[รีวิว] A Man Called Otto : เรื่องเล่าเรียบ ๆ แต่ฟาดเรียบทุกอารมณ์
Our score
8.8

เขียนบท

David Magee

กำกับ

Marc Forster

ความยาว

2 ชม. 6 นาที

[รีวิว] A Man Called Otto : เรื่องเล่าเรียบ ๆ แต่ฟาดเรียบทุกอารมณ์
Our score
8.8

[รีวิว] A Man Called Otto : เรื่องเล่าเรียบ ๆ แต่ฟาดเรียบทุกอารมณ์

จุดเด่น

  1. หนังเล่าเรื่องดาร์ก ๆ ที่อัดแน่นอยู่ในเนื้อเรื่อง ให้เบาลงมาได้จนเป็นหนังที่ดูง่ายและควรจูง มือมิตรสหาย คนรัก ครอบครัวไปดูด้วยกันสักครั้ง จริง ๆ นะ
  2. สมกับเป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือขายดีติดอันดับ 1 ได้ข่าวว่าตัวหนังสือก็เล่าเรื่องดาร์ก ๆ ให้ขำขันแบบนี้เหมือนกัน จนอดไม่ได้ที่จะต้องสอยมาขึ้นหิ้งอีกเล่ม ซะแล้วละ

จุดสังเกต

  1. ใจอยากให้ปล่อยความดาร์กออกมาอีกนิด ขออีกนิดเถอะน่า
  • บท

    8.0

  • การแสดง

    10.0

  • โปรดักชัน

    8.0

  • การดำเนินเรื่อง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    10.0

เรื่องราวของชายวัย 59 ที่ปากเสีย โผงผาง รักความถูกต้อง ให้ค่ากับการทำงานหนักและดูแคลนเทคโนโลยีที่ทำให้ความสามารถของมนุษย์ด้อยลง ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของตาลุงขี้หงุดหงิดคนนี้ผ่านฝีมือการแสดงขั้นเทพของ ‘ทอม แฮงก์ส’ นักแสดงรุ่นใหญ่ที่ไม่ว่าเล่นเรื่องไหน ก็อดใจที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยสักครั้ง

สนับสนุนโดย
Major Cineplex

‘A Man Called Otto’ หรือ ‘มนุษย์ลุง ชื่ออ๊อตโต้’ สร้างมาจากนิยายขายดีอันดับ 1 ของนิวยอร์กไทมส์ เรื่อง ‘ชายชื่ออูเว่’ (A Man Called Ove) ผลงานการเขียนของ ‘เฟรียดริก บั๊กมัน’ (Fredrik Backman) นักเขียน บล็อกเกอร์ และคอลัมนิสต์ชาวสวีเดน และเคยสร้างเป็นหนังสวีเดนมาแล้วในปี 2015 ในชื่อเรื่องเดียวกันกับหนังสือ นำแสดงโดย รอล์ฟ ลาสการ์ด (Rolf Lassgård)

ก็หมายความว่าเรื่องนี้เป็นการรีเมกด้วยฝีมือของ มาร์ก ฟอร์สเตอร์ ผู้กำกับชื่อดัง และดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ที่มีความผสมผสานทั้ง ดราม่า โรแมนติก และเป็นดาร์กคอมเมดี้ โดยเปลี่ยนให้อูเว่ กลายมาเป็น อ๊อตโต (ทอม แฮงก์ส) มนุษย์ลุงขี้หงุดหงิด ขาดเป้าหมายในชีวิตและไม่ยอมมูฟออน หลังจากที่ ซอนญ่า(ราเชล เคลเลอร์) ภรรยาของเขาได้จากไป เขาพร้อมที่จะปิดสวิตช์ตัวเอง ลาก่อนโลกนี้ โลกหม่น ๆ ที่ไม่เหลือสีสันอะไรอีกแล้ว

แต่จนแล้วจนรอดการปลิดชีวิตตัวเองของเขาก็ไม่เคยสมใจ เพราะเรื่องน่าหงุดหงิดมักจะมาขัดจังหวะทัวร์สวรรค์ของเขาอยู่เสมอ โดยเฉพาะ มาริซอล (มาเรียนา เทรวิโน) เพื่อนบ้านชาวต่างชาติคนใหม่ ที่อุ้มท้องโย้ ๆ พร้อมกับพกสามีและลูกอีกสองคนเข้าสะเอวมากวนใจเขาอยู่บ่อย ๆ

เธอช่างอาจหาญ ท้าทาย ไม่สนสี่สนแปดว่าอ๊อตโต้จะยินดีต้อนรับหรือไม่ จะอยากฟังสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า หรือจะเต็มใจไหมกับสิ่งที่เธอร้องขอ แต่เธอจะทำเพราะเธอคือเพื่อนบ้าน และการกระทำของเธอก็นำไปสู่มิตรภาพที่พลิกชีวิตของเขา เป็นเรื่องราวขบขันระคนน้ำตา ที่อบอวลไปด้วยความรัก มิตรภาพและการสูญเสีย ที่ยืนยันแน่นหนักออกมาได้ว่า บางครั้งคำว่าครอบครัวอาจจะเกิดขึ้นมาได้ จากคน จากสถานที่ หรือจากเหตุการณ์บางอย่าง ที่เราอาจนึกไม่ถึง

มนุษย์ลุงปากเสียที่หัวใจใหญ่กว่าถนนหน้าบ้าน

ผู้เขียนมองว่าเรื่องนี้เป็นดราม่าที่ค่อนไปทางดาร์กคอมเมดี้ ที่อบอุ่นระคนเศร้า และถูกเล่าออกมาแบบเรียบ ๆ แต่ฟาดเรียบทุกอารมณ์จริง ๆ ค่ะ เป็นการเล่าเรื่องสลับปัจจุบันกับอดีต ที่จะพาเราไปรู้จักกับตัวตนของอ๊อตโต้ ชายวัยใกล้เกษียณที่เกษียณตัวเองออกมาอยู่บ้านเพราะโดนบีบคั้นทางอ้อม เป็นชายปากร้าย ขี้วีนและขวางโลกในสายตาของคนทั่วไป แต่มีผู้หญิงสองคนในโลกที่ไม่ได้มองว่าเขาเป็นแบบนั้น หนึ่งคือภรรยาคู่ชีวิตของเขาที่จากโลกนี้ไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้

และอีกหนึ่งคือมาริซอล เพื่อนบ้านชาวต่างชาติคนใหม่ที่ประเคนมิตรภาพใส่เขาอย่างไม่หยุดหย่อน ชนิดที่เขาตั้งตัวแทบไม่ทัน เพราะทั้งหงุดหงิดที่เธอจุ้นจ้าน และหงุดหงิดไปมากกว่านั้นคือการที่เธอมีสามีที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ในสายตาของเขา เป็นมิตรภาพที่ปากบอกว่าไม่อยากได้ แต่ในใจโหยหา ปากบอกว่าน่ารำคาญที่สุด แต่ในใจแสนเป็นห่วง หนังเล่าให้เรารู้สึกแบบนั้นกันเลยละ

และถ้าคำว่า ‘มนุษย์ลุง’ จะหมายถึง ชายสูงอายุที่ทำตัวสวนกระแสโลก เหวี่ยงวีนไปเรื่อยไร้เหตุผล เห็นแก่ตัว หัวรั้น ทำนองเดียวกับคำว่ามนุษย์ป้า ที่ใครต่อใครต่างมอบฉายานี้ให้กับหญิงวัยป้า ที่ชอบแซงคิวซื้อลูกชิ้นจากคุณหน้าตาเฉย อ๊อตโต้ก็ไม่เข้าข่ายคำว่ามนุษย์ลุงสักนิดเลยละค่ะ เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นห่างไกลจากคำว่าเห็นแก่ตัวไปไกลหลายสิบกิโลเมตร

หรือถ้าใครจะมองว่าเขาเหมือนกับปู่วอลซ์ ใน ‘Grand Torino’ หรือเปล่า นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะสิ่งที่เขาทำมันถูกต้องจนไม่อาจเถียง และไม่เคยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ก็แม้แต่เด็ก ๆ ยังติดเขาแจ แต่คนอื่น ๆ นี่สิที่มักง่ายและเอาเปรียบจนเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเสีย แถมปากที่ตรงกับใจเหลือเกิน ก็ทำให้กลบหัวใจใหญ่ ๆ ของเขาจนเกือบมิด แต่ก็ยังมีคนเห็นเข้าจนได้

การเล่าเรื่องของหนังทำให้เราเห็นว่า อ๊อตโต้ไม่ใช่มนุษย์ลุง แต่เป็นลุงปากร้ายใจโคตรดีที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต จนลืมมิตรภาพที่มีอยู่มากมายไปชั่วขณะเท่านั้นเอง หนังเล่าเรื่องที่โคตรเศร้าให้กลายเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็ยังไม่สามารถกลบความดาร์กไปได้เลย เป็นการเล่าเรื่องเครียด ๆ ให้ไร้ความซีเรียสแต่จุกลึก สงสารจับใจ แต่ก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลได้จริง ๆ

เมื่อลุงกับหลานมาเจอกัน ก็ระเบิดเถิดเทิง

พล็อตง่าย ๆ ที่ว่าด้วยชายวัย 59 ที่ไม่ยอมมูฟออนและคิดจะจบชีวิตตัวเองด้วยสารพัดวิธี แต่ก็พลาดแล้วพลาดอีกเพราะจังหวะนรกแสนจุ้นจ้านของเพื่อนบ้านท้องแก่วัยหลาน และเหตุบังเอิญอีกหลายอย่าง บวกกับคาแรกเตอร์ของอ๊อตโต้และมาริซอล คู่ปรับต่างวัย ต่างเชื้อชาติ ก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ ฝั่งหนึ่งก็เป็นเพื่อนบ้านหน้ามึน ไม่ต้อนรับก็แล้ว หน้าตึงใส่ก็แล้ว แน่ะยังไม่ไปง่าย ๆ เดี๋ยว ๆ มาตื๊อ เดี๋ยว ๆ มีเรื่องเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ เดี๋ยวก็ทำอาหารอร่อยมาให้อีกละ บ้าบอ ฮัลโหล..ช่วยดูอารมณ์อ๊อตโต้ด้วยค่ะ ว่าอยากจะสุงสิงด้วยไหม

ฝึ่งหนึ่งก็เป็นตาแก่ขี้หงุดหงิด ใครทำผิดระเบียบไม่ได้เป็นเหวี่ยงใส่ ขยะก็ไม่แยก รถก็ขับเข้าออกทั้ง ๆ ที่มีป้ายห้าม นี่ไม่ติดว่าอากาศหนาวก็แทบจะหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนเฝ้าแผงกั้นหน้าหมู่บ้าน กันคนมักง่ายขับรถเข้ามาในที่ส่วนบุคคลให้รู้แล้วรู้รอด อ่ะ แล้วนั่นมาริซอลทำอาหารมาให้อีกแล้วเหรอ ก่อนจะฆ่าตัวตายก็กินซะหน่อยแล้วกัน เสียดายของ

คาแรกเตอร์อะไรแบบนี้ก็ต้องยอมรับว่าทั้งทอม แฮงก์ส์ และ มาเรียนา เทรวิโน นักแสดงสาวชาวเม็กซิกันจากมอนเตร์เรย์ ที่มีผลงานเลื่องชื่อทางด้านการแสดงละครเวทีนั้นเอาอยู่กับบทบาทนี้ของพวกเขาทั้งคู่จริง ๆ ค่ะ ว้าว คุ้มที่ได้ดูเธอแฮะ สองคนถ่ายทอดมิตรภาพของเพื่อนบ้านแสนดีได้อย่างน่าอิจฉา เป็นการย้ำเตือนว่ามนุษย์เราไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่โดยลำพังได้หรอก เราต้องการสิ่งมีชีวิตที่หายใจได้ กินข้าวเป็นอยู่ข้างกาย

ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นคนหรือสัตว์ เราต้องการมันจริง ๆ และถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจปฏิเสธหัวชนฝา ว่าไม่หรอกฉันไม่ต้องการสิ่งนั้น ไม่หรอกฉันอยู่คนเดียวได้ ให้เลือกอยูกับคนงี่เง่าแบบพวกเธอ สู้ฉันอยู่คนเดียวหรือลาโลกนี้ไปซะเลยดีกว่า อย่าเพิ่งคิดแบบนั้นค่ะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หัวใจของคุณจะโหยหาใครสักคนให้มาปล่อยลมหายใจอยู่ข้างกาย แค่เบา ๆ เท่าลมหายใจของแมวสักตัวหนึ่งก็ยังดี หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณสัมผัสได้แบบนั้น

มากไปกว่านั้นหนังยังดำเนินไปด้วยบรรยากาศพิลึกพิลั่น คล้ายกับว่าหมู่บ้านนี้เป็นแหล่งรวมบรรดามนุษย์ที่มีเอกลักษณ์ ที่ทำให้ย้อนนึกไปถึงบรรยากาศของ ‘Edward Scissorhands’ ด้วยบรรยากาศที่คลุมโทนสีหม่น จังหวะการดำเนินเรื่อง และคาแรกเตอร์ของตัวละครอื่น ๆ ทั้งเพื่อนซี้ตั้งแต่รุ่นหนุ่มที่ชิงดีชิงเด่นกันมานาน ทั้งเพื่อนบ้านนักจ๊อกกิ้งที่อย่าวิ่งซะดีกว่า หรือแม่สาวบ้านหลังถัดไปที่ชอบทำให้หัวเสียอยู่บ่อย ๆ แม้กระทั่งเด็กแจกใบปลิวที่สร้างความหงุดหงิดให้ได้ทุกวี่ทุกวัน

แต่สิ่งที่หนังนำเสนอกลับทำให้คิดได้ในทันทีทันใดว่า อย่าเพิ่งตัดสินสิ่งใดจากที่ตาเห็น โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณสะเทือนใจจนน้ำตารื้น (แต่ดิฉันสะอื้นค่ะ บอกตรง ๆ ) จะทำให้คุณหัวเราะออกมาโดยไม่ต้องรอจังหวะ จะทำให้คุณพริ้มไปกับมิตรภาพที่โคตรจะอบอุ่น ยิ้มขำไปกับความเป็นตัวตนของอ๊อตโต้และมาริซอล และมากไปกว่านั้น หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณหวงแหนมิตรภาพดี ๆ ที่มีอยู่ มากขึ้นกว่าเดิม

 ‘A Man Called Otto’ ตาแก่ขี้บ่นที่คุณจะตกหลุมรัก และจะเปลี่ยนคำว่ามนุษย์ลุงไปอย่างสิ้นเชิง 16 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส