วันฉาย
24 / 05 / 2566
แนว
ซูเปอร์ฮีโร่, แอ็กชัน, ดราม่า
ความยาว
135 นาที
ผู้กำกับ
อันโนะ ฮิเดอากิ
เรตผู้ชม
ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ
OUR SCORE
6.3
Our score
6.3[รีวิว] Shin Kamen Rider – เดชไอ้ตั๊กแตนฟัด แอ็กชันจัดหนัก แต่กลับไร้หัวใจ
จุดเด่น
- แอ็กชันจัดเต็ม ต่อยหนักกันแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- รวมเอาอีสเตอร์เอ้กของคาเมนไรเดอร์ยุคโชวะมาไว้ เด็กหนวดมีกรี๊ด
- ย่อยง่ายกว่า Shin Ultraman
- น้องมินามิ น่ารักมาก
จุดสังเกต
- บทที่สะเปะสะปะ เหมือนอยากทำไรก็ทำ
- CG หลายช็อตดูไม่เนียนตา แถมบางฉากที่มืดก็ดูไม่รู้เรื่อง
- หนังแทบไม่มีจุดศูนย์กลาง เหมือนอยากเร่งเครื่องให้มันจบ ๆ จนขาดหัวใจไป
- จุดอ่อนที่สุดของหนังคือตัวผู้กำกับอันโนะ ฮิเดอากิ
-
คุณภาพด้านการแสดง
7.0
-
คุณภาพโปรดักชัน
7.0
-
คุณภาพของบท
5.0
-
คุณภาพของความบันเทิง
6.0
-
ความคุ้มเวลาในการชม
6.5
เดินทางมาถึงเรื่องที่ 4 กันแล้ว สำหรับภาพยนตร์ตระกูล Shin ของผู้กำกับฮิเดอากิ อันโนะ (Hideaki Anno) หลังจากสร้างปรากฏการณ์ จนกวาดคำวิจารณ์ด้วย Shin Godzilla และปิดฉากมหากาพย์ Shin Evangelion จนจุใจ แถมยังแวะมาช่วยควบคุมการสร้างใน Shin Ultraman ไปหมาด ๆ ล่าสุดอันโนะก็พร้อมกลับมาสานจิตวิญญาณแห่ง Shin ด้วย Shin Kamen Rider กันแล้ว
หนังเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ฉลองครบรอบ 50 ปีของซีรีส์ Kamen Rider โดย Toei Company ซึ่ง Shin Kamen Rider ก็มีพื้นฐานมาจากการนำภาพยนตร์ซีรีส์ และมังงะ Kamen Rider ของอาจารย์โชทาโร่ อิชิโนโมริ (Shōtarō Ishinomori) มาดัดแปลงใหม่ในสไตล์ผู้กำกับอันโนะเอง
โดย Shin Kamen Rider เล่าเรื่องถึงฮอนโก ทาเคชิ มนุษย์ดัดแปลงผู้หลบหนีออกมาจากองค์กร SHOCKER พร้อมกับนักวิทยาศาสตร์สาว มิโดริคาวะ รูริโกะ ในขณะที่หนีอยู่นั้นฮอนโกก็ต้องเผชิญกับศัตรูมากมาย พร้อมกับเรียนรู้ที่จะใช้พลังเพื่อปกป้องโลกไปพร้อมกัน
สำหรับหนังตระกูล Shin แล้ว ต้องขอชมเลยว่า Shin Kamen Rider เป็นหนึ่งในหนังที่มีคิวบู๊ดุเดือดกว่าเรื่องไหน เพราะตลอดทั้งเรื่อง จะอุดมไปด้วยฉากแอ็กชันในแบบที่ไม่ทันให้เราได้พักหายใจ ซึ่งระหว่างทาง เราจะเห็นตัวละครมากมายออกมาบรรเลงหมัด วาดลวดลายคิวบู๊ และหาวิธีเอาชนะศัตรูในแบบต่าง ๆ ซึ่งคอหนังแอ็กชันน่าจะถูกใจเลยล่ะ
แม้หนังจะดูเหมือนอุดมไปด้วยเลือด แต่หนังก็ไม่มีฉากคอขาด ร่างกระจายแบบใน Amazons กับ BLACK SUN หรอกนะ ซึ่งเลือดที่ออกมา ก็มาจากการชกต่อยของตัวละครนั่นแหละ และถ้าใครที่กลัวว่า จะน่ากลัวเกินไปแล้วเด็กดูไม่ได้ ก็ขอบอกว่าสบายใจได้ คิวบู๊ไม่ได้ต่างจากหนังไรเดอร์ปกติเลย
สำหรับเด็กหนวดแล้ว ถ้าใครที่ดู Shin Ultraman แล้วรู้สึกสนุกสนานกับการหาอีสเตอร์เอ้กในหนัง บอกเลยว่าสมใจอยากแน่นอน เพราะ Shin Kamen Rider อัดแน่นไปด้วย Reference จากซีรีส์ยุคโชวะ ตั้งแต่ บทพูด เพลงประกอบ การออกแบบ ที่คนรักโทคุซัสซึต้องยิ้มจนแก้มปริ
แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับผู้เขียนแล้ว หนังเรื่องนี้ก็มีบาดแผลใหญ่ที่ทำให้เรารักมันหมดใจไม่ลง
เริ่มต้นที่บทก่อนเลย ปัญหาของหนังเรื่องนี้ เหมือนกับ Shin Ultraman คือหนังอุดมไปด้วยซีเควนซ์มากมาย มาเรียงร้อยต่อกัน ทว่าหนังกลับไม่สามารถดึงหัวใจออกมาจากจุดนั้นได้ ซึ่งหนังสามารถมีจุดพอดีที่เป็นกึ่งกลางของความเบียว และความจริงจังได้ แต่เหมือนผู้กำกับอันโนะไม่รู้จักเบรก แถมยังเหยียบคันเร่งเพื่อใส่อะไรที่ล้นมามากเกินไป จนทำให้หนังเต็มไปด้วยความอิหยังวะมากมาย
ถ้าจะพูดให้ถูก ปัญหาหลักของหนังจึงอยู่ที่ผู้กำกับอันโนะนี่แหละ เพราะแกเป็นมนุษย์ที่มีไอเดียในหัวเยอะมาก แล้วดันอยากยัดทุกอย่างลงไปในหนัง ทำให้ Shin Kamen Rider มีทุกอย่างที่เป็นแฟนเซอร์วิส แต่กลับขาดหัวใจของภาพยนตร์ลงไป
โดยเฉพาะตัวละครหลักอย่างฮอนโก ที่ควรเป็นตัวละครที่มีการพัฒนามหาศาล แต่จนจบเรื่องเรากลับไม่สามารถหลงรักตัวละครได้อย่างหมดใจ นอกจากนั้นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าเสียดายก็คือ รุริโกะ ที่แสดงโดยมินามิ ฮามาเบะ ซึ่งควรจะเป็นหัวใจหลักของหนังจนเรียกน้ำตาคนดูได้ ทว่าผู้กำกับอันโนะกลับไม่สามารถดึงจุดนี้มาใช้ได้ ซ้ำร้าย หนังยังทำให้ฉากในซีนเรียกน้ำตาดันออกมาฝืนจนตลก
ยังดีที่ตัวละครอย่าง อิจิมอนจิ ฮายาโตะ ช่วยออกมาแบกเนื้อเรื่องในช่วงท้าย แม้จะออกมาน้อย แต่ก็เป็นตัวละครที่แย่งซีน จนใครหลายคนก็หลงรักไปเลยล่ะ
นอกจากนั้น ปัญหาอีกอย่างที่ต้องยอมรับเลยก็คือบทพูด ที่ช่างดูประดิดประดอย เพราะเรารู้สึกเลยว่า บทพูดใน Shin Kamen Rider ช่างดูไม่เป็นธรรมชาติ แถมพ่นศัพท์เบียว ๆ กันเต็มไปหมด แม้ว่าหลายประโยคจะเป็นอีสเตอร์เอ้กที่สื่อถึงซีรีส์ไรเดอร์ยุคโชวะ แต่เมื่อมันถูกจับยัดมาแบบไม่เข้าที่เข้าทาง สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็น Buzz Word ที่ทำให้ตรรกะตัวละครผิดเพี้ยนไปหมด
ในส่วนที่ผู้เขียนเสียดายที่สุดเลยก็คือ CG และคิวบู๊ ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะว่าโตเอะให้งบมาน้อย หรือเพราะว่าอันโนะแกอยากได้แบบนั้น ฉากต่อสู้มากมายกลับกลายเป็น CG ที่ไม่สวยงามเอาซะเลย ทั้งที่คาเมนไรเดอร์ซีรีส์มีชื่อจุดเด่นด้านคิวบู๊ที่สวยงาม แต่อันโนะกลับดึงจุดนั้นมาใช้ไม่ได้ ถ้าจะให้พูดตรง ๆ CG สวยสุดในเรื่องก็น่าจะเป็นทุกฉากที่มอเตอร์ไซค์ไซโคลนออกมาแล้วล่ะ เพราะนอกจากนั้นแล้วฉาก CG ที่เหลือก็ชวนกุมขมับหมด
โดยรวมแล้วแม้ Shin Kamen Rider จะสนุก และย่อยง่ายกว่า Shin Ultraman ทว่ามันกลับไม่ได้ตอบโจทย์ในแง่ความบันเทิง แฟนคลับดูแล้วได้ตื่นเต้น แต่คนธรรมดาดูแล้วเป็นงง พูดก็พูดเถอะ Kamen Rider THE FIRST (2007) ที่เป็นรีบูตของ Kamen Rider ภาคแรก ยังสนุกกว่าซะอีก
Shin Kamen Rider ยังคงเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ของอันโนะที่มีปัญหาตรงบท ซึ่งเหมือนแกสูดกาวเยอะไป จนอยากยัดทุกไอเดียในหัวมาใส่หนังจนล้น น่าเสียดายที่ Shin Kamen Rider นั้นมีวัตถุดิบที่ดีมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง บท หรือแม้กระทั่งแฟนเซอร์วิส แต่ผู้กำกับดันลืมใส่สิ่งสำคัญที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ลงไปในหนังซะงั้น
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส