ผู้กำกับภาพยนตร์อารมณ์ดี ‘ไทกา ไวทีที’ (Taika Waititi) นอกจากจะมีผลงานกำกับ ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) ภาพยนตร์ของ Marvel เรื่องล่าสุดเพิ่งจะเข้าฉายไปไม่นานมานี้แล้ว เขาเองตอนนี้ก็ถือว่าเป็นผู้กำกับที่เนื้อหอมเลยทีเดียว เพราะมีผลงานกำกับ เขียนบท โปรดิวเซอร์โน่นนั่นนี่ไปทั่ววงการ
ล่าสุด ไวทีทีได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Rolling Stone ทั้งหน้าที่รับผิดชอบในการเขียนบท และเตรียมตัวกำกับภาพยนตร์ภาคใหม่ให้กับจักรวาล สตาร์ วอร์ส (Star Wars) และการรับหน้าที่กำกับกำกับภาพยนตร์เดี่ยวเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ รวมทั้งเขายังได้เล่าเบื้องหลังในการเขียนบทร่วม และกำกับภาค ‘Love and Thunder’ รวมทั้งการดึงเอานักแสดงดังอย่าง ‘นาตาลี พอร์ตแมน’ (Natalie Portman) นักแสดงสาววัย 41 ปีกลับมาสู่ MCU อีกครั้ง
อย่างที่ทราบกันดีว่า พอร์ตแมนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เคยรับบทนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์หญิง ‘เจน ฟอสเตอร์’ (Jane Foster) อดีตรักเก่าของเทพเจ้าธอร์เป็นครั้งแรกใน ‘Thor: The Dark World’ (2014) ก่อนที่เธอจะกลับมาในฐานะ ‘ไมตี้ธอร์’ (Mighty Thor) ฮีโรหญิงผู้มีพลังควงค้อนโยเนียร์ในภาคนี้
ซึ่งในบทสัมภาษณ์นี้ ไวทีทีเองก็ได้เล่าถึงเบื้องหลังการทำงานร่วมกันของเขากับพอร์ตแมนด้วย เขาเล่าถึงที่มาของการนำเอาพอร์ตแมนกลับมารับบทไมตี้ธอร์ว่า “ผมคิดว่า แฟน ๆ จำนวนมากคงคิดถึงเจน ฟอสเตอร์กันน่าดู และผู้คนก็อยากจะเห็นเธออีกครั้ง และมันก็เป็นโอกาสที่เป๊ะมาก เพราะตัวละครตัวนี้ในคอมิก (‘The Mighty Thor’) ที่เขียนโดย ‘เจสัน อาร์รอน’ (Jason Aaron) ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ๆ “
“และเควิน (‘เควิน ไฟกี’ (Kevin Feige) ประธาน Marvel Studios) เองก็เห็นด้วย ที่จะให้ผมลองหาวิธีในการนำเอาไมตี้ธอร์มาใส่ในหนังเรื่องนี้ และนำเอาพอร์ตแมนกลับมา ตอนที่ติดต่อไป เธอไม่เคยได้ยินการ์ตูนเรื่องนั้นมาก่อน ผมก็เลยส่งการ์ตูนให้เธออ่าน”
และเมื่อได้ร่วมงานกันจริง ๆ ไวทีทีเผยว่า เขาประทับใจกับฝีมือการแสดงของเธอเป็นอย่างมาก “นาตาลีถามผมว่า (หลังจากกำกับ ‘Thor: Love and Thunder’ เสร็จ) แล้วจะทำงานอะไรต่อไป ผมก็เลยตอบไปว่า “ผมกำลังพยายามทำ Star Wars อยู่น่ะ คุณเคยสนใจที่จะแสดงในภาพยนตร์ Star Wars บ้างป่ะ ? “
“แล้วเธอก็ตอบว่า “ฉันเคยอยู่ใน Star Wars มาแล้ว”
ผมก็แบบ เออ ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย (หัวเราะ)”
ไวทีทีน่าจะลืมไปแล้วว่า นาตาลี พอร์ตแมนเคยรับบทราชินี ‘แพดเม อมิดาลา’ (Padme Amidala) หนึ่งในตัวละครสำคัญใน ‘Star Wars ไตรภาคต้น’ ทั้งใน Star Wars: Episode I – The Phantom Menace (1999), Star Wars: Episode II – Attack of the Clones (2002) และ Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith (2005)
ทวนความทรงจำในไตรภาคต้น หรือเอพิโสด 1-2-3 ของ Star Wars แบบคร่าว ๆ ว่า แพดเมคือราชินีอมิดาลาแห่งดาวนาบู (Naboo) ที่ได้รับเลือกจากวุฒิสมาชิกแห่งสภากาแลกติก เธอเคยร่วมมือกับเจไดปลดปล่อยการปิดล้อมจากสมาพันธ์การค้าที่มาปิดล้อมดาวนาบู เมื่อเธอตกเป็นเป้าสังหาร สภาเจไดจึงได้ส่ง ‘อนาคิน สกายวอล์คเกอร์’ (Anakin Skywalker) มาอารักขา ก่อนที่ทั้งคู่จะเกิดความรักต่อกัน และแอบสมรสกันแบบลับ ๆ
แต่หลังจากที่อนาคินเห็นนิมิตความตายของเพดเม เขาจึงพยายามหาหนทางช่วยชีวิตเธอ จนทำให้เขาหลงเข้าด้านมืด แถมยังเคยทำร้ายเพดเมด้วย แต่แล้วเธอก็สิ้นใจจริง ๆ หลังจากคลอดลูกแฝด ‘ลุค สกายวอล์กเกอร์’ (Luke Skywalker) และ ‘เลอา ออร์กานา’ (Leia Organa) ส่วนอนาคินก็กลายเป็น ‘ดาร์ธ เวเดอร์’ (Darth Vader) ในตอนท้ายเอพิโสดที่ 3
ส่วนไวทีทีเองก็เป็นผู้กำกับและมือเขียนบทภาพยนตร์ที่กำลังเนื้อหอมของฮอลลีวูดในเวลานี้เช่นเดียวกัน เพราะเขาต้องวิ่งรอกรับจ๊อบทั้งสองจักรวาล นอกจากเขาจะรับหน้าที่กำกับ เขียนบทร่วม และให้เสียงตัวละคร ‘Korg’ ใน ‘Thor: Love and Thunder’ แล้ว เขาเองก็ยังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และนักแสดงให้กับทีวีซีรีส์หลายเรื่อง แถมยังจ่อคิวจะทำหนังส่วนตัวของตัวเองอีกต่างหาก
ส่วนฝั่งการทำงานกับฝั่งสตาร์ วอร์ส แม้จะมีข่าวว่า ไวทีที ที่เคยร่วมงานกับ Star Wars ตั้งแต่การร่วมกำกับบางตอน และให้เสียงพากษ์ดรอยด์ ‘IG-11’ ในซีรีส์ ‘The Mandalorian’ จะมารับหน้าที่เขียนบทและกำกับไตรภาคภาพยนตร์ Star Wars ภาคใหม่ แต่ก็แทบจะยังไม่มีการประกาศชื่อนักแสดง หรือเผยทิศทางของเรื่องราวในไตรภาคนี้ออกมาเลยแม้แต่น้อย
มีแค่อัปเดตล่าสุดที่เขาเผยว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนการเขียนบท และบทที่ออกมาก็จะมีกลิ่นอายของความตลกขบขันและความเป็นเด็ก ที่ห่อหุ้มความจริงจังซีเรียสเป็นแกนกลาง เช่นเดียวกับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับ
ส่วนเบื้องหลังของไวทีที ที่นำเอาไมตี้ธอร์ (และเจน ฟอสเตอร์) มาใส่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเคยเล่าไว้ในสัมภาษณ์ของ Empire ว่า เหตุผลที่แท้จริงในการใส่ตัวละครนี้ก็คือ เพื่อต้องการปั่นหัวใจเทพเจ้าธอร์นั่นเอง
“เธอมีชีวิตในอีกด้านหนึ่ง แล้วอยู่ดี ๆ ความรักในชีวิตคุณก็กลับมาที่เดิม นี่แหละคือสิ่งที่จะปั่นหัวให้ธอร์สับสน”
ที่มา : Rolling Stone, Total Film, /Film, Empire
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส