หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard) ที่ในขณะนี้ต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล อันเกิดจากการตัดสินคดีความที่อดีตสามีอย่าง จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ชนะคดีฟ้องร้อง ทำให้เธอต้องมีภาระในการจ่ายค่าเสียหาย และค่าทนายจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่า บริษัทประกันที่เธอทำกรมธรรม์เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเสียหายทางคดีหลายแห่งยื่นฟ้องเฮิร์ด เนื่องจากผิดเงื่อนไขการเคลมวงเงิน ทำให้เฮิร์ดยื่นขอเป็นบุคคลไร้รัฐ และอาจจะเตรียมขายทรัพย์สินของตนเองเพื่อเตรียมลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศอื่นเพื่อเลี่ยงการถูกฟ้อง
ข่าวนี้ยังมาพร้อมกับกระแสที่ว่า ณ ตอนนี้ บัญชีทวิตเตอร์ @realamberheard ซึ่งเป็นบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวของเฮิร์ดก็ถูกลบไปแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าบังเอิญด้วยว่ามาตรงกับช่วงเวลาเดียวกันกับที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) นักธุรกิจเจ้าของ เทสลา (Tesla) และสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ได้ดำเนินการเข้าเทกโอเวอร์บริษัททวิตเตอร์ (Twitter) ด้วยมูลค่าถึง 44,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,600,000 ล้านบาท
พร้อมกับความพยายามเข้ามาปรับโครงสร้างองค์กร นโยบายทางธุรกิจ ปรับเปลี่ยนรูปแบบของแพลตฟอร์มในแทบจะทันที ไม่ว่าจะเป็นการปลดบอร์ดบริหาร ปลดพนักงานครึ่งหนึ่ง ปรับเปลี่ยนหน้าโฮมเพจของตัวแพลตฟอร์ม การเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนสำหรับบัญชีที่เป็น Verified Account หรือแม้แต่ความพยายามนำเอาแอปพลิเคชันวิดีโอสั้น Vine ที่เคยฮิตในอดีตกลับมาให้บริการอีกครั้ง
ซึ่งนั่นก็เลยทำให้เกิดคำถามเชื่อมโยงไปถึงเฮิร์ด ที่เคยมีความสัมพันธ์กับนักธุรกิจเพลย์บอยคนนี้ด้วยว่า การลบบัญชีทวิตเตอร์ของเฮิร์ดในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ อาจเป็นเพราเธอเองอาจเพียงต้องการหลบหนีความวุ่นวายหลังผลกระทบจากการตัดสินคดีความระหว่างเธอกับเดปป์ หรือเป็นเพราะต้องการจะเบือนหน้าหนีจากอดีตคู่ขาอย่างมัสก์ที่เคยคบหาในชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือไม่อย่างไร
หรืออาจเป็นกระแสเดียวกับที่ดารา คนมีชื่อเสียงหลายคนที่เริ่มออกมาประกาศว่าจะเลิกใช้ทวิตเตอร์ หลังจากที่มีข่าวว่า มัสก์กำลังจะเรียกเก็บค่าบริการ Verified Account ยืนยันตัวตนสำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือที่มีชื่อว่า Twitter Blue สูงถึง 4.99 เหรียญ หรือราว 189 บาทต่อเดือน ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้งดาราอย่าง วิลเลียม แชตเนอร์ (William Shatner), จามีลา จามิล (Jameela Jamil) นักเขียนชื่อดัง สตีเฟน คิง (Stephen King) และอีกหลายรายออกมาประกาศว่าจะเลิกใช้ Twitter Blue หากมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมขึ้นมาจริง ๆ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่าบัญชีทวิตเตอร์ของเฮิร์ดอาจถูกลบ (ด้วยระบบหรือถูกสั่งลบ) ไปโดยที่เจ้าตัวไม่ได้เจตนาก็เป็นไปได้เหมือนกัน
ความสัมพันธ์ซับซ้อนของเฮิร์ดกับมัสก์ เริ่มขึ้นในปี 2016 ในระหว่างที่เฮิร์ดกำลังยื่นฟ้องหย่ากับเดปป์ ในเวลานั้น มัสก์เองก็เพิ่งจะหย่ากับ ทาลูลาห์ ไรลีย์ (Talulah Riley) ภรรยาคนก่อนด้วยเช่นกัน โดยในระหว่างพิจารณาคดีที่เดปป์ฟ้องเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทนายฝั่งเดปป์ได้เปิดเผยว่า เฮิร์ดได้นำเงินจำนวน 7 ล้านดอลลาร์ไปบริจาคเพื่อการกุศล แต่กลายเป็นว่ามีการสั่งจ่ายเพียง 1,300,000 เหรียญเท่านั้น และเงินครึ่งหนึ่ง หรือกว่า 500,000 เหรียญ ก็เป็นการสั่งจ่ายโดยตรงจากมัสก์ ซึ่งทางเฮิร์ดอ้างว่า เงินที่เหลือถูกกันไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับคดีความที่เดปป์ฟ้องตนเอง
จนกระทั่งอดีตผู้จัดการของเฮิร์ดก็ได้ให้ข้อมูลว่า เฮิร์ดเคยคบหากับมัสก์จริง ๆ แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสัปดาห์เดียวเพื่อแก้เหงาเฉย ๆ และยังยื่นหลักฐานเป็นข้อความแชตว่า เธอเองก็ยังอยากกลับไปคบหากับเดปป์อยู่ และหลักฐานชุดใหญ๋ที่ยืนยันว่าทั้งคู่คบหากันจริง ๆ ก็คือคลิปฉาวที่มัสก์ พาเฮิร์ด (และนางแบบอีกคน) ขึ้นไปสามคู่ชู้ชื่นบนห้อง ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่เธอเองก็ยังอยู่ในสถานะแต่งงานกับเดปป์ด้วยอีกต่างหาก ก่อนจะมีรายงานว่าทั้งคู่แยกทางกันในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018
ที่มา: Daily Mail
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส