เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์การรียูเนียนที่น่าประทับใจไม่น้อย เมื่อ คีฮุยควน (Ke Huy Quan) หรือ โจนาธาน คี ควาน (Jonathan Ke Quan) อดีตนักแสดงเด็กชาวเวียดนาม-อเมริกันวัย 51 ปี ที่เพิ่งคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ปีล่าสุด จากการแสดงในภาพยนตร์ ‘Everything Everywhere All at Once’ มาหมาด ๆ
กับอดีตนักแสดงเด็กอีกคนอย่าง ดรูว์ แบร์รีมอร์ (Drew Barrymore) ที่ตอนนี้เจ้าตัวดูจะหันไปโฟกัสงานการเป็นพิธีกรรายการทอล์กโชว์ทางโทรทัศน์ที่มีชื่อว่า ‘The Drew Barrymore Show’ ทางสถานีโทรทัศน์ CBS มากกว่า จนช่วงหลายปีที่ผ่านมาแทบไม่ค่อยเห็นรับงานแสดงทางจอเงินเท่าไหร่
ซึ่งนอกจากทั้งสองคนนี้จะเคยเป็นนักแสดงเด็กเหมือนกันแล้ว หลายคนน่าจะพอทราบว่า ทั้งควนและแบรีมอร์ต่างก็ถือเป็นลูกหม้อ หรือลูกศิษย์มีอาจารย์คนเดียวกัน และอาจารย์ปู่คนที่ว่านั้นก็คือ พ่อมดฮอลลีวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ซึ่งเป็นผู้ที่มอบโอกาสในอาชีพนักแสดงให้กับทั้งคู่นั่นเอง
ซึ่งทั้งสามคนได้มีโอกาสมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 40 ปี ในงาน Time 100 Gala ซึ่งเป็นงานเลี้ยงฉลองและมอบรางวัลให้กับบุคคลสำคัญเพื่อฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของนิตยสาร Time ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งในงานนี้ ทางนิตยสาร Time ได้มอบรางวัล TIME100 Impact Award หรือรางวัลที่มอบให้แก่ผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมของอุตสาหกรรมของตนเอง ให้แก่สปีลเบิร์กในฐานะที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน
สิ่งที่เป็นโมเมนต์ที่เป็นไฮไลต์ของรางวัลก็คือผู้มอบรางวัล ซึ่งนั่นก็คืออดีต 2 ศิษย์รักอย่างควน วัย 51 ปี และแบร์รีมอร์ วัย 48 ปี ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบประมาณ 40 ปี เพื่อมอบรางวัลนี้ให้แก่อาจารย์สปีลเบิร์ก วัย 76 ปี โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังได้พูดถึงสปีลเบิร์กด้วย
โดยควนได้พูดถึงสปีลเบิร์กในฐานะผู้ให้โอกาสทางการแสดงของเขาว่า “เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว เส้นทางของผมในภาพยนตร์เริ่มขึ้นด้วยการได้พบกับชายคนหนึ่ง ที่ผมจะขอให้เครดิตตลอดไปว่า เป็นคนที่ช่วยทำให้ผมค้นพบความหลงใหลในการแสดงของผม สตีเวนเป็นคนแนะนำให้ผมรู้จักกับโลก ที่ซึ่งจินตนาการของเขาอาศัยอยู่ และได้เชื้อเชิญผมให้เข้าไป เขาแสดงให้ผมเห็นว่า เราสามารถสนุกได้มากแค่ไหน หากเราปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวนำทาง”
ส่วนแบร์รีมอร์ ได้พูดถึงสปีลเบิร์กด้วยว่า “ฉันสามารถย้อนกลับไปทั้งชีวิต เพื่อการถูกเลือกของคน ๆ เดียวได้ เขาไม่เพียงแค่เปลี่ยนชีวิตของฉันเท่านั้น แต่ฉันมีความสุขมากที่ได้มาที่นี่ เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาในค่ำคืนนี้ เพื่อขอบคุณเขา ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเราทุกคน ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนมีเรื่องราว และสตีเวน ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกเชื่อมโยงถึงกัน ไม่เพียงแต่ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่ในชีวิตจริงก็ด้วย”
และแน่นอนว่า สปีลเบิร์กในฐานะอาจารย์ก็ได้พูดถึงลูกศิษย์ทั้งสองในงานนี้ด้วยว่า “ผมไม่เคยรู้สึกภูมิใจในอาชีพการงาน มากไปกว่าการได้พบ ดรูว์ แบร์รีมอร์ วัย 6 ขวบ ในปี 1981 และ คี วัย 11 ขวบ ในตอนต้นปี 1983 ผมโชคดีมาก ๆ ที่ได้พบกับพวกเขาทั้งสองคน และพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
แม้ทั้ง คีฮุยควน และ ดรูว์ แบร์รีมอร์ จะเป็นศิษย์สปีลเบิร์กเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ไม่เคยมีผลงานการแสดงร่วมกัน แต่ในปี 1984 ในงานประกวดรางวัลภาพยนตร์ที่จัดขึ้นเพื่อเยาวชน Youth in Film Awards ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นในปี 1984 ทั้งคู่ได้มีโอกาสถ่ายรูปร่วมกันบนพรมแดง ส่วนงานบนเวที ดรูว์ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงจากหนังตลกดราม่าเรื่อง ‘Irreconcilable Differences’ (1984) ส่วนควนได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากหนังเรื่อง ‘Indiana Jones and the Temple of Doom’ (1984) จากเวทีเดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1983 สปีลเบิร์กได้มอบโอกาสสำคัญให้กับ คีฮุยควน เด็กชายผู้อพยพตามพ่อแม่มาจากเวียดนาม ให้มารับบทเป็น ช็อตราวนด์ (Short Round) เด็กชายคู่หูของอินดี้ หรือ อินเดียนาโจนส์ ใน ‘Indiana Jones and the Temple of Doom’ หรือ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 2 ตอน ถล่มวิหารเจ้าแม่กาลี
ผลงานการแสดงของเขาเป็นที่น่ารักน่าประทับใจ จนทำให้สปีลเบิร์กมอบงานแสดงให้เขาอีกหลายครั้ง เช่นในหนังคอมมีดี้ผจญภัย ‘The Goonies’ (1985) ที่สปีลเบิร์กรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ แสดงละครซิตคอม พอเข้าวัยรุ่น ก็มีโอกาสร่วมแสดงในหนังตลก ‘Encino Man’ (1992) ร่วมกับ เบรนเดน เฟรเซอร์ (Brendan Fraser) ก่อนเขาที่จะเริ่มหายจากวงการไปทำงานเบื้องหลัง ผันตัวไปเป็นนักออกแบบท่าต่อสู้ และผู้ช่วยผู้กำกับให้กับหนังฮอลลีวูดอยู่นาน
จนกระทั่ง ไชเนิร์ต แดเนียล (Scheinert Daniel) และ แดเนียล กวาน (Daniel Kwan) หรือ แดเนียลส์ (Daniels) ที่กำลังจะกำกับ ‘Everything Everywhere All at Once’ (2022) ให้กับค่าย A24 เขาจึงได้รับโอกาสกลับเข้ามาในฮอลลีวูดอย่างงดงาม ซึ่งควนเคยให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า แม้จะนานมาแล้ว แต่สปีลเบิร์กก็ยังคงส่งของขวัญคริสต์มาสให้เขาทุก ๆ ปีไม่เคยขาด
ส่วนแบร์รีมอร์ หลายคนคงทราบว่า เจ้าตัวมีผลงานการแสดงตั้งแต่วัย 9 เดือน ก่อนที่หนูน้อยดรูว์วัย 6 ขวบ จะได้รับโอกาสจากสปีลเบิร์กให้มาร่วมแสดงเป็นเกอร์ตี้ น้องเล็กสุดของบ้านในหนังเรื่อง ‘E.T. the Extra-Terrestrial’ (1982) ซึ่งความน่ารักของน้องในเวลานั้น ทำให้สปีลเบิร์กรับเป็นพ่อทูนหัวในเวลาต่อมา แต่ด้วยชื่อเสียงที่ถาโถมในวัยเด็ก และการเลี้ยงดูที่ไม่สมบูรณ์ของครอบครัว ทำให้เธอเริ่มกลายเป็นเด็กมีปัญหา ตั้งแต่เป็นหัวขบถดื้อรั้น เริ่มเข้าผับดื่มเหล้ายาปลาปิ้ง ลามจนไปถึงขั้นเสพยาเสพติด
ไปออกรายการ ‘Late Show With David Letterman’ ก็ดันไปป่วนเต้นปืนโต๊ะ เปิดหน้าอกโชว์พิธีกร เดวิด เล็ตเตอร์แมน (David Letterman) ไปหนึ่งที เล่นเอาพิธีกรถึงกับอึ้งกิมกี่ไปไม่เป็น และที่หนักสุดคือ ยอมตกลงไปถ่ายภาพวาบหวิวลงนิตยสาร Playboy เมื่อปี 1995 จนพ่อทูนหัวอย่างสปีลเบิร์กอดรนทนไม่ไหว ส่งภาพวาบหวิวของเธอเองที่ให้ฝ่ายศิลป์ของบริษัท จัดการรีทัชเสื้อผ้าอย่างมิดชิด ผ้าคลุม 1 ผืน พร้อมโน้ตสั้น ๆ ว่า “เอาไปห่มตัวเองเถอะ”
ซึ่งนับแต่นั้นมา ชีวิตของแบร์รีมอร์ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น จนเริ่มมีผลงานการแสดงมากมาย กลายเป็นดาราไอคอนอีกคนของยุค 90s และเริ่มผันตัวมาทำหน้าที่ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักธุรกิจ นักเขียน และเป็นพิธีกรรายการทอล์กโชว์ในปัจจุบัน
ที่มา: Time, Variety, Today, Daily Mail
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส