เรียกว่าเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ประจำฤดูกาลซัมเมอร์ที่สร้างกระแสเป็นที่พูดถึง กลายเป็นไวรัลว่อนโลกอินเทอร์เน็ตได้แบบไม่มีแผ่ว สำหรับหนังไลฟ์แอ็กชันจากของเล่นเด็กผู้หญิงสุดฮิตตลอดกาล ‘Barbie’ ที่กำกับโดยผู้กำกับหญิงคุณภาพ เกรตา เกอร์วิก (Greta Gwerwig) และมีนักแสดงคุณภาพอย่าง มาร์โกต์ ร็อบบี (Margot Robbie) ที่มารับบทเป็นตุ๊กตาบาร์บี้แห่งเมืองบาร์บี้แลนด์ สมทบด้วยนักแสดงดังทั้ง ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling), ซือมู่ หลิว (Simu Liu) , เอ็มมา แม็กคีย์ (Emma Mackey) ดูอา ลิปา (Dua Lipa) และอีกคับคั่ง
ซึ่งถ้าไล่เรียงความไวรัลใด ๆ ที่หนังเรื่องนี้ได้ปลุกกระแสความสนใจ แบบชนิดที่เรียกว่าบางทีก็แอบแย่งซีน แอบบดบังกระแส ‘Oppenheimer’ หนังผลงานการกำกับของเสด็จพ่อ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่เข้าฉายพร้อมกันในวันที่ 20 กรกฏาคมที่จะถึงนี้ไปได้ไม่น้อย ตั้งแต่คลิปตัวอย่างหนังที่ปั่นสุด ๆ โลกของบาร์บี้ที่ท่วมท้นไปด้วยสี Barbie Hot Pink แบบไม่ได้มาเล่น ๆ รวมทั้งการแสดงของนักแสดงมากฝีมือที่ต้องมาประชันกันในหนังตลกแฟนตาซีเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่ดูทั้งว้าว ทั้งขำ ทั้งแปลกตาน่าพูดถึงไม่น้อย
อีกไวรัลที่ถ้าคนไม่ใช่แฟนตุ๊กตาบาร์บี้ก็อาจจะเฉย ๆ แต่เป็นไวรัลที่แฟนคลับตุ๊กตาบาร์บี้หลายคนถึงกับกรี๊ด นั่นก็คือซีนที่จะได้เห็นเท้าของบาร์บี้ในขณะที่ถอดรองเท้าส้นเข็ม และก้าวเดินด้วยเท้าเปล่า แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ เราจะได้เห็นบาร์บี้ในขณะที่ยืนจิกด้วยปลายเท้าและนิ้วเท้า ส่วนฝ่าเท้าและส้นเท้ากลับเว้าโค้งตามรูปทรงของรองเท้าส้นสูงที่เพิ่งถอดแบบไม่มีส่วนไหนแตะพื้น ซึ่งเป็นเหมือน Easter Egg โยงไปถึงตุ๊กตาบาร์บี้ของจริงที่มักจะทำทรงเท้าให้มีความโค้ง เพื่อให้สามารถถอดเปลี่ยนรองเท้าส้นสูงได้แบบพอดิบพอดี ส่วนอีกซีนที่พูดถึงเท้าก็คือฉากที่บาร์บี้ชูเท้าขึ้นมา จนบาร์บี้ตัวอื่น ๆ ต่างตกใจในความ ‘เท้าแบน’ ไม่เว้าโค้ง ซึ่งในโลกของบาร์บี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดูผิดปกติ
แน่นอนว่านอกจากจะน่าทึ่ง (และรู้สึกเจ็บเท้าแทน) แล้ว ก็ยังแอบชวนให้นึกถึงตอนที่ร็อบบีโชว์เท้าของตัวเอง ทั้งแบบสวมรองเท้าใน ‘The Wolf of Wall Street’ (2013) และแบบไม่สวมรองเท้า พาดกับเบาะโรงหนังแบบเลอะ ๆ เซอร์ ๆ ใน ‘Once Upon a Time in Hollywood’ (2019) โดยล่าสุด ร็อบบีได้ไปร่วมให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Fandango ร่วมกับทีมนักแสดงสาวจากหนัง ‘Barbie’ ร่วมกับ อิซซา แร (Issa Rae), อเมริกา เฟอร์เรรา (America Ferrera) และ เคท แม็กคินนอน (Kate McKinnon) ซึ่งเรื่องหนึ่งที่ผู้สัมภาษณ์สงสัยก็คือ ท่ายากขนาดนี้เป็นฝีมือ (เท้า) ของใครกันแน่
ซึ่งคำตอบที่น่าทึ่งไม่น้อยก็คือ ร็อบบีเล่นฉากนั้นด้วยตัวเองแบบไม่พึ่งพามายาฮอลลีวูดใด ๆ ทั้งการใช้นักแสดงแทน นางแบบเท้ามืออาชีพ หรือแม้แต่การใช้วิชวลเอฟเฟกต์
“น่าจะแสดงไปราว ๆ 8 เทคค่ะ ไม่ได้เยอะแยะอะไร อันนั้นคือเท้าของฉันเอง ที่พื้นจะมีเศษเหนียว ๆ ติดอยู่ เป็นกาวสองหน้าสำหรับรองเท้าติดที่พื้นเพื่อให้รองเท้าอยู่นิ่ง ๆ แล้วฉันก็ต้องจับบาร์เอาไว้ แต่ว่าฉันก็ไม่ชอบที่ต้องนั่งบนอานหรืออะไรทำนองนั้น ตอนที่ฉันเดิน ฉันต้องจับบาร์ที่อยู่เหนือกล้องแล้วก็เดิน ตอนที่ก้าวเดินฉันเลยดูนิ่ง แล้วเช้าวันถ่าย ฉันเองก็ต้องทำเล็บเท้าด้วยค่ะ”
ซึ่งนักแสดงบทบาทบาร์บี้คนอื่น ๆ ก็พูดถึงซีนดังกล่าวด้วย เช่น แร ที่ได้ชมเท้าของร็อบบีในหนังว่า “ช่างเป็นความโค้งที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ นะ” ส่วนบาร์บี้อีกคนอย่างแม็กคินนอน ก็เอ่ยปากถามเธอว่า “เธอได้เป็นนักเต้นหรืออะไรแบบนี้ไหม ? ” ซึ่งร็อบบีตอบแต่เพียงสั้น ๆ ว่า “ฉันเคยเรียนเต้นบัลเลต์ตอนเด็ก ๆ ค่ะ”
“ฉันพยายามที่จะถ่ายทำฉากอินเสิร์ตด้วยตัวเองเสมอค่ะ ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่ดูหนังแล้วรู้สึกว่า นั่นไม่ใช่มือของฉัน ฉันเกลียดความรู้สึกนี้มาก ฉันเลยมักจะบอกกับผู้กำกับว่า ‘ได้โปรด ให้ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองเถอะ’ ฉันไม่ชอบความรู้สึกว่าฉันไม่ได้ทำมัน”
หลายคนอาจสงสัยว่า ในตัวอย่างที่เราจะได้เห็นเท้าของบาร์บี้ที่มีทั้งตอนที่โค้ง และตอนที่เท้าแบนจนถูกบาร์บี้คนอื่น ๆ ยี้ใส่นั้นสำคัญอย่างไรกับตัวหนังบ้าง อย่างที่ทราบกันดีว่า บาร์บี้ในหนังเรื่องนี้อาศัยอยู่ในเมืองบาร์บี้แลนด์ (Barbie Land) ดินแดนอุดมคติในฝันที่เต็มไปด้วยสีชมพู ราวกับว่าเป็นยูโทเปียที่เหล่าบาร์บี้ได้ใช้ชีวิตในแบบบาร์บี้ ซึ่งเท้าโค้งของบาร์บี้ ก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงอุดมคติ (ผมสีบลอนด์ รูปร่างเพรียวแขน มือ เท้าและขาเรียวสวย ฯลฯ) ความสมบูรณ์แบบ (เครื่องแต่งกายและรองเท้าที่สวมได้พอดีเสมอ) และโลกแห่งความฝันในแบบฉบับของบาร์บี้ได้อย่างชัดเจน
และการที่บาร์บี้เท้าเริ่มแบนติดพื้น จนไม่อาจจะสวมรองเท้าสวย ๆ แบบบาร์บี้ได้อีกต่อไป รวมทั้งการมีเซลลูไลต์ที่ต้นขา) (ซึ่งผิดไปจากประวัติศาสตร์ของบาร์บี้ที่เป็นภาพจำและอุดมคติของผู้หญิงและทุกคนเช่นกัน) จนกระทั่งเธอและเคน (แสดงโดย ไรอัน กอสลิง) ได้ออกผจญภัยในโลกจริง (Real World) ที่ขาดสีสันและแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทำให้บาร์บี้ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เข้ามาทำให้บาร์บี้เริ่มตระหนักถึงชีวิตที่เป็นอยู่ (Coming of Age) รวมถึงความเป็นจริงที่ทำให้โลกอุดมคติ โลกแห่งความฝัน และความเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงในแบบที่เธอเคยเป็นและเชื่อนั้นต้องสั่นคลอน (ซึ่งคงต้องรอดูกันอีกทีว่าหนังจะเล่าประเด็นนี้ได้ลึกและแหลมคมมากแค่ไหน)
หลายคนที่เห็นภาพแรกของตัวหนัง ‘Barbie’ ในช่วงแรก ๆ ที่มีการปล่อยภาพนิ่งและทีเซอร์ออกมา หลายคนอาจรู้สึกแปลก ๆ หรือไม่ก็ตลกขำขันไปกับหนังเรื่องนี้ แต่ร็อบบีเองประทับใจที่ Mattel ได้เลือกเธอมารับบทเป็นบาร์บี้ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ดูจะแหยง ๆ กับหนังเรื่องนี้ไม่น้อย เธอเคยเล่าในบทสัมภาษณ์ของ BAFTA ถึงปฏิกิริยาแรกของเธอที่มีต่อบทหนังเรื่องนี้ก็คือ “ครั้งแรกที่ฉันอ่านบท ‘Barbie’ ความรู้สึกของฉันก็คือ ‘โอ้… มันเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ นะ แต่ก็น่าเสียดายเหมือนกันที่น่าจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน พวกเขาคงไม่มีวันจะให้เราทำหนังเรื่องนี้แน่ ๆ ‘ …แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำค่ะ ” ร็อบบีกล่าว
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลเดียว เพราะร็อบบี ทั้งในฐานะนักแสดงและโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ ได้พยายามสอดแทรกเข้าไปก็คือความหลากหลาย ซึ่งจะว่าไปก็สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแมตเทล (Mattel) เจ้าของลิขสิทธิ์ของเล่นบาร์บี้ ที่ในยุคหลังเริ่มมีความพยายามสร้างความหลากหลายให้กับบาร์บี้ด้วยการคิดคาแรกเตอร์ใหม่ ๆ ออกมา เช่น บาร์บี้สาวข้ามเพศ ผู้พิการ ชนเผ่า ฯลฯ เธอและเกรอวิก ผู้กำกับ จึงพยายามที่จะสร้างความหลากหลายให้เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ด้วย ที่สื่อออกมาผ่านตัวละครบาร์บี้ที่มีความหลากหลายทั้งสีผิว รูปร่าง เชื้อชาติ
เธอถึงขั้นเปิดเผยกับนิตยสาร Time ว่า ถ้าในหนังไม่มีบาร์บี้ที่มาความหลากหลาย เธอเองก็พร้อมที่จะปฏิเสธบทนี้เช่นกัน “ถ้า (Mattel) ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลง (บท) ให้มีตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีความหลากหลาย ฉันเองก็ไม่คิดว่าอยากจะทำหนังบาร์บี้ ฉันไม่อยากให้ใครรู้สึกว่า นี่คือเวอร์ชันหนึ่งของสิ่งที่บาร์บี้เป็น และมัวแต่คิดว่านี่คือสิ่งที่ผู้หญิงทะเยอทะยานที่อยากจะเป็น อยากมีรูปร่าง หน้าตา การกระทำแบบนั้น”
อีกประเด็นที่น่าสนใจและหลายคนน่าจะแอบสงสัยในใจไม่น้อยก็คือ การเอาบาร์บี้มาแสดงโดยคนจริง ๆ จะถูกมองบาร์บี้จากของเล่นสำหรับเด็ก เปลี่ยนไปเป็นวัตถุทางเพศที่มีความเซ็กซี่หรือเปล่า ซึ่งร็อบบีได้ตอบคำถามนี้กับนิตยสาร Vogue แบบคม ๆ ว่า
“โอเค ฉันคิดว่า เธอเป็นตุ๊กตา เป็นตุ๊กตาพลาสติกแหละ เธอไม่ได้มีอวัยวะ และถ้าเธอไม่มีอวัยวะ ก็แปลว่าไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ แล้วถ้าเธอไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ เธอจะรู้สึกมีความต้องการทางเพศหรือเปล่า ? ไม่ ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะมีนะ เธอมีเพศสภาพก็จริง แต่เธอไม่ได้เซ็กซี่นะ ผู้คนแสดงออกเกี่ยวกับเพศกับเธอได้ ใช่ เราสามารถจับเธอใส่กระโปรงสั้นได้ เพราะว่ามันสีชมพูและสนุกสนาน ไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการให้คุณเห็นบั้นท้ายของเธอ”
ที่มา: Fandango, Variety, People, Time, Vogue, Looper
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส