อย่างที่ทราบข่าวกันไปแล้วว่า เบรนแดน เฟรเซอร์ (Brendan Fraser) อดีตพระเอกหนุ่มหล่อกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง จากการรับบทนำในภาพยนตร์ดราม่าของค่าย A24 เรื่อง ‘The Whale’ ที่การันตีฝีมือด้วยการ Standing Ovation นานถึง 6 นาที หลังฉายรอบปฐมฤกษ์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสประจำปี ครั้งที่ 79 ที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นการพาเขากลับเข้าสู่ฮอลลีวูดอีกครั้งได้อย่างงดงาม
สำหรับคอหนังยุค 90’s น่าจะจำเขาได้ดีจากบทบาท ริก โอคอนเนล (Rick O’Connell) อดีตทหารผู้ตะลุยมัมมี่จากภาพยนตร์แฟรนไชส์ ‘The Mummy’ ซึ่งเขาเองได้โชว์ทักษะการแสดงบทแอ็กชันไว้ได้อย่างน่าประทับใจ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในการถ่ายทำภาคแรก ‘The Mummy’ (1999) เขาเองเกือบจะไม่ได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ด้วยซ้ำ เพียงเพราะความทุ่มเท และความห่ามระห่ำของเขา ทำให้เขาเองได้เข้าไปเจอเหตุเสี่ยงตายในกองถ่ายที่ประเทศโมร็อกโกถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ถ้าจะให้อธิบายโดยรวมก็คือ ในการถ่ายทำ The Mummy กองถ่ายได้เดินทางไปถ่ายทำที่ประเทศโมร็อกโก ซึ่งเป็นดินแดนทะเลทรายที่มีอากาศร้อนและแห้ง เพราะเป็นพื้นที่ในบริเวณทะเลทรายซาฮารา ทีมงานและนักแสดงก็เลยต้องประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งพายุทราย ความร้อน อาการขาดน้ำ และยังต้องระมัดระวังสัตว์ทะเลทรายที่มีพิษกัดหรือต่อยจนอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต
คราวแรกคือเขาได้มีโอกาสเจอกับงูพิษที่อาจอันตรายถึงชีวิต โดยเฟรเซอร์เล่าว่า “(ที่กองถ่าย) ผมเห็นผู้ชายคนสองคน ปีนขึ้นไปบนโขดหิน แล้วพวกเขาก็เริ่มทำท่าแทงไปที่โขดหินอยู่สักครู่ ผมก็เลยเข้าไปถามว่า ‘พวกนายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ’ โอ้ ปรากฏว่าเขากำลังแทงงูว่ะ”
“ทีมงานส่งโน้ตมากับใบ Call Sheet* ในนั้นบอกรายละเอียดลักษณะของงูชนิดหนึ่งที่มีจุดสีเหลือง ๆ บนตัวมัน และพวกเขาย้ำว่า ถ้าเห็นงูนี่เข้า ให้เดินหรือวิ่งหนีให้ไกล อย่าเข้าใกล้มัน เพราะถ้ามันกัดคุณ อย่างดี ๆ เลยก็ต้องตัดแขนตัดขาคุณแหง ๆ แต่กลายเป็นว่าผมเดินไปเจอมันตอนที่ผมกำลังจะฉี่รดโขดหิน ผมมองลงไป มีงูจุดสีเหลืองอยู่ด้วย ผมนี่แบบ ‘ชิบหา-! กูนี่เดินลงไปหามันแท้ ๆ เลย'”
และคราวที่ 2 อันนี้เรียกว่าเสี่ยงตายแบบหาทำแท้ ๆ แถมยังเป็นฉากแรก ๆ ของการถ่ายทำด้วย นั่นก็คือฉากที่เขาถูกทหารอียิปต์จับตัวไปขังคุก ก่อนที่เขาจะถูกประหารด้วยการแขวนคอ และรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งในการถ่ายทำนั้น สตีเฟน ซอมเมอร์ส (Stephen Sommers) ผู้กำกับหนังเลือกที่จะใช้เทคนิคในการถ่ายทำเพื่อไม่ให้เฟรเซอร์โดนรัดคอจริง ๆ
แม้ว่าในการถ่ายช็อตกว้างจะมีการใช้สตันต์แมนในการถ่ายฉากนี้ แต่เมื่อต้องถ่ายช็อต Close-Up เฟรเซอร์เองก็จำเป็นต้องเล่นฉากนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วในการถ่ายทำเทกแรกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี แต่ด้วยความที่ซอมเมอร์สมองว่าฉากนี้จะเป็นฉากขายของหนัง และเขาเองก็อยากแสดงเองโดยไม่ใช้สตันต์ ซอมเมอร์สจึงขอให้เฟรเซอร์ถ่ายอีกเทก และขอให้เขาปรับเชือกให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
และเมื่อถ่ายฉากที่ริกต้องดิ้นทุรนทุรายเพราะโดนแขวนคอ ปรากฏว่าเขาก็เล่นได้แบบสมจริงสมจังมาก ๆ และดิ้นสุดแรง แต่หารู้ไม่ว่าด้วยความที่สตันต์แมนกลับปรับความแน่นของบ่วงแน่นเกินไป ก็เลยทำให้เชือกรัดคอของเขาแน่นขึ้น และที่เขาดิ้นก็เพราะว่าเชือกกำลังรัดคอของเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ “ผมรู้สึกว่ากำลังสำลักอย่างหนัก มันน่ากลัวมาก”
ซึ่งแน่นอนว่า ทีมงานบางคนในเวลานั้นก็ไม่คาดคิดว่านี่คืออุบัติเหตุจริง ๆ แต่ดันคิดไปว่านี่คือการแสดงตามบทบาทของริกที่เป็นทหารร่างกายกำยำในระดับที่โดนแขวนคอแต่คอก็ไม่หักง่าย ๆ จนในที่สุดเขาก็หมดสติ และหยุดหายใจไปชั่วขณะ จนทำให้เจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินต้องทำ CPR ให้เขาโดยเร่งด่วน “ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมเริ่มเห็นกล้องหมุนไปมา แล้วตาของผมก็ค่อย ๆ หรี่ลงเหมือนตอนจบของหนังเงียบ เสียงค่อย ๆ เบาลงเหมือนปรับระดับเสียงกับเครื่องเสียง เหมือนเดธสตาร์ (Death Star จากหนัง ‘Star Wars’) ที่กำลังจะดับ”
“ผมฟื้นขึ้นมาอีกที ผมได้ยินเสียงของหน่วยฉุกเฉินกำลังเรียกชื่อผม แล้วผมก็รู้สึกเจ็บโคตร ๆ แล้วคนประสานงานสตันต์แมนก็เดินเข้ามาพูดกับผมว่า ‘สวัสดี! ยินดีต้อนรับสู่ชมรมนะครับพี่! ฮ่า ๆๆ’ แต่ผมก็แบบว่า ‘ฮ่า ๆ เอ่อ…อะไรวะ ? ผมอยากกลับบ้าน…ผมทำงานวันนี้เสร็จแล้ว'”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาเองก็ฟื้นจากอาการหมดสติและรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้อย่างหวุดหวิด และในอีกมุมหนึ่งเขาก็แสดงได้สมบทบาท ซึ่งเขาเองก็ยอมรับว่ามีส่วนผิดที่ยังฝืนเล่นไปทั้ง ๆ ที่เชือกรัดแน่นและเสี่ยงอันตรายถึงตายขนาดนั้น และเขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะเซฟตัวเองได้ แม้ว่าจะเป็นคำสั่งของผู้กำกับก็ตาม และถ้าสังเกตดี ๆ ช็อตที่เฟรเซอร์ดิ้นทุรนทุรายเพราะโดนรัดคอก่อนจะหมดสตินั้นก็มีปรากฏในฉากอย่างที่เราได้ดูกันในหนังด้วย
*Call Sheet – เอกสารสำหรับแจกให้ทีมงานและนักแสดงในกองถ่ายภาพยนตร์เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับคิวที่จะถ่าย โดยจะมีรายละเอียดทุกอย่างที่ทีมงานควรรู้ระบุเอาไว้
ที่มา: Screen Rant, Entertainment Weekly, CBR
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส