บางส่วนมาระบายความโกรธ และบางส่วนก็โกรธแค้นแต่ก็ยอมรับว่าหน้าที่ทหารของตัวเองจบลงแล้ว
นอกจากคัมมิงส์แล้วยังมีอดีตนายทหารชาวออสเตรเลียอีกนายหนึ่งที่รู้สึกเสียใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มาร์ก เวลส์ (Mark Wales) อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ SAS กล่าวกับสำนักข่าว ABC ว่า “มันยากที่ต้องมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกอย่างพังลงอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอนาคตของอัฟกานิสถานนั้นอาจฟื้นตัวได้ยาก แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์พลิกผันขึ้นรวดเร็วแบบนี้” เขากล่าวปิดท้าย