หลังพ้นช่วงเวลาค่ำคืนของวันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐอเมริกา (หรือเวลาเช้าของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย) การประกาศผลรางวัลแกรมมีอวอร์ด ครั้งที่ 65 ประจำปี 2023 (Grammy Awards 2023) ที่จัดขึ้นโดย สถาบันศิลปะวิทยาการการบันทึกเสียงแห่งสหรัฐอเมริกา (The Recording Academy) ก็ได้ปิดม่านลงไปอย่างเรียบร้อยสวยงาม

และก็เป็นอีกบนเวทีอันทรงเกียรติระดับโลกที่ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการดนตรีและวงการบันเทิงโลกอีกครั้ง ทั้งการที่ บียอนเซ (Beyoncé) กลายเป็นศิลปินที่ชนะรางวัลแกรมมี่มากที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา ถึง 32 รางวัล และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากที่สุดถึง 88 ครั้ง

Viola Davis EGOT Grammy Awards 2023

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกประวัติศาสตร์ที่ได้รับการจารึก นั่นก็คือ วิโอลา เดวิส (Viola Davis) นักแสดงวัย 57 ปี ที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมีเป็นครั้งแรกในชีวิต จากสาขาอัลบั้มพูดยอดเยี่ยมแห่งปี (กลอน, หนังสือเสียง, นิทาน) (Best Audio Book, Narration, and Storytelling Recording) จากผลงานหนังสือเสียง ‘Finding Me’ ผลงานอัตชีวประวัติของเธอเอง ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่เข้าทำเนียบ EGOT คนล่าสุดในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดที่สามารถคว้า 4 รางวัลหลักจากสถาบันใหญ่ ๆ ของวงการบันเทิงได้สำเร็จ

โดย EGOT ที่ว่านี้หมายถึง ทำเนียบแห่งรางวัลจากเวทีอันทรงเกียรติ 4 เวทีที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิงโลก โดยคำว่า EGOT เป็นตัวย่อของชื่อของ 4 รางวัลประกวด อาทิ :-

E – Emmy Award (เอ็มมีอวอร์ด – รางวัลของวงการทีวี)
G – Grammy Award (แกรมมีอวอร์ด – รางวัลของวงการดนตรี)
O – Oscar (ออสการ์ – รางวัลของวงการภาพยนตร์)
T – Tony Awards (โทนี อวอร์ด – รางวัลของวงการละครเวที ละครบรอดเวย์)

ในประวัติศาสตร์ของวงการฮอลลีวูด มีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้รับ 4 รางวัลหลักและเข้าทำเนียบ EGOT ได้เพียงแค่ 17 คนเท่านั้น โดยคนที่สามารถเข้าทำเนียบได้เป็นคนแรกก็คือ ริชาร์ด ร็อดเจอร์ส (Richard Rogers) ที่สามารถคว้าทั้ง 4 รางวัลได้ครบ หลังจากที่สามารถคว้ารางวัลเอ็มมีอวอร์ดได้ในปี 1962 ซึ่งหลังจากที่เดวิสคว้ารางวัลแกรมมี ทำให้เธอมีสถานะกลายเป็นนักแสดงที่ได้เข้าทำเนียบ EGOT เป็นคนที่ 18 ต่อจาก เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน (Jennifer Hudson) ที่สามารถคว้ารางวัลโทนีอวอร์ดได้ในปี 2022 อย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ วิโอลา เดวิส สามารถคว้ารางวัลแรกของทำเนียบ EGOT ครั้งแรกด้วยการคว้ารางวัลโทนีอวอร์ด สาขานักแสดงละครเวทีสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Featured Actress in a Play) จากละครเวที ‘King Hedley II’ ในปี 2001 คว้ารางวัลรางวัลโทนีอวอร์ด สาขานักแสดงละครเวทีนำหญิงยอดเยี่ยม (Best Leading Actress in a Play) จากละครเวที ‘Fences’ ในปี 2010

คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดราม่า (Outstanding Lead Actress in a Drama Series) บนเวทีเอ็มมีอวอร์ด จากทีวีซีรีส์ ‘How To Get Away with Murder’ ในปี 2015 คว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Supporting Actress) จากหนังเรื่อง ‘Fences’ ในปี 2016 และคว้ารางวัล สาขาอัลบั้มพูดยอดเยี่ยมแห่งปี (กลอน, หนังสือเสียง, นิทาน) (Best Audio Book, Narration, and Storytelling Recording) จากรางวัลแกรมมีอวอร์ดในปีนี้เป็นลำดับสุดท้าย

Viola Davis EGOT Grammy Awards 2023

โดยเดวิสสามารถทำสถิติเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ เรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ รางวัลเอ็มมีอวอร์ด 5 ครั้ง รางวัลออสการ์ 4 ครั้ง รางวัลโทนีอวอร์ด 3 ครั้ง และรางวัลแกรมมีอวอร์ด 1 ครั้ง และเดวิสสามารถใช้เวลาคว้ารางวัลในทำเนียบ EGOT ตั้งแต่รางวัลโทนีอวอร์ดในปี 2001 จนถึงรางวัลแกรมมีอวอร์ดในปี 2023 ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 21 ปี

และเดวิสยังถือเป็นนักแสดงหญิงผิวดำคนที่ 3 ที่ได้ขึ้นทำเนียบนี้ด้วย โดยนักแสดงหญิงผิวดำที่ได้ขึ้นทำเนียบคนแรกคือ วูปี โกลเบิร์ก (Whoopi Goldberg) ที่คว้ารางวัลโทนีอวอร์ดได้ในปี 2002 และ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ที่ขึ้นทำเนียบได้สำเร็จในปี 2022 โดยก่อนหน้านี้ เดวิสได้เข้าเป็นหนึ่งในทำเนียบที่เรียกว่า ‘Triple Crown of Acting’ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกนักแสดงที่คว้า 3 รางวัลสูงสุดที่ได้รับการยอมรับในวงการภาพยนตร์ โทรทัศน์ และละครเวทีทั้งรางวัลออสการ์, เอ็มมีอวอร์ด และโทนีอวอร์ด

โดยหนังสือเสียง ‘Finding Me’ เป็นผลงานอัตชีวประวัติของเธอที่บอกเล่าเรื่องของชีวิตในวัยเด็กของเธอเอง ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก และการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล และสอดแทรกเรื่องราวแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังเกิดความตระหนักในการค้นหาตัวตนและรู้จักที่จะรักตัวเอง

และนอกจากนี้เธอก็กำลังจะมีผลงานตามมาอีกมากมาย ทั้งภาพยนตร์เรื่อง ‘Air’ ภาพยนตร์ประวัติของรองเท้าสนีกเกอร์ Air Jordan ผลงานการกำกับของ เบน เอฟเฟล็ก (Ben Affleck) ภาพยนตร์ ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ หนัง Prequel ของเรื่องราวใน ‘The Hunger Games’ รวมทั้งซีรีส์ ‘Waller’ ทีวีซีรีส์ภาคแยกคั่นกลางซีรีส์ ‘Peacemaker’ ตามแผน ‘Chapter 1’ ของ DCU


ที่มา: The Guardian, Deadline, Wikipedia

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส