ช่วงปี 2014 ไม่มีใครเชื่อเลยว่านักธุรกิจค้าที่ดินและพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะสมัครรับเลือกตั้งเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและได้ชัยชนะ ทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก (ร้าย) สิ้นดี
เช่นกันในวันนี้ ถ้ามีใครทำนายว่าในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าระบอบการปกครองประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาจะล่มสลายกลายเป็นระบอบกึ่งทรราชอย่างในรัสเซีย มันก็ดูจะเป็นเรื่องตลกสิ้นดีเช่นกัน
มีความเป็นได้มากว่าในอนาคตการเมืองอเมริกาอาจจะไม่มีเสถียรภาพอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ สิ่งไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ ผลงานประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอุทาหรณ์ที่ดี นักการเมืองคนนี้ไม่ยอมแพ้ใคร ยังอยู่ในโลกของมายาคติ ที่น่ากลัวที่สุด คือเขาอาจจะสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่งก็ได้ในปี 2024
เดือนนี้ครบรอบ 1 ปีพอดีของการจลาจลที่เกิดขึ้น ณ สภาผู้แทนราษฎรในกรุงวอชิงตัน ดี ซี มีผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนหนึ่งหมื่นกว่าคนได้บุกรุกและเข้าไปยึดสภาคองเกรสเป็นเวลาเกือบหกชั่วโมงเต็ม ก่อนที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยจะคุมสถานการณ์ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือของระบอบประชาธิปไตยสหรัฐอเมริกาสั่นคลอนไปมาก ทำให้เกิดคำถามว่า เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้อีกไหม มีใครบ้างจะรับประกันว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย
ถ้าสองแนวโน้มที่เป็นอยู่ในปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป การเมืองอเมริกาในอนาคตอาจจะเกิดความวิบัติก็ได้ ประเด็นแรกคือ หนึ่งส่วนสี่ของคนอเมริกันยังเชื่อว่าทรัมป์ถูกโกงการเลือกตั้ง เจ้าตัวก็ยังออกมาประกาศว่าตัวเองชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่หลักฐานในการสืบสวนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในพึ้นที่มีการกล่าวหากัน ไม่มีหลักฐานใด ๆ แสดงให้เห็นถึงการฉ้อโกงอย่างที่ทรัมป์และผู้สนับสนุนกล่าวหา
ที่ร้ายกว่านี้คือ ภายในพรรคริพับลิกันได้ปิดปากเงียบไม่กล้าออกมาวิจารณ์ทรัมป์แม้แต่คนเดียว เพราะนักการเมืองในพรรคกลัวว่าจะเสียคะแนนเสียงเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากฐานเสียงการเมืองในมลรัฐต่าง ๆ ของทรัมป์ยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม ต้องยอมรับว่านักการเมืองคนนี้มีเสน่ห์สามารถพูดปดหลอกคนอเมริกันได้ โดยเฉพาะมลรัฐที่อยู่ทางใต้ รวมทั้งภาคกลางและตะวันออกเฉียงเหนือ
ประเด็นที่สองคือความเชื่อของคนอเมริกันที่ว่าระบบที่มีอยู่ในระบอบการเมืองในปัจจุบันสามารถเข้ามาจัดการเรื่องความวุ่นวายต่าง ๆ ในวงการเมืองได้ ตามจริงเป็นความเชื่อที่งมงายที่ผ่านมาการเมืองอเมริกันมีวิกฤตมากมาย แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการแบ่งขั้วการเมืองอย่างชัดเจน ไม่มีระบบและพรรคการเมืองจะเข้ามาแก้ไขได้อย่างมีความยั่งยืน
ทั้งสองประเด็นนี้จะเป็นตัวตัดสินอนาคตการเมืองอเมริกัน ที่ผ่านมาจะพบว่าระบบการเมืองอเมริกายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องยุ่ง ๆ เกี่ยวกับการลงคะแนนเสียง ขณะนี้พรรครีพับลิกันพยายามออกกฎหมายที่ทำให้การลงคะแนนเสียงในบางพื้นที่เป็นไปอย่างลำบาก เพื่อกันไม่ให้พรรคตรงข้ามคือพรรคเดโมแครตเอาชนะ
ต้องยอมรับว่า ตอนนี้สหรัฐฯ ได้เผชิญกับภาวะข้าวยากหมากแพงแล้ว ทำให้การเมืองอเมริกาที่มีการแบ่งขั้วอยู่แล้ว มีอาการเลวร้ายยิ่งขึ้น ความเหลื่อมล้ำยิ่งมีมากขึ้น ทำให้เกิดขบวนการของคนที่เหยียดคนต่างชาติมีมากขึ้น กลุ่มลักษณะนี้มีเครือข่ายทั่วสหรัฐฯและมีอิทธิพลต่อนักการเมืองท้องถิ่นด้วย
หนึ่งปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ระบบการเมืองของอเมริกาให้ผลประโยชน์แก่คนร่ำรวยผิวขาว และกลุ่มคลั่งลัทธิชาตินิยม ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนต่างสีผิวในอเมริกา ในขณะเดียวกันทรัมป์กับพรรคพวกได้เสนอตัวเองว่าพวกเขาเป็นกลุ่มรักชาติ ปกป้องต่างชาติไม่ให้เข้ามายึดและขโมยผลประโยชน์แห่งชาติของอเมริกา
ตราบใดที่อิทธิพลทรัมป์ยังคงอยู่ กลุ่มรักชาติรวมทั้งกลุ่มขวาจัดในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งสื่อขวาจัดทุกแพลตฟอร์มจะเข้ามาร่วมประสานพลังที่จะต้านคนต่างชาติ หรือนโยบายที่พรรคเดโมแครตสนับสนุนอยู่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป กลุ่มเหล่านี้นี่แหละที่จะทำให้ตัวแทนขวาจัดชนะการเลือกตั้ง และทำลายความเป็นประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาที่คนทั่วโลกรู้จักกัน เพราะผู้นำขวาจัดจะมีมาตรการต่าง ๆ ที่จะใช้อำนาจเพื่อกดขี่ชาติพันธุ์อื่น ๆ ได้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส