สงครามยูเครนจะสร้างระเบียบใหม่ทางด้านความมั่นคงในยุโรปอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะระบบความมั่นคงที่มีมานานหลังสงครามโลกไม่สามารถสร้างเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของเหล่าประเทศที่เป็นสมาชิกองค์การนาโต้กับรัสเซียและบริวาร
กองทัพรัสเซียบุกเข้ายูเครนในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัสเซียไม่ยอมเล่นเกมยุทธศาสตร์ความมั่นคงที่ดำเนินมานานเป็นเวลากว่า 70 ปีหลังสงครามโลก ที่น่าแปลกใจคือหลังจากกำแพงเบอร์ลินถูกพังทะลาย ความรู้สึกแตกแยกและผลพวงของสงครามเย็นก็ไม่ได้จางหายไป กลับมีการเสริมสร้างกองกำลังทางฟากของสมาชิกองค์การนาโต้ โดยการเพิ่มสมาชิกที่เคยเป็นพันธมิตรกับอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียต
หลังจากนั้นมีการชักชวนประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียตที่ได้รับอิสรภาพใหม่ให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การนาโต้ เป้าหมายก็คือยูเครน ประเทศยุโรปที่ใหญ่เป็นที่ 2 รองจากรัสเซีย
แรงกดดันทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ต่อรัสเซียมีมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2008 ประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ได้ตอกย้ำกับองค์การนาโตซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าล้ำเส้น รัสเซียจะไม่ยอมรับการขยายตัวขององค์การนาโตมาประชิดดินแดนของตนเด็ดขาด ถือว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อรัสเซียโดยตรง เท่ากับมีพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในองค์การนาโตมาติดชายแดนรัสเซีย ปูตินพูดชัดเจนว่ายูเครนไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกนาโตได้ ดูเหมือนไม่มีใครยอมฟังเสียงคำเตือนนี้
ตอนปูตินเข้าเป็นผู้นำรัสเซียใหม่ ๆ สมัยแรกในปี 2000 เขาเสนอว่ารัสเซียควรจะเป็นสมาชิกนาโตได้แล้วจะได้ร่วมมือกันสร้างความมั่นคงและพัฒนายุโรปไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากสงครามเย็นจบสิ้น ควรมีการเริ่มการวางแผนระเบียบความมั่นคงใหม่ที่ไม่ต้องมีศัตรู ปรากฏว่ายุโรปที่เป็นฟากประชาธิปไตยไม่ยอมรับข้อเสนอปูติน
หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1999 ถึง 2007 จะเห็นว่ารัสเซียมีนโยบายที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกาและยุโรปมาก ๆ พูดง่าย ๆ รัสเซียไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยมีพิษสงอะไรแบบที่เห็นกันในขณะนี้ ปูตินรู้สึกถูกหยามหน้า แถมประเทศยุโรปต่าง ๆ ก็ดูถูกแสนยานุภาพของรัสเซีย ในประเด็นนี้ปูตินจดจำไว้เป็นอย่างดีเพราะเห็นการเสื่อมสลายของสหภาพโซเวียตกับตาในสมัยที่ประจำการในฐานะหัวหน้าเคจีบีในกรุงเบอร์ลิน
ในช่วงสงครามยูเครน 5 วันที่ผ่านมา เยอรมนีพี่ใหญ่ของสหภาพยุโรปได้มีการปรับนโนบายความมั่นคงแบบฉับพลัน ตัดสินใจส่งอาวุธขนาดหนักให้ยูเครน ถือเป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้ พร้อมกับตัดสินใจเพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศหลายเท่าตัวเพื่อป้องกันประเทศในอนาคต เพราะได้ประกาศการเป็นคู่อริกับรัสเซียแล้ว
ในอนาคตระเบียบความมั่นคงใหม่จะเห็นยุโรปมีกองกำลังของตัวเองอย่างที่รัฐบาลฝรั่งเศสเคยเสนอ ยุโรปจะมีความสามัคคีมากขึ้น โดยเฉพาะสมาชิกของสหภาพยุโรปซึ่งจะมีมิติความมั่นคงและยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ นอกจากความร่วมมือทั้งด้านการค้าและเศรษฐกิจ ครั้งนี้ยุโรปได้รับบทเรียนว่ามีการพึ่งพาด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกามากเกินไป จนขาดความสามารถที่จะจัดการเรื่องความมั่นคงในยุโรปได้ด้วยตัวเอง โดยไม่มีสหรัฐอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนรัสเซียนั้นก็คงจะถูกโดดเดี่ยวต่อไป หากสงครามยูเครนยืดเยื้อไปนานเท่าไร อนาคตปูตินจะยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นทุกวัน ถ้าปูตินยังครองอำนาจอยู่ ก็คงไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนเหมือนสมัยก่อน การคว่ำบาตรแบบเบ็ดเสร็จครั้งนี้ของยุโรปรุนแรงที่สุดเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงปูตินที่จะนำมาใช้ในสงคราม ตอนนี้คนรัสเซียและระบบการค้าในและนอกประเทศรวมทั้งการคลังถูกบล็อกหมด ประชาชนตาดำ ๆ ต้องรับเคราะห์กรรมไปเต็ม ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส