คอหนังรอมคอม น่าจะพอจำอีกหนึ่งพระนางคู่ขวัญของฮอลลีวูด ทอม แฮงส์ (Tom Hanks) และ เม็ก ไรอัน (Meg Ryan) ที่เคยจับคู่แสดงในหนังรอมคอมยอดฮิตยุค 90s ที่ประสบความสำเร็จทั้งคำชื่นชม และทำรายได้ทะลุ 200 ล้านเหรียญทั้ง 2 เรื่อง ทั้ง ‘Sleepless in Seattle’ (1993) และ ‘You ‘ve Got Mail’ (1998) ซึ่งก็ให้บังเอิญด้วยว่า ทั้งสองเรื่องนี้กำกับและเขียนบทโดย นอรา เอฟรอน (Nora Ephron) ผู้กำกับและนักเขียนบทภาพยนตร์หญิงสายหนังรอมคอมผู้ล่วงลับ
จริง ๆ แล้วทั้งแฮงส์และไรอัน เกือบจะได้มีผลงานรอมคอม 3 เรื่อง ที่เป็นผลงานการเขียนบทของเอฟรอนมาตั้งแต่ยุค 80s แล้วซึ่งนั่นก็คือ หนังรอมคอมคลาสสิก ‘When Harry Met Sally…’ หนังรอมคอมว่าด้วยมุมมองเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ที่ออกฉายในปี 1988 ซึ่งหนังเรื่องนี้มีไรอัน แสดงเป็น แซลลี อัลไบรต์ ส่วนบทบาทพระเอก แฮร์รี เบิร์น นั้นได้ บิลลี คริสตัล (Billy Crystal) นักแสดงตลกและพิธีกรงานประกาศรางวัลออสการ์ ที่แจ้งเกิดเขาให้รู้จักในฐานะดาราหนัง หลังจากที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย
ซึ่งคนที่เปิดเผยว่าแฮงส์เกือบจะได้รับบทเป็น แฮร์รี เบิร์น (และได้แสดงหนังรอมคอมกับไรอันครบ 3 เรื่อง) ก็คือ ริตา วิลสัน (Rita Wilson) อดีตนักร้องและนักแสดง และภรรยาคนปัจจุบันของแฮงส์ที่แต่งงานกันในปี 1988 และมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ เชต แฮงส์ (Chet Hanks) และ ทรูแมน แฮงส์ (Truman Hanks) นั่นเอง โดยล่าสุด วิลสันได้ไปพูดคุยในรายการพอดแคสต์ ‘Table for Two With Bruce Bozzi’ ของ iHeart Podcast
โดยเนื้อหาช่วงหนึ่งของรายการ วิลสันได้แอบเมาท์มอยถึงคุณสามีว่า แฮงส์ได้รับการเสนอให้รับบทเอกใน ‘When Harry Met Sally…’ แล้ว แต่เป็นคุณสามีที่ตัดสินใจปฏิเสธบทนี้ไปด้วยเหตุผลเพราะว่า แฮงส์เองไม่เข้าใจว่าทำไมในหนัง แฮร์รีถึงต้องรู้สึกซึมเศร้าหลังจากที่หย่าร้างมากขนาดนั้น
“หลายคนอาจจะไม่รู้เรื่องนี้นะคะ แต่ทอมเคยได้รับการเสนอบทในหนัง ‘When Harry Met Sally…’ ค่ะ และเขาก็ปฏิเสธบทนั้นไป เพราะเขาเองกำลังจะหย่า และเขาเองก็มีความสุขมากที่ไม่ได้แต่งงาน ดังนั้น เขาก็เลยไม่เข้าใจน่ะค่ะ ว่าคนที่เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้วจะมีความรู้สึกอะไรไปมากกว่า ‘ผมมีความสุขชิบเป๋งเลย’ แต่เขาเองก็ชอบบทหนังอยู่นะคะ”
ซึ่งเหตุการหย่าร้างของแฮงก์ที่วิลสันอ้างถึงก็คือ การหย่าร้างระหว่างแฮงส์กับภรรยาคนแรก ซาแมนธา ลูอิส (Samantha Lewes) นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน ที่แต่งงานกันในปี 1978 ตอนที่แฮงส์อายุ 21 ปี ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ โคลิน ลูอิส แฮงส์ (Colin Lewes Hanks) และ อลิซาเบธ แฮงส์ (Elizabeth Hanks) ก่อนจะหย่าร้างกันในปี 1987 ซึ่งเป็นปีที่กำลังถ่ายทำ ‘When Harry Met Sally…’ พอดิบพอดี
ซึ่งฟังจากที่วิลสันเล่าก็พอจะอนุมานได้ว่า แฮงส์เองก็น่าจะโล่งใจที่หย่าร้างกับอดีตภรรยาอยู่พอสมควร ก่อนที่แฮงส์จะคบหาและแต่งงานกับนักร้องและนักแสดง ริตา วิลสัน ในปีเดียวกันที่หนังเข้าฉาย และในเวลาต่อมา ลูอิสก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระดูกในปี 2002 ด้วยวัย 49 ปี
‘When Harry Met Sally…’ กำกับโดย ร็อบ ไรเนอร์ (Rob Reiner) เป็นหนังที่ว่าด้วยธีมง่าย ๆ แต่ซับซ้อนที่ว่า “ผู้ชายจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่เขารักได้หรือไม่ ? ” โดยเรื่องราวว่าด้วยเรื่องของหนุ่มสาว แฮร์รี และ แซลลี ที่ได้เจอกันในวันจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยชิคาโก ก่อนที่ทั้งคู่จะได้รู้จักกัน และความรู้จักนั้นก็พัฒนากลายเป็นทั้งเพื่อนและคนรัก ท่ามกลางมุมมอง จุดยืน และความคิดเห็นเกี่ยวกับมิตรภาพ ความรัก และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ขัดแย้งกัน
ไรเนอร์ได้เปิดเผยว่าธีมของหนังเรื่องนี้ อ้างอิงมาจากประสบการณ์ชีวิตและความรักของเขาที่เคยแต่งงานมา 10 ปี ก่อนจะหย่าร้าง และโสดเป็นเวลาอีก 10 ปี ซึ่งในระหว่างนั้นเขาเองก็มีความสัมพันธ์แบบรัก ๆ เลิก ๆ อยู่ตลอด เขาจึงเกิดคำถามขึ้นในหัวว่า “ผู้ชายจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่เขารักได้หรือไม่ ? ” ถ้าผู้ชายรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง จะสามารถเป็นเพื่อนกันโดยที่ไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้องได้ไหม ซึ่งเขาก็ได้นำธีมนี้ไปเล่าให้ผู้เขียนบทอย่างเอฟรอน ที่เคยหย่ากับสามีมาแล้ว 2 คน เธอจึงได้นำเอาชีวิตและความสัมพันธ์ของเธอเองในเวลานั้นมาอ้างอิงเป็นเรื่องราวในหนังด้วยเช่นกัน
อีกเกร็ดที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้ก็คือ แต่เดิมแล้ว ในตอนจบของหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เล่าแบบที่เห็นกันในหนัง แต่จะเป็นตอนจบแบบหม่น ๆ ด้วยเรื่องราวที่สุดท้าย ทั้งแฮร์รีและแซลลีก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน และไม่ได้สานความสัมพันธ์ในเชิงโรแมนติก เพราะไรเนอร์เองรู้สึกว่านึ่คือตอนจบจริง ๆ แบบเดียวกับชีวิตจริงที่เขาเคยเจอ แต่สุดท้ายในระหว่างกำกับ ไรเนอร์ได้พบรักกับช่างภาพ มิเชล ซิงเกอร์ (Michele Singer) ที่แต่งงานกันในปี 1989 และกลายมาเป็นภรรยาของไรเนอร์มาจนถึงปัจจุบัน การพบรักของเขาในครั้งนั้น ทำให้ไรเนอร์ตัดสินใจเปลี่ยนตอนจบของหนังให้ออกมา Happy Ending แบบที่ได้ดูกันในหนัง
และนอกจากแฮงส์แล้ว นักแสดงชายที่ไรเนอร์ได้พิจารณาเพื่อมารับบทเป็น แฮร์รี เบิร์น ก็มีอีกหลายคน ทั้ง ริชาร์ด เดรย์ฟัส (Richard Dreyfuss), อัลเบิร์ต บรูกส์ (Albert Brooks) และ ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) จนในที่สุดไรเนอร์ก็เลือกให้ บิลลี คริสตัล นักแสดงตลกที่เพิ่งผ่านผลงานแสดงภาพยนตร์นิดหน่อยมารับบทนี้ ซึ่งทั้งคริสตัลและไรเนอร์ก็เป็นเพื่อนสนิทที่เคยร่วมงานหนังกันมาบ้างแล้ว แต่ไรเนอร์เองก็เคยให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่า เพราะความเป็นเพื่อนนี่แหละที่อาจจะทำให้หนังออกมาแย่
“บิลลีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมในตอนนั้น ดังนั้น ผมจึงคิดว่าเขาจะทำได้ออกมาดี และผมก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสตูดิโอ เพราะผมนี่แหละคือสตูดิโอ เราออกทุนทำหนังกันเอง แต่ความกลัวของผมก็คือ เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมก็เลยกลัวว่า ถ้าคุณทำงานกับเพื่อนแล้วไม่ได้ผล มันจะเป็นการทำลายมิตรภาพไปเลยหรือเปล่า ดังนั้นผมจึงต้องแน่ใจว่าเขาเหมาะสม เพราะถ้าหากมันออกมาไม่เวิร์ก มันอาจทำให้เราอึดอัดจนมองหน้าไม่ติดได้ แต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามสิ่งนั้น และลุยกันเลย
“จากนั้นเราก็จัดการออดิชัน เม็กนั่งอ่านหนังสือกับบิลลี กลายเป็นว่าพวกเขาเคมีตรงกันมาก ผมเห็นแล้วก็คิดทันทีเลยว่าพวกเขายอดเยี่ยมมาก”
“มันออกมาดีกว่าทุกอย่างที่ผมจินตนาการไว้ เขาไม่เพียงแค่ยอดเยี่ยมในการรับบทนี้เท่านั้น แต่มันยังทำให้มิตรภาพระหว่างเราดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”
ที่มา: Entertainment Weekly, IndieWire, The Daily Beast, AV Club, Variety
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส