‘Wave to Earth’ เป็นวงดนตรีอินดี้ร็อกจากเกาหลี ที่มีเอกลักษณ์จากบทเพลงที่ผสานท่วงทำนองอันอ่อนหวานนุ่มนวลชวนฝันให้เข้ากับเนื้อร้องที่เชื่อมโยงความรักให้เข้ากับธรรมชาติและสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างงดงามและลุ่มลึก ประกอบไปด้วย 3 หนุ่ม แดเนียล คิม (Daniel Kim) – ร้องนำ,กีตาร์ ชิน ดองกยู (Shin Donggyu) – กลอง และ ซุนจอง ชา (Soonjong Cha) หรือ จอห์น ชา (John Cha) – เบส
เพลงของ Wave To Earth ส่วนใหญ่จะมีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้ฟังทั่วโลกสามารถเข้าถึงบทเพลงของพวกเขาได้ง่าย แรกเริ่มเดิมทีวงนี้มีกันอยู่ 2 คนคือ ‘แดเนียล’ กับ ‘ดองกยู’ เปิดตัวด้วยซิงเกิล “Wave” ในเดือนสิงหาคม 2019 และในเดือนมกราคม 2020 Wave To Earth ก็ได้ปล่อย EP แรก ‘Wave 0.01’ พร้อมสมาชิกใหม่ ‘ซุนจอง ชา’ หรือ ‘จอห์น ชา’ ที่มารับหน้าที่มือเบส และในเวลาที่แสดงสดก็จะมีสมาชิกคนอื่น ๆ มาเสริมเติมทัพในพาร์ตดนตรีอื่น ๆ เช่น คีย์บอร์ด แซกโซโฟน เพื่อให้ซาวด์ของ Wave to Earth นั้นอิ่มเอมเต็มที่ยิ่งขึ้น
นับว่าเป็นโอกาสดีมาก ๆ ที่แฟน ๆ ชาวไทยจะได้ดูโชว์อย่างเต็มรูปแบบของ Wave to Earth ที่งาน Very Festival 2022 ในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายนนี้ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักกับพวกเขาให้ดีมากขึ้นก่อนจะไปสนุกกันในโชว์ของพวกเขา !
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณมาเมืองไทยเลยรึเปล่า
Wave To Earth : ใช่ครับ นี่เป็นครั้งแรกของเราเลย
ถ้าคุณมีเวลาคุณอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือทำอะไรในประเทศไทยบ้าง
ดองกยู : ผมอยากไปลองทานพวกโลคอลฟู้ดและสตรีตฟู้ดครับ
แดเนียล : ผมอยากไปที่เฟสติวัลและแสดงให้แฟน ๆ พวกเราได้ฟังที่สุดเลยครับตอนนี้
จอห์น : ผมอยากไปดูวิวทิวทัศน์และบรรยากาศตามที่ต่าง ๆ ในเมืองไทยครับ
พวกคุณรู้สึกยังไงกันบ้างกับการได้มาแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ดองกยู : ผมอยากมาที่นี่มากเลยครับ รู้สึกตื่นเต้นมากจนเมื่อคืนนี้นอนไม่หลับเลย
แดเนียล : ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้มาเล่นที่นี่ ผมเตรียมการแสดงไว้อย่างเต็มที่เลย หวังว่าทุกคนคงจะชอบมันนะครับ
จอห์น : ส่วนผมก็ดีใจมาก ๆ เลยครับนี่ก็กำลังฝึกพูดภาษาไทยอยู่ “ผมอยากมาประเทศไทยมาก ๆ เลยครับ” “ใช้เวลานานมากในการมาที่นี่” เป็นเพราะโควิดครับเราเลยยังไม่ได้มาสักที ตอนนี้ผมเลยดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ เลยครับ
พวกคุณพบเจอกันและเริ่มตั้งวงกันได้ยังไง
แดเนียล : ผมกับดองกยู เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กครับ แล้วเราก็เลยฟอร์มวงด้วยกันตั้งแต่เด็กเลย แต่ทำไปได้สักพักก็หยุดทำกันครับ แล้วเราก็คุยกันว่าเอาไว้กลับมาทำใหม่ในตอนที่เราพร้อมกว่านี้ และพอพวกเราเติบโตขึ้นเราก็ชวนกันมาตั้งวง ‘Wave to Earth’ และจากนั้นประมาณปีนึงเราก็ได้เจอมือเบสของเราก็คือ ‘จอห์น’ ซุนจอง ชานั่นเอง
จอห์น : พวกเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันครับ ตอนที่แดเนียลกับดองกยูเจอกันน่าจะอายุราว ๆ 13-14 ปี ส่วนผมเจอกับพวกเขาตอนอายุประมาณ 16 ปี ครับ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แน่นแฟ้นมาก เป็น 10 ปีได้แล้ว
ทำไมคุณถึงตั้งชื่อวงว่า ‘Wave to Earth’
แดเนียล : พวกเราอยากจะเป็นวงดนตรีที่เป็น New Wave บนโลกใบนี้ในสักวันหนึ่งครับ มันก็เลยเป็น ‘Wave to Earth’ ครับ (หัวเราะ)
ถ้าให้อธิบายตัวตนของวง แต่ละคนจะนิยาม ‘Wave to Earth’ ว่าเป็นอะไร
แดเนียล : ผมอยากให้วงของผมเป็นอะไรที่สามารถโอบอุ้มผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเลยขอเปรียบกับ ‘น้ำ’ ครับ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่ฉ่ำเย็นและสามารถโอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่างได้
จอห์น : ผมรู้สึกว่ามันเป็นเหมือน ‘ไฟ’ ครับ (หัวเราะ) เพราะว่าวงเรานั้นมีสองขั้วของพลังงาน ถ้าคุณมาดูคอนเสิร์ตเราแล้วคุณจะรู้ครับว่าทำไมผมถึงเปรียบมันเหมือน ‘ไฟ’ (หัวเราะ)
ดองกยู : ‘ความรัก’ ครับ (หัวเราะ)
Wave to Earth : ‘Water’ ‘Fire’ ‘Love’ ฟังเหมือนกับสโลแกนอะไรสักอย่างนะ (หัวเราะ)
ตอนที่ฟังเพลงของคุณ มันให้ความรู้สึกสวยงามเหมือนฝันและละเอียดอ่อน ส่วนเนื้อเพลงก็มักเชื่อมโยงความรักกับธรรมชาติหรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างลึกซึ้ง อะไรคือแรงบันดาลใจในการทำเพลงในสไตล์แบบนี้
Wave to Earth : เราได้รับบันดาลใจจากการได้พบเห็นอะไรใหม่ ๆ ได้ไปยังสถานที่ใหม่ ๆ อย่างการมาที่ไทยนี่ก็เป็นการได้r[กับสิ่งใหม่และเราก็ได้รับแรงบันดาลใจจากการมาที่นี่ครับ
โอ้ นั่นแสดงว่าไม่แน่เราก็จะได้ฟังเพลงที่มีแรงบันดาลใจมาจากประเทศไทยใช่ไหม
จอห์น : อ้าใช่เลย เป็น Thailand Edition (หัวเราะ)
เพลงส่วนใหญ่ของ Wave to Earth จะแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ แต่จะมีบางเพลง เช่น “Ride” ที่แต่งเนื้อร้องเป็นเกาหลี อะไรคือความแตกต่างระหว่างการแต่งเป็นอังกฤษกับเกาหลี
แดเนียล : เหตุผลที่เราเขียนเพลงเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเราอยากให้เพลงของเราเข้าถึงผู้คนได้มากที่สุดครับ แต่ในแง่ของความหมายแล้วการเขียนเพลงเป็นภาษาเกาหลีกับอังกฤษนั้นไม่ต่างกัน ความหมายของ ‘ความรัก’ ที่เราใส่ลงไปในเพลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะภาษาเกาหลีหรืออังกฤษก็จะไม่แตกต่างกันครับ แต่สำหรับบางเพลงเช่น “Ride” ที่ผมตัดสินใจเขียนเป็นภาษาเกาหลี เพราะผมรู้สึกว่าอยากร้องเพลงนี้เป็นภาษาเกาหลีครับ ฟีลมันได้ครับ (หัวเราะ)
ในมิวสิกวิดีโอเพลง “Ride” เราจะเห็นพวกคุณมาเจอกันที่บ้าน หยิบแผ่นเสียงมาฟังด้วยกัน พูดคุยกัน แจมเพลงและเขียนเพลงกัน นี่เป็นสถานการณ์จริงในความสัมพันธ์และการทำเพลงของพวกคุณใช่ไหม
ดองกยู : ใช่เลยครับ !
จอห์น : ใช่ครับ มันเป็นแบบนั้นเลย
แดเนียล : มันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับชีวิตของพวกเราเลยครับ และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำมิวสิกวิดีโอออกมาแบบนี้
สถานการณ์ดนตรีอินดี้ในเกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง
แดเนียล : ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันคลี่คลายไปในทางที่ดี และพวกเราวงดนตรีทั้งหลายก็ได้เติบโตไปพร้อม ๆ กันครับ
อะไรคือเป้าหมายในการทำเพลงของพวกคุณ
จอห์น : ผมมักจะบอกอยู่เสมอครับว่า เป้าหมายของผมคือ ‘จงทำเพลงให้เหมือนกับการใช้ชีวิต’ และถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตของเรามันจะเหมือนกับปาฏิหาริย์เลยครับ อันนี้คือเป้าหมายส่วนตัวในการทำเพลงของผมเลย ส่วนเป้าหมายในระดับของวงก็จะเหมือนกับเพื่อน ๆ ครับคืออยากทำให้ Wave to Earth ได้ไปในระดับโลก
แดเนียล / ดองกยู : ใช่ครับ
ดองกยู : ในฐานะมืองกลองของวง ผมก็อยากให้วงได้ไประดับโลกครับ แต่ถ้าเป้าหมายส่วนตัวผมอยากเป็นศิลปินเดี่ยวและได้กำกับมิวสิคัลหรือทำวงออร์เคสตร้าครับ
ให้สมาชิกแต่ละคนบอกเพลงที่ตัวเองชอบที่สุดมาคนละหนึ่งเพลง
ดองกยู : “seasons” ครับ
แดเนียล : “calla” ครับ
ดองกยู : เพลงที่ผมอยากแนะนำคือ เพลงที่เรายังไม่ได้ปล่อยออกมาสำหรับสตูดิโออัลบั้มของเราครับ (หัวเราะ) แต่ผมอยากจะเล่าอะไรให้ฟังนิดนึงครับ ตอนที่สองคนนี้ (แดเนียล/ดองกยู) ทำเพลง “seasons” ด้วยกัน ตอนนั้นพวกเขากำลังนั่งอยู่ในโรงอาหารและดองกยูมีบีทกลองเท่ ๆ มาอวด “นี่ ๆ ฟังนี่แดเนียล เรามีบีทกลองมาให้ฟัง มันมหัศจรรย์มากเลยเพื่อน มันทำให้เราอยากทำเพลงนี้มาก ๆ เลย” และแดเนียลก็มี macbook อยู่ข้างหน้าเขา เขาก็เลยบอกว่า “รอแป้ป ๆ” แล้วก็เล่นไลน์เปียโนเข้ามาในบีทกลองของดองกยู แล้วก็ “นี่ ๆ ฟังนี่” พอดองกยูได้ฟังเขาก็แบบ “เฮ้ยยย สุดยอดว่ะ ” แล้วเขาก็แบบว่าอยากทำมันมาก ๆ อยากเล่นมันหมดเลย (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นไลน์เปียโนทั้งหมดในเพลงนี้ก็เลยเป็นฝีมือของดองกยูทั้งหมด และเขาก็คิดคอร์ดเปียโนในท่อนบริดจ์แล้วก็ทำในส่วนอื่น ๆ ต่อจนเสร็จเรียบร้อย
มีเพลงไหนที่อยากมอบให้แฟนเพลงชาวไทยเป็นพิเศษไหม
แดเนียล : “calla” ครับ เพราะว่ามันเป็นเพลงที่จะช่วยให้แฟน ๆ ได้ปลดปล่อยจิตใจและผ่อนคลาย และมันก็เป็นเพลงที่มีพลังมากที่สุดเลยครับ
ในทีเซอร์ ‘Floral Field 0.2’ คุณบอกว่าทุกสิ่งมีกลิ่นและสีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แล้วสำหรับโชว์ในประเทศไทยล่ะมันจะมีสีและกลิ่นแบบไหน
จอห์น : สำหรับสีผมว่าเป็นสี ‘ชมพู’ ครับ
ดองกยู : ของผมเป็น ‘สีส้ม’
แดเนียล : ถ้าสีของผมเป็น ‘สีแดง’ ครับ และกลิ่นจะเป็นกลิ่นของดอก ‘ไลแลค’ ผมว่ามันเหมือนกลิ่นต่าง ๆ ที่ผมสัมผัสได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ที่มาเมืองไทยไม่ว่าจะไปที่ร้านกาแฟหรือห้องอาหารครับ
ดองกยู : สำหรับผม ผมนึกถึงกลิ่นของ ‘ธูป’ ครับ (หัวเราะ) อยู่ที่นี่ผมจะได้กลิ่นแบบนี้ตลอดเลย
มีอะไรอยากฝากให้แฟน ๆ ชาวไทยที่จะมาเจอ Wave to Earth ในวันที่ 27 นี้
แดเนียล : รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้มาแสดงที่นี่ และดีใจที่แฟน ๆ จะได้มาร่วมตัวกันและมีช่วงเวลาดี ๆ และสนุกสนานร่วมกัน
ดองกยู : ในปีนี้เราได้มีคอนเสิร์ตในเกาหลีและมันสนุกมาก ๆ ผมก็จะแสดงให้เต็มที่และดีที่สุดเหมือนที่เราเล่นในเกาหลีเลยครับ
จอห์น : พวกนี้เขาพูดอะไรเท่ ๆ ไปแล้ว ผมก็ขอทำอะไรแบบพูดภาษาไทย “ขอเสียงกรี๊ดหน่อยคร้าบ” (หัวเราะ)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส