แนว
โรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้
จำนวนตอน
10 ตอนจบ
ออกอากาศ
ทุกวันพุธ
ช่องทางรับชม
Disney+ Hotstar
Our score
9.4[รีวิว] Yakuza Lover: คอมเมดี้เตียงไม่ว่าง ฉูดฉาด บาดใจยากูซ่า
จุดเด่น
- เรื่องนี้เป็น 18+ ก็จริง แต่เป็น 18+ แบบซอฟท์ ๆ ที่ต่างจากมังงะมากมาย ออกแนวโรแมนติกคอมเมดี้มากกว่า ฮาทุกฉากไม่เว้นแม้แต่ฉากบนเตียง
- สำหรับใครที่เคยอ่านมังงะมาแล้ว ซีรีส์เรียงไทม์ไลน์แบบเป๊ะ ๆ และถอดทุกอย่างออกมาจากมังงะแบบทุกช็อต
- ชอบความอาร์ตเหลือร้ายที่ซีรีส์เอามาเล่นในเรื่องนี้ โดนเฉพาะการชูความเป็นญี่ปุ่นผ่านงานโปรดักชัน แสง สี เสียง ที่ทำให้เป็นโรแมนติกคอมเมดี้ที่ประทับตราความเป็นญี่ปุ่นชัดเจนมาก
จุดสังเกต
- แอบคิดว่าถ้ายูริกับโจโกะในซีรีส์เหมือนยูริกับโจโกะในมังงะแบบเป๊ะ ๆ เรื่องนี้ก็แทบจะเป็นซีรีส์ที่ถอดออกมาจากมังงะแบบ 100% โดยสมบูรณ์ได้เลย
-
บท
10.0
-
การแสดง
9.0
-
โปรดักชัน
9.0
-
การดำเนินเรื่อง
9.0
-
ความสนุกตามแนวซีรีส์
10.0
เรื่องราวของนักศึกษาสาวที่แสนจะธรรมดา แต่สวยน่ารักและแอบแซ่บคนหนึ่ง เธอบังเอิญได้พบกับนายน้อยแห่งแก๊งยากูซ่าที่ชีวิตวนเวียนอยู่แต่ในโลกเทา ๆ ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน และสร้างเรื่องราววาบหวามสุดปั่นป่วน นวดบนเตียงกันบ๊อยบ่อย จนทำให้ชีวิตที่แสนธรรมดาของเธอเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
‘ยูริ’ (ฟูมิกะ บาบา) เป็นนักศึกษาสาวที่ต้องการตามหารักแท้ และมีความใฝ่ฝันว่าจะได้พบกับชายที่รักในตัวตนของเธอ ทำให้เธอตัดสินใจไปตามหารักแท้กับเพื่อนสาวในงานปาร์ตี้และคิดว่าจะพบชายในฝันที่นั่น แต่กลับถูกชายกลุ่มหนึ่งลวนลามและพยายามจะบังคับให้เพื่อนของเธอใช้ยาเสพติด ยูริจึงสวมวิญญาณสาวโหด ลูกขึ้นสู้กับเหล่าชายเกเร จนทำให้เธอได้พบกับ ‘โอยะ โทชิโอมิ’ (ยูได ฟุรุกาวะ) นายน้อยแก๊งยากูซ่าที่มีอิทธิพลใหญ่โตในพื้นที่แทบนั้น โอยะยื่นมือเข้ามาช่วยยูริเอาไว้ได้ทันท่วงที พร้อมกับมอบเสื้อคลุมให้เธอ ด้วยมาดของนายน้อยแห่งแก๊งยากูซ่าที่เท่บาดใจ
เขาสนใจเธอนับแต่นั้น เพราะทึ่งในความกล้าบ้าบิ่นของสาวน้อย แต่สาวน้อยนางนั้นนี่สิ กำลังจะหลงรักเขาหัวปักหัวปำในไม่ช้า เพราะแค่ประโยคแรกที่เขาฝากเอาไว้ในคราวที่พบหน้ากันอีกครั้งแบบตื่นเต้นสมศักดิ์ศรียากูซ่าขาโหด ก็ทำเอาเธอใจเต้นโครมครามเลยทีเดียว “ครั้งหน้าฉันจะจูบเธอให้เจ็บแปลบไปถึงมดลูกเลย” OMG! นักเลงเขาจีบสาวกันอย่างนี้เลยเรอะ
เป็นเมียมาเฟียต้อง … จูบเก่ง
Yakuza Lover : หรือในชื่อไทย ‘รักอันตรายกับนายยากูซ่า’ เป็นการแคสติ้งตัวแสดงที่แทบจะถอดออกมาจากมังงะเลยก็ว่าได้ แต่เฉพาะตัวโอยะเท่านั้นนะ เรียกว่าเหมือนและใช่เลยทีเดียวถึงจะเท่และคมคายไม่เท่าในมังงะเลยก็ตาม ในเรื่องนี้เราจะได้พบกับความรักของสองหนุ่มสาวที่ไม่น่าจะโคจรมาพบกันได้ แต่เมื่อมาพบกันทีไรเตียงนอนนุ่ม ๆ ก็ไม่ค่อยจะว่างเลยสักที เพราะพ่อพระเอกสุดกร้าวใจของเรานั้น ทั้งรักและหลงสาวยูริอย่างกับอะไรดี และนอกจากความบ้าบิ่นในฐานะยากูซ่าแล้ว ความวู่วามชนิดที่กลัวว่าทุกวันจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ก็ทำให้เขาพร้อมจะตักตวงความสุขเอาจากหล่อนทุกครั้งที่เจอกัน
อารมณ์ประมาณว่า ชีวิตของยากูซ่าน่ะแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเรามาแซ่บกันเถอะเธอจ๋า เพราะฉะนั้นเวลาที่มีจึงทุ่มเทให้กับริมฝีปาก เรือนร่างแและความจิ้มลิ้มของยูริ แม่สาวอาโนเนะสุดร้อนแรงคนนี้ ที่เพียงตกเป็นของโอยะแค่ครั้งเดียวก็ตัดสินใจที่จะเป็นแฟนมาเฟีย จะเสี่ยงตายและอันตรายแค่ไหนก็ยอมละวะ ถ้าจะแซ่บขนาดนี้ละก็ แต่ถ้าจะเปรียบความแซ่บของยูริในซีรีส์กับยูริในมังงะแล้วละก็ มังงะกินขาดค่ะ แม่นางลายเส้นขาวดำคนนั้น เธอแซ่บเวอร์กว่าในซีรีส์มากมายจริง ๆ
บทพูดที่ฉูดฉาด เพราะถอดจากมังงะมาทุกกระเบียด
การดูซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนต้องไปหามังงะมาอ่านให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว เพราะสงสัยเหลือเกินว่าบทพูดนี่มันพูดกันอย่างนี้จริง ๆ เรอะ แล้วก็ต้องขำก๊ากมากกว่าตอนดูซีรีส์เข้าไปอีกว่า พ่อคุณเอ้ย พ่อถอดเอามาทุกไดอะล็อกเลยนี่หว่า เรียกว่าเป๊ะปังไม่ขาดตกบกพร่อง อาจจะสุภาพและเบากว่าในมังงะนิดนึง แต่ก็เป็นเพียงการตัดบางคำที่ดูจะหมิ่นเหม่ออกไปเท่านั้นแหละ และคำพูดฉูดฉาดเหล่านั้นก็พรั่งพรูออกมาจากปากพ่อยากูซ่าสุดเท่ ที่ไม่รู้ว่าไปสรรหาคำพูดแบบนี้มาจากไหน เพราะมันช่างย้อนยุคซะเหลือเกิน
ก็เข้าทางกับธีมของเรื่องเขาละค่ะ เพราะซีรีส์เรื่องนี้เป็นโรแมนติกดราม่า ที่นำทีมด้วยความคอมเมดี้ซะมากกว่า แน่นอนว่าซีรีส์ได้ใส่สาระความรักของสาวนักศึกษาธรรมดา กับยากูซ่าที่เสี่ยงตายไม่เว้นแต่ละวันเอาไว้ด้วย ว่าเขาและเธอจะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันอีท่าไหน แต่ด้วยความเป็นญี่ปุ่นและดัดแปลงมาจากมังงะสำหรับผู้ใหญ่ที่มีฉบับรวมเล่มทั้งหมด 11 เล่มจบ และสร้างสถิติยอดขายมากกว่า 4.5 ล้านเล่ม ฉากแซ่บ ๆ ที่จัดมาเสิร์ฟชนิดที่ฉากเว้นฉากในฉบับซีรีส์ จึงได้ความฮามากกว่าความฟิน เพราะจะให้หวือหวาอย่างในมังงะมากก็คงจะไม่ได้ ผลก็ออกมาเป็นความฮาแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นอย่างที่เห็น
กลิ่นอายของละครเวทีที่จัดเต็มอยู่ในงานโปรดักชัน
ความไม่ธรรมดาและการโชว์โลโก้ความเป็นญี่ปุ่นที่ชัดแจ๋วอยู่ในเรื่องนี้ เห็นจะเป็นงานโปรดักชันที่ประหนึ่งดูละครเวทีสลับกับซีรีส์ญี่ปุ่นยุค 90’s ก็ไม่ปาน การใช้เสียงซามิเซ็งและเสียงเครื่องดนตรีโบราณชิ้นอื่น ๆ เป็นเสียงประกอบในช่วงสลับฉาก หรือในฉากที่มีการแสดงอารมณ์แบบทันทีทันใด ยิ่งส่งความรู้สึกให้นึกถึงซีรีส์ญี่ปุ่นในยุคนั้นขึ้นมาทันที บวกกับการดีไซน์ของฉาก แสง สี ที่ทำให้เห็นศิลปะการนำเสนอที่ถอดความเป็นญี่ปุ่นออกมากางให้ดูกันแบบจะ ๆ โดยเฉพาะฉากเข้าพระเข้านางที่แทนความรัก ความซาบซ่านของหนุ่มสาวด้วยต้นซากุระ ชนิดที่ขนมาทั้งต้นกันเลยทีเดียว
การแทนความดุดันและความเท่เหนือคำบรรยายด้วยหมอกควันและแบ็กกราวด์สีดำ ประหนึ่ง ‘ฮอนโก ทาเคชิ’ ปรากฏตัว และใช้สีแดงย้อมทั้งฉากในเวลาที่เกิดเรื่องราวตื่นเต้น กดดัน หรือในยามที่ใครสักคนคิดแผนชั่วขึ้นมาได้ เป็นการนำเสนอแทนอารมณ์ที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังดูละครคาบูกิ หรืออุปรากรจีนสักเรื่องหนึ่ง บอกเลยว่าความรู้สึกนี้เราสามารถรับรู้ได้แบบไม่ต้องมานั่งนึกให้เสียเวลาเลยนะคะ การถ่ายทอดของซีรีส์จะทำให้เราสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นได้ในทันทีที่ได้รับชมกันเลยทีเดียว
แอ็กติ้งนักแสดงที่เสริมให้เนื้อเรื่อง เข้มข้นขึ้น
ในเมื่อซีรีส์นำเสนอมาในแนวทางนี้แล้ว ก็แน่นอนเลยว่าแอ็กติ้งของนักแสดงนั้นจะต้องออกมาในรูปแบบ โอเวอร์แอ็กติ้งอยู่แล้วละค่ะ แต่ในความโอเวอร์นั้นไม่มีคำว่าล้นจนเกินเบอร์อยู่ในนั้นเลย หากแต่มีความเป็นธรรมชาติและสร้างอารมณ์ขันให้ได้เดี๋ยวนั้นแบบไม่ต้องใช้มุกโบ๊ะบ๊ะให้เสียเวลา โดยเฉพาะในบทของ ‘โจโกะ’ (ชิสุกะ นากามูระ) นางร้ายของเรื่องที่หวังจะงาบนายน้อยโอยะเอาไปกิน ขนาดใส่ยาปลูกเซ็กส์หวังให้เขาทนไม่ไหว แต่ที่ไหนได้กลับต้องผิดแผนจนฝันค้าง การชักสีหน้า การจัดระเบียบท่าทางต้องบอกว่าเป๊ะปังและเล่นใหญ่เล่นล้น จนยืนอยู่ปากซอยก็ยังเห็นชัดเลยค่ะ บอกแค่นี้
บทนี้ชิสุกะเล่นออกมาได้สมบทบาทและน่าดูกว่าตัวโจโกะในมังงะ เพราะฉบับมังงะตัวละครตัวนี้น่ากลัวมาก ถ้าหวังจะงาบผู้ชายสักคนก็ไม่น่าจะมีผู้ชายคนไหนรอดเงื้อมมือของเธอไปได้แน่ ๆ และไม่เพียงแต่ตัวละครตัวนี้เท่านั้นที่เล่นใหญ่อยู่ตลอดเวลา แต่เป็นนักแสดงตัวหลักทุกคนในเรื่อง นั่นหมายความว่าไม่เว้นแม้แต่นางเอกที่จะใส่จริตเหนียมอายเกินเบอร์ประหนึ่งนางเอก AV ที่เขินอายทุกท่วงท่า แม้ว่าจะกินอาหารรสจัดกันไปกี่ยกแล้วก็ตาม
ในจุดนี้จะต่างจากมังงะพอสมควร นางเอกในมังงะจะเป็นยูริที่เซ็กซี่ เย้ายวนและร้องขออาหารรสจัดจากโอยะอย่างไม่เหนียมอาย แต่ยูริคนนี้เธอช่างมีจริตที่น่าทะนุถนอม และน่าตีเผียะ ๆ เพราะช่างกระมิดกระเมี้ยน แต่ก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ สร้างความน่าหมั่นเขี้ยวแบบสาวญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยได้เป็นอย่างดี ก็ถือเป็นการนำเสนออีกอารมณ์ที่ทั้งยิ้มทั้งขำไปในเวลาเดียวกัน
หรือแม้แต่พ่อพระเอกสุดเซ็กซี่ที่ไม่ว่าจะเป็นการส่งสายตา การวางมาด เรียกว่าเล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำกันแทบทุกคนไม่มีใครน้อยหน้า จะมีก็แต่ ‘จิน’ (คิมูระ เคโตะ) นักสืบหนุ่มที่เสนอหน้ามาเป็นมารหัวใจ ที่ดูจะปกติที่สุดแล้วในเรื่องนี้ การเล่นใหญ่แบบนี้ถ้าทำออกมาไม่ถึงก็เรียกว่าบ้งกันได้ง่าย ๆ แต่มันไม่เกิดขึ้นกับซีรีส์เรื่องนี้ เพราะสิ่งที่ทำออกมากลับสร้างความรู้สึกให้เหมือนกับเรากำลังดูละครเวทีดี ๆ สักเรื่อง ที่อารมณ์และแอ็กติ้งของตัวละครแต่ละตัว เป็นการจัดไปตามบทบาทของตัวเองอย่างเหมาะสม มากกว่าที่จะให้ความรู้สึกในด้านลบ
ตอนนี้ซีรีส์ก็ดำเนินเรื่องมา 5 ตอนแล้วนะคะ ครึ่งทางแล้วละค่ะแต่ตัวละครยังออกมาไม่ครบ ยังเหลือ ‘เซมิโอ’ (มาริโอ้ คุโรบาเนะ) วายร้ายของเรื่องที่ยังไม่ออกมาวาดลวดลาย สายญี่ปุ่นหรือแฟนคลับมังงะไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เหมาะที่จะเอาไว้ดูในวันเหนื่อย ๆ ดูเรื่องนี้จะสดชื่นขึ้นมาทันที ไม่ได้ขำปอดโยก แต่ฮาได้ทุกฉากจนเราอาจจะเผลอร้องขึ้นมาว่า บ้าบอดีจริง ๆ ซีรีส์อะไรเนี่ย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส