วันฉาย
13 / 4 / 2566
แนว
แอนิเมชัน, โรแมนติก, แฟนตาซี
เวลา
122 นาที
ผู้กำกับ
มาโคโตะ ชินไค
เรตผู้ชม
ทั่วไป
OUR SCORE
8.5
Our score
8.5[รีวิว] Suzume – Road Movie ของเด็กสาวกับเก้าอี้ จัดหนักแฟนตาซีเต็มสูบในแบบ ชินไค มาโคโตะ
จุดเด่น
- CG ตัดเต็มอลังการ ตามสไตล์อาจารย์ชินไค
- งานภาพสวยงาม แค่งานภาพก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว
- เรื่องราวชวนอิน เสียน้ำตา
- เพลงประกอบสุดเพราะโดย RADWIMPS ที่ต้องกลับไปหาฟังอยู่บ้านทุกครั้งที่ดูจบ
- น้องแมวสุดน่ารัก!
จุดสังเกต
- เนื้อเรื่องสไตล์เดิม ๆ จนเดาตอนจบได้
- ปมหลายอย่างในหนังไม่ค่อยเคลียร์
-
คุณภาพด้านเสียงพากย์
8.5
-
คุณภาพแอนิเมชัน
9.5
-
คุณภาพของบท
7.5
-
คุณภาพของความบันเทิง
8.5
-
ความคุ้มเวลาในการชม
8.5
ทุกความตราตรึงใจที่มีอยู่ใน 5 Centimeters per Second
ทุกความงดงามที่มีอยู่ใน Your Name
ทุกความอลังการที่มีอยู่ใน Weathering with You
ทุกสิ่งที่เรารักในหนังของชินไค มาโกโตะ (Makoto Shinkai) ถูกกลั่นกรองออกมาเป็น Suzume ได้อย่างงดงาม
หลังจากรอกันมาถึง 3 ปีในที่สุดอาจารย์ชินไค ก็กลับมาพร้อมผลงานใหม่อย่าง Suzume ที่คราวนี้เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็ม ด้วยแนวทางอันชัดเจนผสมด้วยกลิ่นอายใหม่ ซึ่งบอกได้เลยว่า ผลงานครั้งนี้ได้จรดปากกาให้อาจารย์กลายเป็น Authors Director เรียบร้อยแล้ว
Suzume เล่าถึงซุซุเมะ อิวาโตะ เด็กสาวมัธยมปลายวัย 17 ปี ที่ได้พบกับ โซตะ มุนากาตะ ชายหนุ่มนักเดินทาง ที่กำลังตามหาสถานที่รกร้าง ในระหว่างนั้นซุซุเมะก็ได้ตามเขาไป และพบว่าโซตะคือ ‘ผู้ผนึกประตู’ ซึ่งเขามีหน้าที่ผนึกประตูทั่วญี่ปุ่นเพื่อไม่ให้ปีศาจหลุดออกมา แต่ไม่ทันไรโซตะก็ดันถูกเสกให้กลายเป็นเก้าอี้ โดยปีศาจแมว ‘ไดจิน’ นั่นทำให้ซุซุเมะกับโซตะต้องออกเดินทางเพื่อผนึกไดจิน และทวงคืนร่างของโซตะกลับมา
โดยพื้นฐานแล้ว หนังของชินไคนั้น เป็นหนังที่มีความรักกับความแฟนตาซีผสมกันอย่างกลมกล่อม ตัวละครถูกขับเคลื่อนด้วยความรัก แบบไม่สนสี่สนแปด ถ้าใครหวังว่าอยากเห็นอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมอาจจะต้องผิดหวัง ยิ่งใน Suzume ยิ่งทำให้เราเห็นชัดว่าพลอตการใช้ความรักนำทางชีวิต จะกลายเป็นลายเซ็นของอาจารย์ชินไคนับจากนี้
หนังเรื่องนี้ อาจารย์ได้ใส่กลิ่นอายความเป็น Road Movie ลงไปเต็มสูบ นั่นทำให้เราได้เดินทางไปพร้อมกับตัวละคร ผ่านพื้นที่และสถานที่มากมาย จนทำให้เรารู้สึกหลงรักพวกเขาได้ไม่ยาก อาจจะเสียดายเพียงว่า การเดินทางมากมายทำให้เรารู้สึกเหนื่อยในบางครั้ง และทำให้ผูกพันกับตัวประกอบน้อยลง
ต้องบอกก่อนว่าเรา (ผู้เขียน) ค่อนข้างรักหนังของชินไคแทบทุกเรื่อง แต่จะมีแค่เรื่องล่าสุดอย่าง Weathering with You ที่ชอบน้อยที่สุด เพราะว่าแกค่อนข้างหนักมือไปหน่อย มีแต่อะไร ล้น ๆ เกิน ๆ ทว่า Suzume เหมือนแกเริ่มฟังฟีดแบ็ก ปรับปรุงตัวเองจากเรื่องก่อน เราจึงไม่เห็นพาร์ตที่มันล้น ๆ ออกมาให้หงุดหงิดใจเลย สำหรับใครที่คิดว่าเบื่อหนังของอาจารย์ชินไคแล้ว อยากให้กลับมาดู Suzume ก่อนนะ เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างออกมากลมกล่อมกว่า Weathering with You เลยล่ะ
จุดเด่นประการหนึ่งของเนื้อเรื่องใน Suzume คือการสำรวจผลกระทบที่เกิดจากสึนามิปี 2011 ซึ่งช่วยให้เรื่องราวความรักและความผูกพันใน Suzume มีน้ำหนักขึ้น โดยสะท้อนถึงชาวญี่ปุ่นที่สูญเสียทุกอย่างและต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมกับบอกคนดูว่าให้ลุกขึ้นสู้ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ชีวิตจะมีสิ่งสดใสรออยู่เสมอ
นอกจากนั้นในพาร์ตความรักหนุ่มสาวของก็ถูกลดทอนลงมา ทำให้เคมีคู่พระ-นางของ Suzume มีความเป็นบัดดี้กันมากกว่า ซึ่งจุดนี้เราค่อนข้างชอบเลยล่ะ เพราะเราค่อนข้างเอียนกับความสัมพันธ์รัก ๆ ใคร่ ๆ ในหนังของอาจารย์ชินไคแกแล้ว อีกทั้งการเปลี่ยนไปขยี้เรื่องครอบครัว ที่คนทั่วโลกอินกันก็นับเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมันสามารถดึงคนให้เสียน้ำตาตอนท้ายได้ง่ายกว่ามาก ๆ เลยล่ะ
Suzume ยังคงจัดเต็มความอลังการแบบเต็มสูบ เหมือนหนังอาจารย์ชินไคที่เคยมีมา ทั้งงานภาพที่งดงาม CGi อันตระการตา ผสมด้วยเพลงประกอบอันทรงพลัง ที่คราวนี้ไม่ได้ Radwimps ปรับเปลี่ยนสไตล์มาซะอลังการจนนึกว่า ฮิโระยูกิ ซาวาโนะ (Hiroyuki Sawano) คนทำสกอร์ Attack On Titan มาทำเพลงประกอบให้เลยทีเดียว ซึ่งการมาใส่เพลงประกอบที่ถูกเวลา ก็ขับให้หนังมีช่วงเวลาที่น่าจดจำมากขึ้น
ข้อเสียอย่างเดียวของ Suzume คงเป็นเรื่องที่ ชินไค มาโคโตะ ยังคงอยู่ในเซฟโซนเดิม ๆ ภูมิประเทศเดิม ๆ คู่พระ-นางที่อายุต่างกันเหมือนเดิม บทภาพยนตร์แนวเดิม มีแต่อะไรเดิม ๆ จนเราเริ่มคิดว่าขอให้สไตล์นี้จบที่ Suzume ทีเถอะนะ แม้ว่ามันจะดีและกลมกล่อมแต่เริ่มช้ำเกินไปแล้วล่ะ เรายังคงคิดถึงอาจารย์ชินไคในแบบที่ 5 Centimeters per Second และ The Garden of Words ทำไว้ ซึ่งให้ความตราตรึงใจในแบบที่หวานปนขมกลืนมากกว่า
เรื่องราวความรัก กาลเวลา โชคชะตา และภัยพิบัติ คือสิ่งที่อยู่ในหนังของชินไค 3 เรื่องหลัง ซึ่ง Suzume ก็รวบรวมทุกสิ่งที่เรารักในงานของอาจารย์มาใส่ไว้อย่างเต็มที่ มันเป็นหนังที่อยู่ดี ออกมากลมกล่อมและงดงามอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังเป็นหนังของชินไค มาโคโตะที่อยู่ในคอมฟอร์ตโซนเดิม ๆ ซึ่งเราก็หวังว่าหนังเรื่องหน้า แกจะมูฟออนออกจากสไตล์นี้ซักทีนะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส