คนที่ติดตามผลงานของนักแสดงหนุ่ม เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) น่าจะพอทราบว่า นอกจากผลงานการแสดง โดยเฉพาะบทบาทซูเปอร์ฮีโร Batman ของจักรวาล Snyderverse หรือหนัง DC ภายใต้จักรวาล DCEU (DC Extended Universe) ดั้งเดิม รวมทั้งในอีกหลายบทบาทแล้ว เขาเองก็มีวิสัยทัศน์ในด้านการเป็น Filmmaker ด้วย แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เห็นบทบาทนี้เขาบ่อยมากนัก แต่ผลงานการเป็นคนทำหนังเบื้องหลังของเขาก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาทีเดียว
ผลงาน Filmmaking ล่าสุดของเขาเองที่กำลังจะจ่อโรงฉายในเดือนหน้านี้แล้วก็คือ หนังชื่อสั้นเรื่อง ‘Air’ หนังที่เล่าเรื่องราวตำนานสงครามดีล และการก่อกำเนิดรองเท้าสนีกเกอร์ แอร์ จอร์แดน (Air Jordan) ในตำนาน ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของแบรนด์รองเท้าชั้นนำ Nike และนักบาสเก็ตบอล NBA ระดับตำนานชื่อดังระดับโลกของยุค 90s อย่าง ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) ที่พลิกชีวิต Nike บริษัทเครื่องแต่งกายกีฬาเบอร์รอง ให้กลายเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งล่าสุด เอฟเฟล็กได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Hollywood Reporter เกี่ยวกับแง่มุมในการเป็นคนทำหนัง และการเป็นผู้บริหารบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่เขาก่อตั้ง รวมทั้งเบื้องหลังการลงมือกำกับ โปรดิวเซอร์ และร่วมแสดงเป็น ฟีล ไนต์ (Phil Knight) ผู้ก่อตั้ง Nike ในหนัง ‘Air’
ซึ่งแน่นอนว่าพอเป็นหนังที่สร้างขึ้นจากเรื่องราวจริง แอฟเฟล็กได้เปิดเผยเรื่องราวตอนที่เขาต้องไปเจรจากับบุคคลและองค์กรที่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่หลายคนน่าจะแปลกใจก็คือ แม้จะเป็นหนังที่เกี่ยวกับเรื่องราวของ Air Jordan แต่ผู้กำกับมือทองไม่ได้เข้าเจรจากับบริษัท Nike เจ้าของแบรนด์เสียอย่างนั้น
“ผมไม่ได้คุยกับ Nike เพราะผมไม่ได้รู้สึกถึงความรับผิดชอบส่วนตัว (เหมือนที่ทำกับ ไมเคิล จอร์แดน) เพราะมันไม่ใช่เรื่องราวประวัติศาสตร์ของไนกี้ เรื่องพวกนั้นมีอยู่ในบทสัมภาษณ์และหนังสืออยู่แล้ว”
แน่นอนว่า แม้เขาจะไม่ได้ปรึกษากับ Nike โดยตรง แต่เขาเองก็ยังต้องปรึกษากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุดอย่าง ไมเคิล จอร์แดน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
“จอร์แดนคือฮีโรของผมครับ และผมรู้ว่าเขามีความสำคัญ และมีความหมายต่อชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกันมากแค่ไหน หากคุณกำลังจะเล่าเรื่องของ ไมเคิล จอร์แดน คงไม่ได้ถึงกับต้องพรรณณาเหมือนนักบุญหรอก แต่แค่เล่ามันให้ถูกต้อง ผมไม่เคยรู้จักใครที่มีพรสวรรค์ และมีพลังชนิดที่เดินเข้าไปในห้องแล้วสั่นสะเทือนน่ะ ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเขาหรือวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อเขา หรือความทรงจำที่คุณมีต่อเขาหรือเปล่านะ ผมก็ไม่รู้ แต่มันทรงพลัง”
สิ่งหนึ่งที่เขาย้ำกับนักบาสเก็ตบอลระดับตำนานก็คือ นี่จะไม่ใช่หนังชีวประวัติของ ไมเคิล จอร์แดน อย่างเป็นทางการ แต่การได้สนทนากับจอร์แดนก็ช่วยให้เขามองเห็นทิศทางของหนังเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งรวมทั้งที่แอฟเฟล็กได้เผยว่า จอร์แดนได้ร้องขอบางสิ่งบางอย่างจากเขา นั่นก็คือ การให้นักแสดงบางคนมารับบทเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในเวลานั้นด้วย
“ผมต้องพูดให้ชัดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องราวของ ไมเคิล จอร์แดน อย่างเป็นทางการนะครับ ผมบอกเขาว่า ‘ไมก์ ผมจะไม่ทำหนังนะถ้าคุณไม่โอเคกับมัน ผมแค่อยากรู้ว่ามีอะไรที่คุณคิดว่าสำคัญ (เกี่ยวกับเรื่องนั้น) บ้างไหม’ เขาชัดเจนมาก เขาเป็นคนบอกผมว่า ต้องมีเรื่องของ ฮาวเวิร์ด ไวต์ (Howard White – ผู้บริหารของ Nike ในตอนนั้น) ที่รับบทโดย คริส ทักเกอร์ (Chris Tucker) ซึ่งไม่ได้มีอยู่ในบทต้นฉบับ”
“และเขาก็พูดถึงแม่เขาด้วยครับ ซึ่งไม่ได้มีอยู่ในบทฉบับดั้งเดิม นั่นคือตอนที่ผมเริ่มเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร การที่เขาได้คุยเรื่องเกี่ยวกับแม่นั้นมันน่าประทับใจมาก ทำให้ผมตระหนักได้ว่า ‘โอ้ นี่ไม่ใช่เรื่องของไนกี้แล้วนี่นา’ “
“เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับพ่อของเขา และก็พูดถึงแม่เขาด้วย จอร์แดนเป็นหนึ่งในผู้ชายที่น่าเกรงขามและน่าประทับใจที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสีหน้าท่าทางเขาแบบนั้นเป็นครั้งแรก มันเป็นสีหน้าของความเคารพ ความรัก ความกตัญญู และความไร้เดียงสา เขาบอกว่า ‘สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีแม่ของผม’ และพอผมถามว่า ‘แล้วคุณอยากให้ใครเล่นเป็นแม่ของคุณล่ะครับ’ เขาก็พูดว่า ก็ต้อง วิโอลา เดวิส (Viola Davis) สิ’ “
แน่นอนว่า ข้อเสนอของการได้ วิโอลา เดวิส นักแสดงมากฝีมือที่เพิ่งเข้าทำเนียบ EGOT ไปเมื่อไม่นาน มารับบทเป็น เดลอริส จอร์แดน (Deloris Jordan) แม่ผู้มีส่วนสำคัญในการให้กำเนิดสนีกเกอร์ Air Jordan ก็เป็นอะไรที่ตรงใจกับแอฟเฟล็กอยู่แล้ว “ไวโอลา เดวิส เป็นนักแสดงที่ดีที่สุดที่ผมเคยพบมาเลยครับ มันเป็นงานยาก ยากที่คุณจะรู้ว่าคุณทำบางสิ่งสำเร็จหรือไม่ แต่ด้วยความสัตย์จริงต่อหน้าพระเจ้าเลย ผมคิดเสมอว่าถ้าผมได้เป็นผู้กำกับ และได้ ไวโอลา เดวิส มาแสดงในหนัง ฝันของผมคงกลายเป็นจริง แล้วในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจริง”
โดย ‘Air’ ที่จะเข้าฉายทั่วโลกในวันที่ 5 เมษายนที่จะถึงนี้ จะเป็นผลงานแรกของบริษัท อาร์ทิสต์ เอควิตี (Artist Equity) บริษัทผลิตหนังที่เขาก่อตั้งร่วมกับ แมตต์ เดมอน (Matt Damon) ซึ่งเป็นอีกครั้งที่คู่เพื่อนซี้ได้มาร่วมงานกัน หลังจากที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม จากการร่วมเขียนบทหนัง ‘Good Will Hunting’ (1997) มาแล้ว โดยเดมอนจะรับบทเป็น ซันนี วัคคาโร (Sonny Vaccaro) ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Nike และรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกันอีกด้วย
ที่มา: The Hollywood Reporter, IndieWire, Hypebeast
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส