[รีวิว] Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore – ดูสนุกเพลินครบรส แต่บททำได้แค่เกือบเอาอยู่
Our score
7.5

Release Date

13/04/2022

แนว

แอ็กชัน / แฟนตาซี

ความยาว

2.23 ชม. (143 นาที)

เรตผู้ชม

PG-13

ผู้กำกับ

เดวิด เยตส์ (David Yates)

[รีวิว] Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore – ดูสนุกเพลินครบรส แต่บททำได้แค่เกือบเอาอยู่
Our score
7.5

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore | สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

จุดเด่น

  1. ตัวบทบันเทิงกว่าภาคที่แล้ว มีทั้งซึ้ง ฮา น่ารัก แอ็กชัน การเมือง ดูเพลินแบบจบในตัว
  2. ตัวหนังเดินเรื่องและคลายปมที่เป็นปริศนาได้ค่อนข้างมาก
  3. แมดส์ มิกเคลเซน รับบทกรินเดลวัลด์ได้มีเสน่ห์ น่าเกรงขาม ต่างออกไปจากป๋าเดปป์
  4. จูด ลอว์ยังรับบทอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ได้เฺฉียบคมและทรงพลังเช่นเคย
  5. สัตว์วิเศษภาคนี้มีไม่เยอะ แต่น่ารักและโดดเด่นทุกตัว
  6. แฟนเซอร์วิสวิซาร์ดดิง เวิลด์เต็มไปหมด ถูกใจพอตเตอร์เฮดแน่นอน

จุดสังเกต

  1. เส้นเรื่องและตัวละครยังคงยุ่งเหยิงและขาด ๆ เกิน ๆเหมือนภาคที่แล้ว
  2. เดินเรื่องค่อนข้างช้า บางฉากเยิ่นเย้อเกินไป
  3. บางฉาก เช่นฉากแอ็กชันที่อยากให้นานก็ดันสั้นไปนิด
  4. จุดเปลี่ยนและทางเลือกของตัวละครบางตัวยังดูไม่เมกเซนส์
  5. แอบเสียดายตัวละครบางตัวที่ถูกลดบทบาทในภาคนี้ (คิดว่าคงกั๊กไว้ภาคต่อ ๆ ไปนั่นแหละ)
  • ความสมบูรณ์ของเนื้อหา

    6.8

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.8

  • คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง

    6.7

  • การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง

    6.8

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    8.3


สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

นักสัตว์วิเศษวิทยาหนุ่มติ๋ม ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ และสัตว์มหัศจรรย์สารพันในกระเป๋าวิเศษกลับมาแล้วครับ กับ ‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore’ หรือ ‘สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ Prequel ที่ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ขยายจักรวาลของโลกเวทมนตร์ต่อมาจากเรื่องราวของ ‘แฮร์รี พอตเตอร์’ (Harry Potter) หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘วิซาร์ดดิง’ เวิลด์ (Wizarding World) นั่นเอง

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

ภาคนี้เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์สัตว์มหัศจรรย์จากทั้งหมด 5 ภาค ที่ยังคงสานต่อเรื่องราวจาก 2 ภาคแรก ทั้งความปั่นป่วนของโลกเวทมนตร์ยุคโบราณ กับสัตว์มหัศจรรย์ใน ‘Fantastic Beasts : and Where to Find Them’ (2016) และก้าวเข้าสู่สงครามแห่งพ่อมดแม่มดแบบเต็มตัวใน ‘Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald’ (2018) (ซึ่งทั้ง 2 ภาคสามารถหาดูได้ใน HBO GO นะครับ)

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

กว่าจะเดินทางมาถึงภาคนี้ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การยอมถอนตัวของนักแสดงหลักอย่างป๋า ‘จอห์นนี เดปป์’ (Johnny Depp) เจ้าของบทบาท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (a.k.a น้าหน่อย เชิญยิ้ม) ที่แพ้คดีฟ้องร้องสื่อหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ จากกรณีคดีฟ้องหย่าภรรยานั่นแหละ ผลกระทบก็คือ ป๋าเองถูกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ขอให้ถอนตัวพร้อมกับรับเช็กเงินค่าตกใจ และเรียกใช้งานนักแสดงดาวร้ายตัวพ่ออย่าง ‘แมดส์ มิกเกลสัน’ (Mads Mikkelsen) มารับบทพ่อมดฝั่งมืดในภาคนี้แทน

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

เดวิด เยตส์ (David Yates) ผู้กำกับจากทั้งสองภาคแรก (และผู้กำกับจากภาพยนตร์แฮร์รี พอตเตอร์) กลับมารับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ผู้เขียนบทจากทั้ง 2 ภาค และ ‘สตีฟ โคลฟส์’ (Steve Kloves) ผู้เขียนบทแฮร์รี พอตเตอร์ทั้ง 7 ภาคมาแปะมือร่วมกันเขียนบทเป็นครั้งแรก

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

หลังจากที่ ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ (Jude Law) ล่วงรู้ความลับว่า ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (Mads Mikkelsen) เริ่มระดมกองทัพเพื่อหวังยึดครองโลกเวทมนต์ตามที่ใจปรารถนา โดยที่เขาตั้งเป้าว่า เขาและกองทัพจะโค่นล้มมักเกิลผู้ไร้เวทมนตร์ให้สิ้นซาก ด้วยกลเกมการเมืองที่เขาวางแผนเอาไว้ในพิธีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดแห่งโลกเวทมนตร์ พร้อมกับการควบคุม ‘ครีเดนซ์ แบร์โบน’ (Ezra Miller) และ ‘ควีนนี โกลสตีน’ (Alison Sudol) ที่แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งของกรินเดลวัลด์แบบเต็มตัว

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

ดัมเบิลดอร์จึงต้องเรียกนักสัตว์วิเศษวิทยา ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ (Eddie Redmayne) นำทัพเหล่าพ่อมด แม่มดทั้ง ‘ธีซีอุส สคามันเดอร์’ (Callum Turner) พี่ชายของนิวต์ หัวหน้าสำนักงานมือปราบแห่งกระทรวงเวทมนตร์แห่งอังกฤษ ‘ยูซุฟ คามา’ (William Nadylam) ผู้ต้องการแก้แค้นที่กรินเดลวัลด์สังหารน้องสาวในกองเพลิงในภาคที่แล้ว และมักเกิลอย่าง ‘เจคอบ โควาลสกี’ (Dan Fogler) มาร่วมเผชิญหน้าภารกิจเสี่ยงตาย และไขความลับของดัมเบิลดอร์ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับกรินเดลวัลด์ รวมทั้งสัญญาเลือดที่ทั้งคู่ทำไว้ร่วมกัน ทำให้การปราบมารระดับพี่เบิ้มจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

ก็คงไม่เกินเลยนักหากจะกล่าวว่า ด้วยอานิสงส์ที่ตัวหนังในภาคนี้เป็นภาคที่ 3 จากทั้งหมด 5 ภาคที่ตั้งเป้าเอาไว้ ตัวเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็เลยต้องมีหน้าที่ขยายเรื่องราวของตัวเองให้ใหญ่ขึ้น พร้อมกับคลายปมปัญหาและผลักเป้าไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่ขึ้นกว่า 2 ภาคแรก ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ตัวบทขยายใหญ่จาก 2 ภาคที่แล้วขึ้นเยอะมาก ทั้งเรื่องราวการผจญภัยและการต่อสู้ที่ต้องเดินทางไปยังที่นั่นที่นี่มากมาย และปมเรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวเบื้องหลังของคู่ปรับอย่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ ที่แม้ในภาคที่แล้วจะแอบเปรย ๆ ไว้บ้าง แต่ในภาคนี้ก็จะเน้นหนักมากขึ้น

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

ในแง่ของการดำเนินเรื่อง เอาจริง ๆ ผู้เขียนมองว่าในภาคนี้ บทค่อนข้างกลมกล่อมและดูง่ายกว่าภาคที่แล้วพอสมควรนะครับ เรียกได้ว่าค่อนข้างประนีประนอม ปรับสมดุล และปรับกราฟเรื่องราวให้เข้าที่มากกว่าสองภาคแรกอย่างชัดเจน ตัวหนังยังคงใส่ Easter Egg จากจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์ มาให้เหล่าพอตเตอร์เฮด (Potterhead) ได้กรี๊ดกันแบบจุก ๆ

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

แต่ตัวบทเองก็เริ่มจะปรับแต่งเรื่องราวให้ครบรส และน่าจะทำให้มักเกิลที่ไม่ได้อิน ก็น่าจะดูได้แบบสนุกครบรส ทั้งแอ็กชันที่มีประปราย พล็อตหนังเกมการเมืองที่แทรกเข้ามาได้แปลกใหม่ดีสำหรับโลกเวทมนตร์ สัตว์วิเศษที่แม้ในภาคนี้จะมีไม่เยอะ แต่เหล่าน้อน ๆ ที่มาใหม่ก็ล้วนแต่น่ารักกันทั้งนั้น โดยเฉพาะน้อนกิเลน สัตว์วิเศษชั้นสูงที่มีสัมผัสลึกถึงจิดใจคนได้ และน้อนปูแมงมุมที่เรียกเสียงฮาได้ดีมาก ส่วนน้อน ๆ แก๊งเดิมก็ยังคงสร้างสีสันให้กับตัวหนังได้อย่างน่ารักน่าชัง

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

รวมทั้งการเพิ่มบทบาทให้มักเกิลอย่างเจคอบได้ออกโรงมากขึ้น (เหมือนที่ได้เห็นในตัวอย่าง) การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ ที่ตัวหนังค่อย ๆ เล่าถึงความผูกพันลึกซึ้งอะไรบางอย่างระหว่างกันและกัน รวมถึงอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันจนนำไปสู่สงคราม รวมทั้งการใส่มุกฮาที่ทำงานได้ดีกว่าภาคที่แล้วอย่างน่ามหัศจรรย์ ก็น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่ตัวหนังสามารถถ่วงน้ำหนักระหว่างความสนุกน่าติดตาม และความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่นต่อแฟรนไชส์แฮร์รี พอตเตอร์สำหรับเหล่าแฟน ๆ ได้ถือว่าค่อนข้างสมดุลและออกมากลมกล่อมกว่าสองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตัวหนังเองก็ยังคงมีปัญหาที่ยังแก้ไม่หายจากสองภาคแรกครับ นั่นก็คือเรื่องราวที่มีเส้นเรื่องยุ่บยั่บเต็มไปหมด ซึ่งน่าจะมาจากการที่ตัวหนังมีตัวละครค่อนข้างเยอะ และแอบเดาว่า เจ.เค.โรว์ลิงเองก็ยังติดวิธีการเขียนแบบนิยาย ที่ต้องเน้นรายละเอียดและมีหลายซับพล็อต (หลายเส้นเรื่อง) ลงมาในบทภาพยนตร์ ที่จำเป็นต้องออกแบบเส้นเรื่องให้เคลียร์และคลีนกว่านิยายหรือวรรณกรรมเยาวชนที่จะเล่าด้วยกระบวนท่าแบบไหนก็ได้ เพราะคนอ่านนึกตามเอาเองได้อยู่แล้ว

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

รวมทั้งการพยายามกั๊กรายละเอียดบางอย่าง และบางตัวละครเอาไว้ไปเล่าในภาคต่อไปด้วย คือก็เข้าใจได้นะครับว่าตัวหนังทั้งหมดมันมี 5 ภาค ก็เลยต้องลดบทบาทบางตัวละครที่ไม่จำเป็นลงบ้าง แต่ก็แอบรู้สึกเหมือนกันว่า เอาตัวละครที่หายไป มาแทนที่ตัวละครบางตัวที่ดูไม่ค่อยจะมีบทบาทสำคัญไปซะเลยก็ไม่น่าจะเสียหายมั้ง ยังดีที่ได้ สตีฟ โคลฟส์ มือเขียนบทที่คุ้นชินกับจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์มาช่วยกันตบให้เข้าที่เข้าทางได้พอสมควร

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

รวมทั้งการที่ตัวละครบางตัวก็แอบมีทางเลือกและจุดเปลี่ยนที่ยังไม่ค่อยเมกเซนส์สักเท่าไหร่ อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนอุดมการณ์กันแบบดื้อ ๆ ซะอย่างนั้นแหละ ตรรกะของเหตุการณ์ในบางฉากที่ชวนให้แอบงงว่ามาเชื่อมโยงกันได้ยังไง หรือทำไปเพื่ออะไรกันแน่ และยิ่งพอตัวหนังเองค่อนข้างเดินเรื่องช้ามาก ๆ ในระดับที่ถือว่าเนือยตลอดทั้งเรื่อง ก็ยิ่งทำให้ตัวหนังค่อนข้างเยิ่นเย้อหนักเข้าไปอีก แต่ไอ้ฉากที่ดันอยากให้ยาว ๆ หรือเน้น ๆ อย่างเช่นแอ็กชันต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ กลับสั้นและรวบรัดเกินเหตุเสียอย่างนั้นแหละ

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

ในส่วนของนักแสดง จริง ๆ โดยรวมก็ถือว่าไม่ผิดหวังนะครับ แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์วิเศษจะยังคงโดนเส้นเรื่องของสงครามและความลับของดัมเบิลดอร์กลบอยู่พอสมควร แต่ตัวของ ‘เอดดี เรดเมน’ (Eddie Redmayne) ผู้รับบท ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ ก็มีโอกาสได้โชว์การแสดงมากขึ้นจากภาคที่แล้วอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเส้นเรื่องและบทบาทของนิวต์จะนั้นแทบจะกลายเป็นบทสมทบไปแล้ว ส่วน ‘จูด ลอว์’ (Jude Law) ก็ยังรับบท ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ ได้เฺฉียบคมและทรงพลังน่าประทับใจเช่นเคย

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

และนักแสดงที่หลายคนคาดหวังอย่าง ‘แมดส์ มิกเคลเซน’ (Mads Mikkelsen) เองก็เรียกได้ว่า เอาอยู่กับบท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ ได้มีเสน่ห์และน่าเกรงขามและเฉพาะตัวมาก ๆ ครับ ผู้เขียนเองก็ยากที่จะฟันธงว่าคนไหนแสดงดีกว่า เพราะต่างคนต่างก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อย ๆ พี่แมดส์เองก็ถือว่าเอาอยู่ และน่าจะพอทดแทนกรินเดลวัลด์ฉบับป๋าเดปป์ได้แบบไม่น่าจะติดอะไรแล้วล่ะครับ

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

สรุปโดยรวม ‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ถือว่าเป็นการถ่วงสมดุลการเดินเรื่อง ทั้ง Easter egg ในจักรวาลที่ขยายใหญ่โตกว่าเดิม แต่ก็ชวนให้หวนนึกถึงบรรยากาศแบบแฮร์รี พอตเตอร์ ทีมนักแสดงที่มีเสน่ห์ ซึจีตระการตาและงานละเอียดกว่าภาคที่แล้ว และความบันเทิงที่ให้มาแบบค่อนข้างครบ ทั้งซึ้ง ฮา โรแมนติก แอ็กชันหนักหน่วง การผจญภัยที่ตื่นเต้น และสัตว์วิเศษที่ยังคงน่ารักน่าชังแบบชนิดที่เรียกว่าจบในตัว น่าจะทำให้พอตเตอร์เฮดและมักเกิลชื่นชอบและดูเพลิน ๆ ได้ไม่ยาก

Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

แต่ด้วยตัวหนังเองที่ยังคงมีปัญหาเรื้อรังจากภาคก่อน ๆ ทั้งเส้นเรื่องที่ยุ่งเหยิง การเล่าแบบขาด ๆ เกิน ๆ จุดที่ควรเล่าก็ไม่ลงลึก ตรรกะของตัวละครและเหตุการณ์ที่ชวนงง รวมทั้งการเดินเรื่องที่ช้าจนเนือยนี่เอง ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ยังถือว่าเกือบจะเอาอยู่ล่ะครับ เพียงแต่ว่ามันก็อาจจะยังหาตรงกลางได้ไม่เจอ คนที่ชอบก็ชอบแหละ ส่วนคนที่เกลียดก็เกลียดไปเลย (ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นพอตเตอร์เฮตหรือมักเกิลด้วยนะ) ต้องรอดูว่าทีมเขียนบทจะร่ายคาถาโบกนิดสะบัดหน่อยให้หนังอีก 2 ภาคที่เหลือ ออกมาดูดีกว่า 3 ภาคแรกได้ไหม หรือไม่ ก็อาจกลายเป็นหนังยืดๆ งง ๆ 5 ภาคทีได้แต่เกือบจะเอาอยู่ แต่หาตรงกลางระหว่างกระเป๋าสัตว์วิเศษของนิวต์ สคามันเดอร์ไม่เจอสักที


Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส