ในหนัง ‘Guardians of the Galaxy Vol.3’ ที่เพิ่งเข้าโรงฉายไป นอกจากเรื่องราวสุดประทับใจที่มีครบทั้งความเกรียน ฮา ซึ้ง และสะเทือนใจของเหล่าบรรดาแก๊งการ์เดียนส์สุดเกรียน และวายร้าย ไฮ อีโวลูชันนารี (High Evolutionary) แล้ว อีกสีสันที่หลายคนรอมาเนิ่นนานตั้งแต่ ‘Guardians of the Galaxy Vol.2’ (2017) ก็คือ วายร้ายทรงแบดหน้าใหม่ที่หลุดออกมาจากดักแด้ใหม่ ๆ หมาด ๆ อย่าง อดัม วอร์ล็อก (Adam Warlock) ไอ้หนุ่มร่างทองทรงพลัง ที่รับบทโดยนักแสดงชาวอังกฤษ วิล พัลเตอร์ (Will Poulter) นั่นเอง
ซึ่งหลายคนก็คงคุ้นหน้าเขามาก่อนในฐานะนักแสดงหนุ่มหน้ามีม โดยเฉพาะภาพมีมหน้าสงสัยของเขา ที่มักถูกชาวเน็ตเอาไปใช้เป็นมีมเวลาสงสัยอยู่บ่อยครั้ง และอีกมีมที่เขามักจะโดนล้อเลียนอยู่บ่อยครั้งก็คือ การเปรียบเทียบใบหน้าของเขากับตัวละคร ซิด ฟิลิปส์ (Sid Phillips) ตัวละครเด็กวายร้ายจากแอนิเมชันชื่อดัง ‘Toy Story’ (1995) ที่ถ้าใครจำได้ ด.ช. ซิดคือตัวละครเด็กเกรียนที่ชอบเอาของเล่นไปเล่นแบบพิเรนทร์ ๆ เช่น เอาไปเผาไฟ หรือไม่ก็เอาไประเบิดเล่น ฯลฯ
แล้วก็ให้บังเอิญว่า หน้าตาของพัลเตอร์ ดันมีลักษณะคล้ายกับตัวละครซิดเสียด้วย ทำให้ชาวเน็ตมักจะเอาไปเปรียบเทียบในเชิงล้อเลียนอยู่บ่อย ๆ ซึ่งในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของเขาบนเว็บไซต์ GQ พัลเตอร์ก็ได้เล่าประสบการณ์ที่มีชายคนหนึ่งเดินมาถามเขาในระหว่างที่กำลังปัสสาวะในห้องน้ำ ไม่แน่ใจว่าถามเพราะสงสัยหรือถามเพราะล้อเลียนกันแน่
“มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหาผมที่โถปัสสาวะ แล้วก็พูดกับผมว่า ‘คุณอยู่ใน ‘Toy Story’ ใช่ไหม ? ‘ ผมก็เลยตอบกลับไปว่า ‘อืม…นั่นมันแอนิเมชันต่างหาก’ ผมไม่ได้อยากจะพูดจาหยาบคายนะ ผมเองก็ยังรู้สึกขอบคุณที่มีคนทำมีมเกี่ยวกับผม นั่นก็เลยทำให้ผมแต่งตัวเป็นซิด จาก ‘Toy Story’ ในสัปดาห์ถัดมา เพื่อแสดงถึงการต่อต้านการบูลลี”
ซึ่งภาพที่ว่านั้นก็คือ ภาพที่พัลเตอร์แต่งตัวเป็นตัวละครซิด จาก ‘Toy Story’ แบบครบเครื่องทั้งเหล็กดัดฟัน เสื้อสีดำลายกะโหลก ส่วนในมือก็ถือทั้งตุ๊กตานายอำเภอวูดดี้ และแว่นขยาย ตามคาแรกเตอร์แบบเป๊ะ ๆ เนื่องในโอกาสวันฮาโลวีนเมื่อปี 2017 นั่นเอง ซึ่งในเวลานั้นเขาไม่ได้แค่แต่งตัวเพื่อร่วมเทศกาลฮาโลวีน หรือแต่งเพื่อประชดคนที่บูลลีเขาในห้องน้ำแต่เพียงอย่างเดียว แต่เขายังส่งสารถึงการต่อต้านการบูลลีด้วยข้อความสั้น ๆ ในโพสต์เดียวกัน
“ถึงเวลาแล้วสินะ… วันฮาโลวีนนี้ ผมคิดว่าผมควรตอบสนองต่อการเปรียบเทียบผม กับเด็กเกเรข้างบ้านของ Disney’ Pixar รวมทั้งการสวมบทบาทเป็นซิด จาก Toy Story ! นอกจากการที่ผมยอมโดนหัวเราะเยาะแล้ว ผมก็ยังอยากจะพยายามเรียกร้องความสนใจจากสิ่งนี้ด้วย!”
“เนื่องจากเดือนนี้ (ตุลาคม) เป็นเดือนแห่งการป้องกันการกลั่นแกล้งของสหรัฐอเมริกา และสัปดาห์การต่อต้านการรังแกในสหราชอาณาจักรที่กำลังใกล้เข้ามา ผมจะขอบคุณมาก ถ้าพวกคุณช่วยติดตามพวกเขา @antibullyingpro และช่วยสนับสนุนสิ่งที่จะทำให้โรงเรียนปลอดภัย เป็นสถานที่แห่งความสุขของเยาวชน ก่อนที่พวกคุณจะกดถูกใจหรือช่วยกันแชร์ต่อไป ขอบคุณ!” #Happyhalloween #ต่อต้านการกลั่นแกล้ง
วิล พัลเตอร์ แจ้งเกิดในฐานะนักแสดงวัยรุ่นด้วยการแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรก ‘Son of Rambow’ (2007) และเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการรับบทบาท ยูซตาส สครับบ์ ในหนังแฟนตาซี ‘The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader’ (2010) และมีผลงานแสดงหนังตลก ‘We’re the Millers’ (2013) ร่วมกับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) และ เอ็มมา โรเบิร์ตส์ (Emma Roberts)
ซึ่ง ‘We’re the Millers’ นอกจากจะทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่ง จากเวที บริติช อะคาเดมี ฟิล์ม อวอร์ดส์ (BAFTA) แล้ว ภาพหน้าคิ้วขมวดสงสัย แสดงสีหน้างงงวยประหลาดใจ อารมณ์ประมาณว่า “…อีหยังวะ ? ” ของเขาจากหนังเรื่องนี้นี่แหละที่กลายเป็นมีมที่ถูกเรียกว่า ‘You Guys Are Getting Paid ? ‘ บนโลกอินเทอร์เน็ตที่หลายคนจำได้ และแน่นอนว่าเขาเองก็โดนล้อเลียนเรื่องคิ้วที่เป็นเอกลักษณ์ไม่น้อย ซึ่งเขาเองก็เข้าใจและไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร และรู้สึกขำ ๆ ด้วยซ้ำ เหมือนที่เขาเคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของ The Times ว่า “ผู้คนจำคิ้วผมได้มากกว่างานแสดงของผมซะอีกอ่ะครับ”
ในเวลาต่อมา และทำให้เขาเริ่มได้แสดงหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ในเวลาต่อมา ทั้ง ‘The Maze Runner’ (2014), ‘The Revenant’ (2015) และหนังนอกกระแสสุดแมสจากค่าย A24 ‘Midsommar’ (2019) และยังข้ามมาแสดงหนังของ ‘Black Mirror: Bandersnatch’ (2020) ของ Netflix ก่อนจะได้รับโอกาสให้เข้าร่วมจักรวาล MCU ครั้งแรกกับบทบาท อดัม วอร์ล็อก ใน ‘Guardians of the Galaxy Vol.3’
ซึ่ง เจมส์ กันน์ (James Gunn) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็ได้เปิดเผยเหตุผลที่เลือกพัลเตอร์มารับบทเป็น อดัม วอร์ล็อก กับ Empire ไว้ว่า “คือชาวเน็ตจะชอบบอกกันว่า อดัมเนี่ย น่าให้ ทอม ครูซ (Tom Cruise) มารับบทนะ แต่ตัวผมเอง ต้องการนักแสดงสักคนที่ยังเป็นหนุ่มแน่น และเป็นนักแสดงที่ต้องมีทั้งความดราม่า และยังตลกได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ใน Vol.3 นี้เท่านั้น แต่เพื่อที่ Marvel จะได้เอาตัวละคร อดัม วอร์ล็อก ไปใช้ในอนาคตได้อีกด้วย”
“อันที่จริง เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ ที่เราได้เห็นกันคืออดัมในรูปแบบของเด็กทารกที่เพิ่งออกมาจากดักแด้ใหม่ ๆ นั่นแหละ และเขาเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจชีวิตดีพอ เขาคือเด็กทารกดี ๆ นี่เองแหละครับ”
ส่วนเขาเองก็พูดถึงตัวละคร อดัม วอร์ล็อก ในบทสัมภาษณ์เดียวกันนี้ว่า “เห็นได้ชัดเลยครับว่า เจมส์กำลังจะบิดอะไรบางอย่างกับวอร์ล็อก เขาอยู่ในวัยเด็ก มันเหมือนกับเขายังไม่สุกแต่เอาออกมาจากเตาเร็วไป ทำนองนี้ล่ะครับ เขาพยายามปรับตัวเองให้อยู่ในโลกที่มีความกดดันมากมายในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งถูกผิด มันเป็นงานที่สนุกจริง ๆ วอร์ล็อกเป็นแบบอย่างของตัวละครที่ผมชอบใน Guardians เพราะว่าตัวละครในนั้นมีความตลก แต่มีความรู้สึกในใจอย่างแท้จริง”
“ผมคิดว่ามันตลกจริง ๆ นะ ที่วอร์ล็อกบินเข้ามา พร้อมกับภารกิจที่ต้องบรรลุ ด้วยความคาดหวังที่อยู่บนไหล่ของเขา และหลังจากนั้นเขาก็ทำลายมัน เป็นเรื่องปกติที่เจมส์จะไม่ทำอะไรแค่มิติเดียว แต่ทำลายความคาดหวังและหามุมมองที่ดูตลกและดูโง่กว่า ผมชื่นชมสิ่งเหล่านี้จริง ๆ นะครับ”
ในบทสัมภาษณ์ พัลเตอร์ได้พูดถึงอีกแง่มุมของการถูกบูลลี หรือถูกกลั่นแกล้ง รวมทั้งการสังเกตรูปลักษณ์ภายนอกของผู้คนในอีกมุมได้อย่างน่าสนใจ “เป็นเรื่องตลกนะครับ เมื่ออะไรเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต บริบททุกอย่างมันจะหายไปหมด ภาพที่เป็นไวรัลของผมคือภาพจาก ‘We’re The Millers’ และภาพต่อมาก็คือ ภาพของผมที่อยู่ใน ‘Guardians’ ทั้งสองภาพห่างกัน 10 ปี แต่ไม่มีใครนึกถึงด้วยซ้ำ”
“สองวันก่อน มีคนในผับพูดกับผมว่า ‘คุณดูสดใสขึ้นนะ ยินดีด้วย…’ มันก็ค่อนข้างยากที่จะยอมรับว่า ในส่วนที่ดีที่ดีที่สุดของคุณก็ยังมีจุดที่น่าเกลียด และตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ก็ดูดีขึ้นมานิดหน่อย! ผมไม่รู้ว่ามันเป็นการเหยียดหยามเหรือเปล่า แต่มันก็ยากที่จะไม่มองว่าเป็นคำชมเชย ทุกคนพูดราวกับว่าเป็นแง่ดี แต่มันก็มีความซับซ้อนอยู่เหมือนกัน “
“เป็นเรื่องแปลกนะครับ เมื่อผู้คนเริ่มถกเถียงกันในออนไลน์ว่า รูปร่างหน้าตาของผมดีหรือไม่ดี ในขณะที่ผมกลับสบายใจและมั่นใจมากที่ผมรู้ว่าผมไม่มีเสน่ห์ตรงไหน เพราะผมมักถูกสังเกตว่า ผมมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะคิ้วหรืออะไรก็ตาม ผู้คนต่างพูดถึงสิ่งนั้น แต่ทำไมเราถึงใช้เวลาในการพูดคุยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของผู้คนด้วยล่ะ โดยเฉพาะกรณีของผู้หญิง”
“แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง ทำไม (รูปลักษณ์ภายนอก) ถึงเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจขนาดนั้น ? น่าเสียดายที่โซเชียลมีเดียได้สร้างแนวคิดที่เป็นปัญหา นั่นก็คือความคิดเห็นของทุกคนของทุกเรื่องมีความสำคัญเท่าเทียมกัน”
ที่มา: GQ, Superhero Hype, Total Film, Entertainment Weekly
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส