เรียกว่าเป็นซีรีส์ที่ยังเข้มข้นและรักษาเส้นกราฟความระทึกตื่นเต้นเอาไว้ได้แบบไม่มีหัวตก สำหรับซีรีส์ที่ดัดแปลงจากเกม ‘The Last of Us’ ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดคนดูตอนแรกถล่มทลายถึง 4.7 ล้านคน เป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ HBO จนต้องอนุมัติให้มีการพัฒนาซีซัน 2 ต่อทันทีแม้จะฉายไปได้แค่ตอนแรกก็ตาม
ณ ตอนนี้ เรื่องราวการผจญภัยหนีฝูงซอมบี้เห็ดรา (Cordyceps) ของโจล (Pedro Pascal) ที่กำลังเดินทางพาหนูน้อยเอลลี (Bella Ramsey) ผู้รอดชีวิตจากการถูกซอมบี้กัดเพื่อไปสกัดวัคซีนที่ตั้งอยู่ ณ รัฐไวโอมิง ได้เดินทางมาถึงตอนที่ 4 อันเป็นตอนที่ดำเนินเรื่องในแบบฉบับ Road Movie เต็มตัว
ซึ่งตัวเรื่องเองก็ยังคงแก่นและ Easter Egg ที่มาจากเกมต้นฉบับเอาไว้ได้ครบถ้วนแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะในฉบับซีรีส์เลย เพราะยังมีอีกตัวละครที่น่าสนใจ และเพิ่มขึ้นมาเป็นตัวละครใหม่ในเวอร์ชันซีรีส์โดยเฉพาะ นั่นก็คือตัวละคร แคทลีน โคแกลน (Kathleen Coghlan) นั่นเอง
คำเตือน: เนื้อหาบางส่วนของบทความนี้ เปิดเผยเนื้อหาในซีรีส์ ‘The Last of Us’ ตอนที่ 4 (‘Please Hold My Hand’)
แคทลีน โคแกลน (Kathleen Coghlan) เป็นใคร
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า ตัวละคร แคทลีน โคแกลน (Kathleen Coghlan) เป็นตัวละครออริจินัลของซีรีส์เวอร์ชันนี้โดยเฉพาะ ไม่เคยปรากฏอยู่ในเวอร์ชันเกมมาก่อนเลย และด้วยความที่ในตอนที่ 4 ซึ่งมีชื่อตอนว่า ‘Please Hold My Hand’ เธอเพิ่งจะปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ทำให้ ณ ตอนนี้จึงยังไม่มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับเธอมากนัก
นอกจากจะทราบแค่เพียงว่า เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มที่มีชื่อว่า ฮันเตอร์ส (Hunters) ขบวนการปฏิวัติผู้ปลดแอกการควบคุมและขับไล่หน่วยงานเฟดรา (FEDRA) ออกจากแคนซัสซิตี้ไปได้สำเร็จ ส่วนโจลและเอลลี ได้ขับรถไปถึงเมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรึ เพื่อเดินทางไปยังรัฐไวโอมิง แต่ในระหว่างทาง พวกเขาถูกซากรถกีดขวางอุโมงค์ โจลจึงต้องขับรถอ้อมเข้าไปในเมือง ก่อนที่พวกเขาจะพบว่ากำลังถูกไล่ล่าจากกองกำลังของฮันเตอร์ส
ในขณะที่แคทลีนก็กำลังหมกมุ่นอยู่กับการตามล่า เฮนรี เบอร์เรล (Henry Burrell) ที่ทรยศและแปรพักตร์ไปอยู่กับ FEDRA และสังหารพี่ชายของเธอ เธอจึงสั่งให้กองกำลังของเธอออกตามล่าพวกเขา และจัดการแม้แต่กระทั่งผู้สมรู้ร่วมคิด กำลังทหารของพวกเธอมักจะซุ่มโจมตีผู้คนและพาหนะใด ๆ ก็ตามที่บุกเข้ามาในเมือง ซึ่งในซีรีส์เราจะเห็นว่ามีกองกำลังได้โผล่ออกมาจัดการโจลและเอลลี ก่อนที่สมาชิกกลุ่มฮันเตอร์สคนหนึ่งถูกเอลลีและโจลกำจัดไป
แคทลีนได้สอบปากคำหมอเอเดลสตีน (Dr.Edelstein) ที่เธอคิดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการให้ความช่วยเหลือเฮนรี เอเดลสตีนได้หว่านล้อมให้เธอไว้ชีวิตเขาโดยอ้างว่าเขาเป็นคนทำคลอดเธอให้ลืมตาดูโลก แต่เธอก็จัดการสังหารเขาอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งตรงนี้ทำให้พอจะคาดเดาได้เบื้องต้นว่า เธอน่าจะมีอุดมการณ์ที่ค่อนไปทางหัวรุนแรงและโหดเหี้ยม
จนกระทั่งแคทรีนได้เห็นศพของทหาร ที่ร้อยโทเพอร์รี (Perry) เชื่อว่าคนนอกเป็นคนทำ เธอจึงคิดว่าคนนอก (โจลและเอลลี) ที่สังหารทหารเหล่านี้ น่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับเฮนรี ก่อนที่เธอจะสั่งกองกำลังให้ออกตามล่า และจัดการทุกคนที่สมรู้ร่วมคิด นอกจากนี้ เธอและร้อยโทเพอร์รีก็ยังเป็นเพียง 2 คนที่ค้นพบและล่วงรู้ว่า ภายในห้องเก็บของในตึกแห่งหนึ่ง มีหลุมยุบแปลก ๆ ที่เคลื่อนไหวได้ ซึ่งอาจเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่กำลังเติบโตใต้พื้นดิน ที่อาจจะกลายเป็นหายนะที่กำลังจะปรากฏตัวขึ้นและเป็นตัวเปลี่ยนเรื่องราวในตอนต่อ ๆ ไป
เมลานี ลินสกีย์ นักแสดงผู้รับบท ‘แคทลีน’
เมลานี ลินสกีย์ (Melanie Lynskey) นักแสดงสาวเชื้อชาตินิวซีแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1977 ที่เมืองนิวพลีมัธ (New Plymouth) ประเทศนิวซีแลนด์ ปัจจุบันอายุ 45 ปี เธอเป็นบุตรสาวคนโตจากพี่น้อง 5 คนของพ่อผู้เป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ และแม่ผู้เป็นศัลยแพทย์ด้านออร์โธปีดิกส์ ในวัยเด็ก เธอและครอบครัวย้ายไปอาศัยที่อังกฤษเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนจะย้ายกลับมาเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนในเมืองนิวพลีมัธ ทำให้เธอได้มีโอกาสเข้าชมรมละครของโรงเรียน
ลินสกีย์เริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยการรับบทในหนังดราม่าจิตวิทยา ‘Heavenly Creatures’ (1994) เมื่อตอนที่เธออายุเพียง 16 ปี โดยผู้กำกับอย่าง ปีเตอร์ แจ็กสัน (Peter Jackson) ได้พบเธอในระหว่างค้นหานักแสดงในโรงเรียนมัธยม ซึ่งด้วยบุคลิกนิ่งสงบของเธอทำให้แจ็กสันและทีมงานมองว่า เธอเหมาะสมที่สุดกับบทบาทพอลลีน เด็กสาวป่วยโรคกระดูกผู้กลายเป็นฆาตกร และนั่นก็ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเวที New Zealand Film and Television Awards ปี 1995
จนเข้าสู่ปี 2000 ผลงานภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกที่เธอได้แสดงก็คือการรับบท กลอเรีย เพื่อนสาวของไวโอเล็ต ในหนัง ‘Coyote Ugly’ (2000) และต่อมาก็มีผลงานการแสดงทั้งหนังฮอลลีวูด โดยเฉพาะหนังนอกกระแสที่เธอมีผลงานการแสดงเป็นจำนวนมาก อาทิ Sweet Home Alabama (2002), Shattered Glass (2004), Up in the Air (2010), Seeking a Friend for the End of the World (2012), The Perks of Being a Wallflower (2012)
โดยผลงานก่อนหน้านี้ของเธอก็คือหนัง Netflix เรื่อง ‘Don’t Look Up’ (2021) และทีวีซีรีส์ ‘Yellowjackets’ (2022) ที่ทำคะแนนวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้ 100% เต็ม และเธอยังเคยรับงานพากย์การ์ตูน จัดรายการพอดแคสต์ และมิวสิกวิดิโอ และในปี 2018 เธอยังได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะและวิชาการทางภาพยนตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences) หรือหน่วยงานผู้จัดการประกวดออสการ์ (Oscars) นั่นเอง
ด้านชีวิตส่วนตัว ลินสกีย์แต่งงานกับนักแสดงชาวอเมริกัน จิมมี ซิมป์สัน (Jimmi Simpson) ในปี 2017 ก่อนจะหย่ากันในปี 2012 จนกระทั่งในปี 2017 เธอได้ประกาศหมั้นกับ เจสัน ริตเตอร์ (Jason Ritter) นักแสดงอเมริกันอีกคน และมีลูกสาวหนึ่งคนในปี 2018 ก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานในปี 2020 และในปี 2016 เธอได้ออกมาเปิดเผยว่า เธอเองต้องต่อสู้กับความผิดปกติในการกิน ทำให้เธอมีความกังวลในรูปร่างและน้ำหนักตัวของตัวเอง
เบื้องหลังตัวละคร ‘แคทลีน’ ในซีรีส์
เหตุผลที่มีการเพิ่มแคทลีน ซึ่งเป็นตัวละครใหม่เข้าไปในซีรีส์ เครก มาซิน (Craig Mazin) and นีล ดรักแมน (Neil Druckmann) 2 ครีเอเตอร์และผู้เขียนบทซีรีส์เรื่องนี้ได้เปิดเผยว่า แม้พวกเขาจะต้องการเคารพและเก็บแกนเรื่องราวจากในเกมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่พวกเขาเองก็เชื่อในปรัชญาของการเลือกสิ่งที่ดีกว่าเสมอ หากในฉบับเกมมันดีอยู่แล้วก็คงเอาไว้อย่างเดิม แต่ถ้ามีอะไรปรับแล้วออกมาดีกว่า นั่นก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ
ซึ่งลินสกีย์ได้เล่าถึงเบื้องหลังการเข้ามาร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้ในบทสัมภาษณ์ของ Entertainment Weekly ว่า เธอเองผ่านการออดิชันออนไลน์ผ่าน Zoom เพราะยังอยู่ในช่วงการระบาด ซึ่งเธอเองก็สนใจที่จะรับงานแสดงอยู่แล้ว เพราะเธอเองเป็นแฟนตัวยงงานของมาซินตั้งแต่ที่เขากำกับมินิซีรีส์ ‘Chernobyl’ โดยเธอกล่าวถึงมาซินว่า “ฉันรู้ว่าฉันจะไว้ใจให้เขาเป็นคนบงการได้”
ซึ่งลินสกีย์เองได้เล่าว่า มาซินได้อธิบายถึงบทบาทแคทลีนที่เธอได้รับว่า แคทลีนคืออาชญากรสงครามที่จับพลัดจับผลูมาเป็นหัวหน้ากลุ่มปฏิวัติได้อย่างไม่เต็มใจนัก เธอเป็นน้องสาวของอดีตผู้นำขบวนการต่อต้านในแคนซัสซิตี้ แต่หลังจากที่พี่ชายของเธอเสียชีวิต เธอก็ได้ขึ้นมาปกครองกลุ่มปฏิวัติในเวลาต่อมา
ซึ่งภายหลัง 2 ครีเอเตอร์ก็ได้อธิบายถึงตัวละครนี้ว่า การคัดเลือกนักแสดงอย่างลินสกีย์มารับบทถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก เพราะเธอมีความอ่อนหวานอยู่ในตัว ขัดแย้งกับบทบาทหัวหน้ากลุ่มอาชญากรสงคราม ซึ่งเป็นเจตนาที่พวกเขาต้องการให้คนดูรู้สึกถึงความอ่อนหวาน ละเอียดอ่อน มีสายตาที่มองพี่ชายของเธอเป็นเหมือนดังพระเจ้า
แต่เมื่อพี่ชายของเธอถูกสังหาร เธอกลับรู้สึกถึงการกระทำที่ไม่ยุติธรรมและป่าเถื่อน บ่มเพาะกลายเป็นความขัดแย้งที่ทำให้เธอเลือกที่จะใช้ความรุนแรง เพื่อแก้แค้นแทนพี่ชายของเธอ ซึ่งถ้าสังเกตต่อดี ๆ ก็จะพอจับสังเกตได้ว่า ทั้ง 4 ตอนของ ‘The Last of Us’ ก็มักจะมีตัวละครที่มีแรงจูงใจในบทบาทที่ขับเคลื่อนด้วยความรักทั้งสิ้น ทั้งความรักของโจลที่มีต่อซารา (Sarah) ลูกสาวของเธอที่โดนยิง ความรักของบิล (Bill) และ แฟรงก์ (Frank) ที่เปี่ยมไปด้วยความหวังในยามวิกฤติของโลก และความรักของแคทลีนที่มีต่อพี่ชาย ที่ผลักดันจนกลายเป็นความแค้น และนำเธอไปสู่การแก้แค้นที่โหดเหี้ยมในเวลาต่อมา
ที่มา: Mashable, Entertainment Weekly, thelastofus.fandom,Wikipedia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส