Release Date
05/12/2022
Episodes
23 Episodes (S.1 8 Episodes, S.2 7 Episodes, S.3 8 Episodes)
Creator
Jack Thorne
Genre
Fantasy Adventure
Streaming Service
HBO Go
Cast
Dafne Keen James McAvoy Ruth Wilson Amir Wilson Lin-Manuel Miranda
Our score
9.0[รีวิวซีรีส์] His Dark Materials – ยิ่งกว่าแฟนตาซีคือของดี HBO (ที่ไม่อยากให้พลาด)
จุดเด่น
- เป็นซีรีส์แฟนตาซีที่ดูเอาสนุกก็ได้ ดูเอาวิเคราะห์แบบผู้ใหญ่ก็ยังได้
- แดฟเน คีน เอเมียร์ วิลสัน สามารถพาคนดูสนุกไปกับการเติบโตของตัวละครในแต่ละซีซันใด้ดี
- งานโปรดักชัน วิช่วล เอฟเฟกต์ เนียนตา สมจริง ไม่ผิดหวังแน่นอนสำหรับคอซีรีส์แฟนตาซี
จุดสังเกต
-
การแสดง
9.0
-
โปรดักชัน
9.0
-
บทซีรีส์
9.0
-
ความสนุกของซีรีส์
9.0
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
9.0
ใกล้ถึงบทสรุปเข้าไปทุกทีสำหรับซีรีส์ ‘His Dark Materials’ ในซีซัน 3 ที่กำลังออนแอร์ทางเอชบีโอ (HBO) และสตรีมผ่านเอชบีโอ โก (HBO Go) โดยจะปล่อยตอน 7 และ 8 กันในวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 นี้ โดยผมได้มีโอกาสชมซีรีส์ครบทั้ง 8 ตอนไปแล้ว ซึ่งก่อนอื่นต้องยอมรับว่าการปล่อยผ่านไม่ได้มาแนะนำต้้งแต่ซีซันแรกถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่เสียใจที่สุด ดังนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษเลยขอย้อนรีวิวซีรีส์ตั้งแต่ซีซันแรกถึงซีซันสุดท้ายนี้เพื่อไม่ให้ผู้อ่านได้พลาดซีรีส์แฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่เรื่องนี้ครับ
ซีซัน 1 จุดเริ่มต้นของมหากาพย์การเดินทาง
เรื่องย่อ
ในโลกที่มนุษย์ทุกคนจะต้องมีภูติประจำตัวและถูกควบคุมโดยมาจิสทีเรียม (Magisterium) หรือศาสนจักร ลอร์ดแอสเรียล (เจมส์ แม็กอวอย James McAvoy) ตัดสินใจหอบหนูน้อย ไลรา (แดฟเน่ คีน Dafne Keen) ไปยังสถาบันจอร์แดน อ็อกซ์ฟอร์ด เพื่อปกป้องเธอจากภัยร้าย และในวันที่หนูน้อยไลราอายุครบ 11 ปี มีภูติเป็นตัวเฟอร์เรตนาม แพน (ให้เสียงพากย์โดย คิต คอนเนอร์ Kit Conner) ลอร์ดแอสเรียลกลับมาที่สถาบันจอร์แดนอีกครั้งเพื่อแจ้งการค้นพบผงธุลีลักษณะคล้ายแสงเหนือที่เป็นจุดเชื่อมโยงโลกหลายมิติเข้าด้วยกันเพียงแต่การค้นพบของเขากลับสั่นคลอนผู้มีอำนาจเผด็จการอย่างกลุ่มมาจิสเทอเรียม ลอร์ดแอสเรียลจำต้องหนีออกจากอ็อกซ์ฟอร์ดเพื่อรักษาชีวิตรอดหลังผู้อำนวยการสถาบันพยายามวางยาพิษเพื่อปลิดชีพเขา
ในขณะเดียวกัน โรเจอร์ (เลวิน ลอยด์ Lewin Lloyd) เพื่อนรักของไลรากลับหายตัวไปอย่างลึกลับจนตัดสินใจย้ายจากอ็อกซ์ฟอร์ดไปอยู่กับ มิสซิสโคลเตอร์ (รูธ วิลสัน Ruth Wilson) ซึ่งมีลิงทองคำ (พากย์โดย ไบรอัน ฟิชเชอร์ Brian Fisher) เป็นภูติประจำตัวที่สัญญากับว่าจะช่วยตามหาโรเจอร์ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธออยู่เบื้องหลังการทดลองสุดอำมหิตเพื่อสนองนโยบายศาสนจักร จนไลลาต้องออกผจญภัยและได้รวมทีมกับ ลี สกอร์สบี (ลิน มานูเอล มิแรนดา Lin-Manuel Miranda) เพื่อนนักผจญภัยของลอร์ดแอสเรียลเจ้าของบอลลูน และยอริก เบอรืนีสัน (พากย์โดย โจ แทนด์เบิร์ก Joe Tandberg) หมีนักรบผู้ถูกเนรเทศจากเผ่า พวกเขาต้องฝ่าอันตรายเพื่อไปช่วยโรเจอร์และเหล่าเด็ก ๆ ก่อนจะถูกเข้าเครื่องแยกออกจากภูติโดยมีไลราและอลิธีโอมีเตอร์ (alethiometer) หรือเข็มทิศทองคำที่ให้คำตอบเธอได้ทุกอย่าง
รีวิว
เรียกได้ว่าเป็นการนำนิยายเล่มแรกอย่าง ‘His Dark Materials: Northern Lights’ ของ ฟิลลิป พูลแมน (Philip Pullman) มาดัดแปลงได้อย่างยอดเยี่ยมหลังภาพยนตร์ ‘The Golden Compass’ สร้างรอยแผลใหญ่จนทำให้หนังไม่ได้สานต่อเป็นไตรภาคตามที่หวัง และด้วยความยาวของซีรีส์ 8 ตอน ตอนละประมาณ 1 ชั่วโมงทำให้รายละเอียดที่เคยถูกฉบับภาพยนตร์มองข้ามถูกบอกเล่าได้อย่างครบถ้วน ประสานกับทีมนักแสดงที่ถูกวางไว้ได้เหมาะกับบทมากโดยเฉพาะ แดฟเน่ คีน ที่เพิ่งสร้างชื่อจาก ‘Logan’ ในเวลานั้นมารับบทไลรา สาวน้อยสุดแกร่งได้อย่างน่าชื่นชมมาก ๆ จนคนดูอย่างไรอดเอาใจช่วยสาวหน้าบึ้งแต่แอบน่ารักคนนี้ไม่ได้จริง ๆ โดยได้การแสดงของ เลวิน ลอยด์ (Lewin Lloyd) ในบทโรเจอร์คอยเสริมความแข็งแกร่งด้านการแสดงให้อีกแรง
นอกจากนี้เหล่านักแสดงเด็กแล้ว ตัวละครผู้ใหญ่ที่ถือว่ากำหนดความสนุกของซีรีส์มาก ๆ คือ รูธ วิลสัน ในบทมิสซิสโคลเตอร์ที่บอกเลยว่าทำเอาคนดูแทบเป็นไบโพลาร์เพราะมีมิติลึกไม่ธรรมดาเอามาก ๆ เดี๋ยวก็ดีเพราะกุมความลับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับไลรา แต่ก็ต้องร้ายเพราะความเกลียดชังที่เธอมีต่อพ่อของไลราและงานที่ต้องทำให้ศาสนาจักร ส่วนลิน มานูเอล มิแรนดา ในบทลี ก็เป็นสีสันของเรื่องคู่กับเจ้าหมียอริกที่คราวนี้เราได้รู้เรื่องราวของเขาเพิ่มขึ้นจากฉบับภาพยนตร์มากกว่าเดิม
ซีซัน 2 ทำลายอาถรรพ์ซีซันภาคต่อ
เรื่องย่อ
ในที่สุดไลราก็ได้พบกับ วิล แพร์รี (เอเมียร์ วิลสัน Amir Wilson) เด็กชายที่เดินทางข้ามมิติได้โดยบังเอิญ เพียงแต่วิลอยู่ในโลกอีกมิติหนึ่งที่ไม่ต้องมีภูติ และเพื่อหาคำตอบพวกเขาจำเป็นต้อนร่วมมือกันเพื่อตามหาลอร์ดแอสเรียล ซึ่งแท้จริงแล้วคือพ่อของไลราและช่วยวิลตามหาพ่อที่อาจเป็นคำตอบสำคัญของปริศนาต้นกำเนิดของเขา และยังต้องหลบหนีการตามล่าจากมิสซิลโคลเตอร์ และในการเดินทางนั้นเองวิลก็ได้พบอาวุธทรงอานุภาพอย่าง มีดนิรมิต ที่สามารถพาเขาและไลราเดินทางไปที่ไหนก็ได้ตามใจปรารถนา ในขณะเดียวกัน ไลรา เองก็เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองจนเกือบทำเอาพวกเขาเป็นภัยเมื่อเธอเลือกที่จะไม่เชื่อ อลิธิโอมีเตอร์
ในขณะเดียวกัน แมรี มาร์โลน (ซีโมน เคอร์บี Simone Kirby) นักวิจัยในโลกเดียวกับวิลค้นพบสัญญาณบางอย่างในงานของเธอซึ่งเธออาจต้องใช้ในสิ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้อย่าง ศรัทธา ส่วนลีก็ทุ่มกำลังเต็มที่เพื่อตามหาไลรา แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม
รีวิว
ดัดแปลงจากนิยาย ‘The Subtle Knife’ ซีรีส์สามารถพลิกจุดอ่อนอย่างการที่เราจะไม่ได้เจอลอร์ดแอสเรียลตัวละครของ เจมส์ แม็กอวอย ทั้งซีซันด้วยการแนะนำตัวละครใหม่และโลกใบใหม่ ซึ่งทั้ง เอเมียร์ วิลสัน และ ซีโมน เคอร์บี ก็ช่วยเติมเต็มให้ตัวละครใหม่มีจุดที่น่าสนใจ แม้เราจะได้พบวิลสันมาบ้างแล้วในซีซันแรกแต่ซีซันนี้เขาได้มีบทบาทอย่างแท้จริงและทำให้เห็นความปรารถนาในการปกป้องไลราของวิล ส่วนเคอร์บี แม้ตัวละครของเธออาจจะยังไม่ได้มีบทบาทต่อโครงเรื่องหลักมากนัก แต่ตัวละครของเธอจะมีผลในซีซันที่ 3 ซึ่งเคอร์บีสามารถถ่ายทอดภาพของนักวิจัยที่ถูกสั่นคลอนด้วยศรัทธาที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้
และในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าตัวละครหลักอีกสองตัวอย่างไลราและมิสซิสโคลเตอร์ก็ทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เดาทางได้ยากมากขึ้นเพราะในขณะที่ไลราเริ่มเป็นวัยรุ่นและมีความขบถจนพาตัวเองไปสู่อันตราย มิสซิสโคลเตอร์กลับต้องต่อสู้กับความสับสนในใจระหว่างความเป็นแม่กับการต้องทำตามหน้าที่ต่อ มาจิสทีเรียม ซึ่งทั้ง แดฟเน คีน และ รูธ วิลสัน ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้ซีซันก่อนหน้า
ซีซัน 3 บทสรุปที่ทำได้สมศักดิ์ศรีวรรณกรรม
เรื่องย่อ
วิล และสหายทั้งยอริก หมีนักรบและเหล่าเทวดาออกเดินทางเพื่อไปช่วยเหลือ ไลรา ที่มิสซิสโคลเตอร์ลักพาตัวไป ส่วนมาจิสทีเรียมก็ต้องการสังหารไลราเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์เพราะคำทำนายกล่าวว่าเธออาจเป็นอีฟคนต่อไป ด้านลอร์ดแอสเรียลก็กำลังซ่องสุมกำลังพลเพื่อเตรียมประกาศสงครามกับเหล่ามาจิสทีเรียมที่จะไม่ยอมให้โลกรู้ความจริง
ด้านแมรีก็ได้เดินทางไปยังมูเลฟา ดินแดนที่เธอไม่คุ้นเคยจากการถอดรหัสสัญญาณที่เธอพบในคอมพิวเตอร์โดยเธอต้องหาทางสื่อสารกับเหล่าภูติที่ต้องการให้เธอช่วยเหลือและบอกเล่าทางรอดให้แก่มนุษยชาติ
รีวิว
แม้จะแอบเสียดายที่ซีรีส์ซึ่งดัดแปลงมาจาก ‘The Amber Spyglass’ นิยายเล่มสุดท้ายในไตรภาค ‘His Dark Materials’ ต้องจบเรื่องราวการผจญภัยที่ทั้งสนุกตื่นเต้นและยังชวนหวนให้คิดถึงบทบาทศาสนาและการสร้างสมดุลระหว่างศรัทธากับเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งผ่านเรื่องราวแฟนตาซี แต่ต้องยอมรับว่าเนื้อหาที่ลึกซึ้งขึ้นและซีเรียสกว่าเดิมในซีซันที่ 3 คือการปิดฉากการผจญภัยที่สมศักดิ์ศรีมากครับ
อย่างแรกเลยหากมองในมุมผู้ชมทั่วไป ซีซันนี้ก็จัดเต็มวิชวลเอฟเฟกต์สร้างโลกใบใหม่รวมถึงเหล่าเทวดาและฉากรบท้ายเรื่องที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภาพยนตร์ฉายโรงจริง ๆ และยังเป็นภาคที่เราจะได้อยู่กับ เจมส์ แม็กอวอย นักแสดงซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในซีรีส์แบบเต็ม ๆ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเสียด้วยเพราะแม็กอวอยถ่ายทอดความบ้าคลั่งของลอร์ดแอสเรียลและอุดมการณ์ที่ทำให้ครอบครัวแตกแยกได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนด้านนักแสดงนอกจากความยอดเยี่ยมของ รูธ วิลสัน ในบทมิสซิสโคลเตอร์ที่ต้องอาศัยฝีมือทำให้คนเชื่อในการเปลี่ยนแปลงของคาแรกเตอร์แล้ว ด้านนักแสดงนำรุ่นเยาว์อย่าง แดฟเน คีน และ เอเมียร์ วิลสัน ยังพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าพวกเขาเป็นมากกว่านักแสดงเด็ก เพราะนอกจากพัฒนาการด้านร่างกายที่เริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว พวกเขายังต้องรับมือกับความสัมพันธ์ของคาแรกเตอร์ที่เริ่มเรียนรู้ในเรื่องราวความรักและการสูญเสียในตอนท้ายซึ่งบอกได้เลยว่าตอนจบที่เพิ่งสตรีมวันนี้ (26 ธันวาคม 2565) คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ผมเขียนไปไม่เกินเลยแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส