แคร์รี ฟิชเชอร์ (Carrie Fisher) นักแสดงผู้ล่วงลับในตำนาน ที่จากไปด้วยโรคหัวใจวายกะทันหันเมื่อปี 2016 ซึ่งนอกจากที่เราจะรู้จักและเป็นที่จดจำ จากบทบาท เจ้าหญิงเลอา ออร์กานา ในจักรวาล ‘Star Wars’ แล้ว ก็ยังมีผลงานการแสดงในหนังเรื่องอื่น ๆ ที่แม้จะไม่ได้โด่งดังเท่าบทบาท แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมที่ฝากไว้ให้กับฮอลลีวูดมากมาย ทั้ง ‘Hannah and Her Sisters’ (1986), ‘When Harry Met Sally…’ (1989) และ ‘Soapdish’ (1991)
นอกจากนี้ ฟิชเชอร์ยังมีฝีมือเป็นที่รู้จักในฐานะของ Script Doctor หรือนักขัดเกลาบทภาพยนตร์มือฉมังของวงการ คอยรับหน้าที่ปรับปรุงขัดเกลาบท และเขียนไดอะล็อกให้กับหนังดัง ๆ หลายเรื่อง เช่น ‘Hook’ (1991), ‘Sister Act’ (1992), ‘The Wedding Singer’ (1998), ‘Coyote Ugly’ (2000) รวมทั้งใน Star Wars ภาคต่าง ๆ เช่น ‘Star Wars: Episode I – The Phantom Menace’ (1999) ‘Star Wars: Episode II – Attack Of The Clones’ (2002) และ ‘Star Wars: The Last Jedi’ (2017)
นอกจากนี้ ฟิชเชอร์เองก็มีผลงานเขียนในหลายรูปแบบ เช่น ‘Postcards From the Edge’ ที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงของตัวเอง ซึ่งฟิชเชอร์ก็มีหน้าที่ดัดแปลงเป็นบทหนังที่ออกฉายในปี 1990 ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีหนังสือนิยาย รวมทั้งหนังสืออัตชีวประวัติ หรือไดอารี่ที่เธอเล่าถึงบางช่วงชีวิตของเธอเองอย่างตรงไปตรงมาอีก 3 เล่ม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘The Princess Diarist’ หนังสือที่บอกเล่าช่วงชีวิตตอนสมัยสาว ๆ ตอนสมัยที่แสดงหนัง ‘Star Wars’ ภาคแรก ซึ่งถือเป็นหนังสือไดอารี่เล่มสุดท้ายที่วางแผง 1 เดือนล่วงหน้าก่อนที่เธอจะเสียชีวิต
โดยเรื่องหนึ่งที่เธอได้เปิดเผยแบบหมดเปลือกในไดอารี่เล่มนี้ก็คือ เรื่องรักลับ ๆ ที่เธอเก็บงำเอาไว้ไม่ให้ใครรู้มานานกว่า 40 ปี ในช่วงระหว่างการถ่ายทำหนัง ‘Star Wars’ ภาคแรกที่ออกฉายในปี 1977 ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นนั่นเอง ที่ฟิชเชอร์กำลังมีความรู้สึกตกหลุมรักนักแสดงชายคนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคนนั้นก็คือ แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) นักแสดงเจ้าของบทกัปตันยานอวกาศ ฮาน โซโล นั่นเอง แต่ความรักครั้งนี้กลับไม่ได้ง่ายดายสวยงามเหมือนความรักของเจ้าหญิงเลอา กับไอ้หนุ่ม ฮาน โซโลแบบนั้น
นั่นก็เป็นเพราะว่า ในเวลานั้น ฟอร์ดในวัยหนุ่มแน่น อายุ 34 ปี ไม่ใช่หนุ่มโสดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นับตั้งแต่ที่เขาย้ายจากบ้านที่ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ มาเผชิญโชคในการเป็นนักแสดงสมทบ ที่ลอสแองเจลิส ดินแดนฮอลลีวูดนั้น เขาไม่ได้มาเพียงแค่ตัวคนเดียว แต่เขายังพา แมร์รี มาร์ควอดต์ (Mary Marquardt) ภรรยาคนแรกในชีวิตของฟอร์ด ที่คบหากันมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยมาอยู่ด้วยกัน
นอกจากนี้ ครอบครัวของเขาก็มีลูกชายแล้วด้วย 2 คน นั่นก็คือ เบนจามิน ฟอร์ด (Benjamin Ford) และ วิลลาร์ด ฟอร์ด (Willard ford) ซึ่งฟอร์ดได้รับบทเป็น ฮาน โซโล หลังจากที่ผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ได้เห็นเขาตอนที่กำลังต่อเติมสำนักงานของผู้กำกับอีกคนอย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (Francis Ford Coppola)
ปี 1976 ในขณะที่กำลังถ่ายทำ ‘Star Wars’ นอกจากที่เธอเขียนเล่าว่า ในระหว่างถ่ายทำ เธอเองมักจะดื่มสุรา สูบกัญชา และติดยาเสพติดแล้ว เธอเองก็ยังได้พบกับความรักต้องห้ามด้วย เรื่องเกิดขึ้นในคืนหนึ่ง ในงานเลี้ยงวันเกิดของลูคัส ฟิชเชอร์เล่าว่าตัวเธอเองดื่มไวน์เข้าไปเยอะจนเมาจัด และก็เป็นพระเอกหนุ่มอย่างฟอร์ดนี่แหละที่อาสาขับรถพาเธอไปส่งที่บ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะจูบกันที่เบาะหลังรถยนต์ และในที่สุดทุกอย่างก็ลงเอยที่เตียงนอน
“มันเป็นอะไรที่รุนแรงมาก พวกเราเป็นฮานและเลอาในช่วงระหว่างสัปดาห์ และเป็นแคร์รีและแฮร์ริสันในช่วงสุดสัปดาห์”
แม้ในเวลานั้น ฟอร์ดเองก็เป็นชายหนุ่มที่มีภรรยา มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนค่ำคืนนั้นจะทำให้ฟิชเชอร์ สาวน้อยอายุ 19 ปีที่ยังไม่ประสีประสาและไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องความรัก และแน่นอนว่าความรักครั้งนี้ก็ถือเป็นความรักต้องห้ามเสียด้วย แม้เธอเองจะรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้นัก แต่มันก็ทำให้เธอค่อนข้างแน่ใจว่า เธอตกหลุมรักเขาแน่นอน
“ฉันมองไปที่แฮร์ริสัน ใบหน้าของวีรบุรุษ มีผมสองสามเส้นตกลงมาปรกเหนือคิ้วที่ขมวดสูงของเขาเล็กน้อย ฉันได้แค่คิดว่า ฉันจะขอให้ผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้มาชอบฉันได้อย่างไรกัน ? “
“ฉันเองไม่เคยมีประสบการณ์มากนัก แต่ฉันเชื่อในบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในตัวเขา เขาเป็นคนจิตใจดี”
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ทั้งคู่คบหากัน แม้เธอเองจะบอกเล่าถึงความรักในเวลานั้นว่า มันอาจจะไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเลิศมากนัก แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ถือว่าโอเค เพราะฟอร์ดเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลา แม้ฟิชเชอร์จะรู้ตัวดีว่า ความรักของเธอกับเขาในเวลานั้นคงไม่มีอะไรลงเอยไปมากกว่านี้ แต่ฟิชเชอร์เองก็เผยว่า ในเวลานั้นเธอเข้าขั้น ‘หมกมุ่น’ ในความพยายามที่จะทำให้ฟอร์ดหันมาตกหลุมรักเธออย่างไม่ลดละ และถึงขั้นเพ้อฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า สักวันหนึ่ง ฟอร์ดอาจจะยอมหย่ากับภรรยา และขอเธอแต่งงานด้วยแหวนทองคำประดับเพชรที่สลักคำว่า ‘Carrison’ ซึ่งเป็นคำที่สร้างมาจากการผสมชื่อของทั้งคู่เข้าด้วยกัน
แต่นั่นก็เป็นเพียงความเพ้อฝัน เพราะในอีก 3 เดือนต่อมาหลังจากที่การถ่ายทำ ‘Star Wars’ จบลง คิวถ่ายทำของฟอร์ดเสร็จสิ้นไปก่อน ส่วนคิวของฟิชเชอร์เสร็จสิ้นหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มค่อย ๆ ถอยห่างออกจากกัน ส่วนฟอร์ดเองก็กลับไปหาครอบครัว ทำให้ความสัมพันธ์ที่ฟิชเชอร์ใช้คำว่าเป็น “One Night Stand ที่ยาวนานมาก ๆ ” จบลง จนในเวลาต่อมา ฟอร์ดก็หย่าขาดกับมาร์ควอดต์ในปี 1979 ซึ่งฟิชเชอร์ได้ยืนยันว่า การหย่าร้างของทั้งคู่ ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตัวเธอทั้งสิ้น
“ฉันคิดว่ามันทำให้เราสองคนสบายใจขึ้น ฉันคิดว่ามันทำให้ฉันรู้จักเขามากขึ้น แม้ฉันจะไม่รู้สึกปลอดภัย แต่เราสองคนมีความสัมพันธ์กัน ตอนนั้นเรามีเคมีที่ตรงกัน และคุณคงรู้สึกได้ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเคมีในหนัง กับเคมีในชีวิตจริงอันไหนเกิดก่อนกัน”
“สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ เมื่อตอนที่ฉันและแฮร์ริสันพบกันก็คือ มันจะไม่มีความโรแมนติกเกิดขึ้นแน่นอน มันไม่ใช่ปัญหาอะไรด้วยซ้ำ มีผู้ชายโสดมากมายที่ฉันสามารถออกเดตด้วยได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่แต่กับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เขาแก่เกินไปสำหรับฉันด้วย แก่กว่าตั้งเกือบ 15 ปี!”
“แฮร์ริสันเป็นผู้ชายที่ดี แม้ว่าจะเป็นคนที่ซับซ้อนและมักจะเงียบขรึม แต่เขาก็เป็นคนที่ดีกับฉันเสมอมา และเท่าที่ฉันรู้ ครั้งเดียวที่เขานอกใจภรรยาทั้ง 3 คนของเขาก็คือ ตอนที่เขาอยู่กับฉัน และบางที เขาอาจจะไม่คิดอะไรจริงจังขนาดนั้นด้วย เพราะว่าฉันเป็นคนตัวเตี้ย”
ที่มา: The Guardian, Daily Mail, Vulture, The Verge, People
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส