ฉลามก็ถือเป็นสัตว์เจ้าประจำที่ถูกฮอลลีวูดหยิบเอามาสร้างเป็นหนังเขย่าขวัญนับไม่ถ้วน หลัง ๆ เราจึงได้เห็นหนังที่เกี่ยวกับฉลามออกมาอีกนับไม่ถ้วน มีครบทั้งฟอร์มใหญ่ฟอร์มเล็ก มีทั้งแนวโจมตีขย้ำเหยื่อแนวสยองขวัญ และในรูปแบบหนังพล็อตแหวกแปลกประหลาด ไม่ก็โม้แหลกเหมือนทำเอาฮา แบบชนิดที่ว่าไม่เกรงใจคมเขี้ยวและความดุร้ายของฉลามเสียบ้างเลย
และนี่คือ 10 หนังฉลามที่คัดสรรแล้วว่ามีครบทุกแนว มีทั้งแนวฉลามดุสุดคลาสสิก และหนังฉลามเกรดบีที่ดูแล้วอาจต้องร้องว่า อีหยังวะ…
‘Jaws’ (1975)
ผลงานแจ้งเกิดลำดับที่ 3 ของผู้กำกับดาวรุ่งวัย 28 ปีในเวลานั้นอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันในปี 1974 ที่เขียนโดย ปีเตอร์ เบนช์ลีย์ (Peter Benchley) เรื่องราวว่าด้วยเรื่องของเมืองสมมติที่มีนามว่า อะมิตี ที่มีชายหาดสวยงาม แต่แล้วก็มีฉลามยักษ์ที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวอย่างโหดเหี้ยม มาร์ติน โบรดี หัวหน้าตำรวจท้องถิ่นของเมืองอะมิตี, ควินน์ นักล่าฉลามมืออาชีพ และ แมตต์ ฮูเปอร์ นักนักชีววิทยาทางทะเลผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม จึงต้องออกเรือเพื่อตามล่าฉลามยักษ์ตัวนี้ ก่อนที่ชาวเมืองจะกลายเป็นเหยื่อของมันเป็นรายต่อไป
ด้วยเวทมนตร์และและวิสัยทัศน์ของสปีลเบิร์ก สามารถเนรมิตให้ฉลาม จากสัตว์นักล่า ให้กลายเป็นอสูรกายใต้ท้องทะเลที่น่ากลัว ด้วยจังหวะการเล่าเรื่อง การทุ่มเทถ่ายทำโดยใช้ฉลามที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิคแอนิเมทรอนิกส์ (Animatronics) ถ่ายทำในชายหาดและทะเลจริง ๆ รวมทั้งการตัดต่อ การใช้เสียง ที่แม้ฉลามจะโผล่ออกมาให้เห็นในหนังน้อยมาก แต่ก็เล่นเอาผู้ชมอกสั่นขวัญแขวนสุดๆ กลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ฤดูร้อนเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และเป็นต้นแบบให้กับบรรดาหนังฉลาม และหนังเขย่าขวัญแนวสัตว์สยองอีกนับไม่ถ้วน
‘Bait’ (2012)
เรื่องราวของจอช อดีตไลฟ์การ์ดหนุ่มที่กลายมาเป็นพนักงานซูเปอร์มาร์เกต วันหนึ่ง สึนามิขนาดยักษ์ก็เข้าโจมตีเมืองอย่างกะทันหัน ทำให้คนกลุ่มหนึ่งต้องติดอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกน้ำท่วม แต่เท่านั้นยังไม่พอ ภัยร้ายที่ไม่ได้รับเชิญอย่างฉลามขาวตัวใหญ่ที่ถูกน้ำพัดพาก็ตามขึ้นมาด้วย จอชและกลุ่มผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ จึงต้องเอาตัวรอดจากภัยสึนามิ และการเอาตัวรอดกับฉลามร้ายที่อาละวาดได้แม้ไม่ต้องลงไปใต้ทะเล
นี่คือหนังฉลามสามมิติทุนสร้างต่ำเพียง 20 ล้านเหรียญที่เป็นการร่วมทุนกันครั้งแรกระหว่างประเทศสิงคโปร์ และออสเตรเลีย ที่กำกับโดย คิมเบิล แรนเดิลล์ (Kimble Rendall) ซึ่งแม้การถ่ายทำทั้งการใช้ซีจี รวมทั้งบทและตัวละครที่ทำออกมาได้เกรดบีขายสามมิติแบบสุด ๆ แต่ภาพการไล่ฉลามที่ว่ายวนอยู่ในซูเปอร์มาร์เกต ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกตาและพล็อตก็ยังมีความน่าลุ้นแบบดูได้เพลิน ๆ
‘Sand Sharks’ (2011)
เรื่องราวของ จิมมี กรีน ลูกชายนายกเทศมนตรี ที่จัดปาร์ตี้ริมหาดทรายเพื่อดึงดูดวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว แต่แล้วภัยอันตรายก็บังเกิดขึ้น เมื่อมีฉลามทราย หรือฉลามดึกดำบรรพ์อายุนับล้านปีบุกเข้ามาจู่โจมกลางงานปาร์ตี้ ฉลามที่ว่านี้ไม่ธรรมดา เพราะมีความสามารถในการสะเทินน้ำสะเทินบก ว่ายน้ำก็ได้ มุดทรายขึ้นมาโจมตีคนก็ได้ แถมมีอยู่นับสิบตัวอีกต่างหาก จิมมี่จึงต้องรวมทีมเพื่อจัดการกับฉลามโบราณนี้ให้สิ้นซาก
‘Sand Sharks’ เป็นหนังแผ่นทุนต่ำสัญชาติอเมริกันที่ผลิตเพื่อลงใน DVD และด้วยความทุนต่ำแบบสุด ๆ แน่นอนว่าตัวหนังและงานโปรดักชันก็เลยออกมาเกรดบีสุด ๆ ทั้งงานสร้าง ซีจี การแสดงที่ไร้ความสมจริง รวมทั้งเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนจะจริงจัง แต่กลายเป็นหนังคัลต์ที่ดูแล้วฮาเฉย นอกจากนี้ยังได้ บรูก โฮแกน (Brooke Hogan) ลูกสาวของนักมวยปล้ำตำนาน ฮัลค์ โฮแกน (Hulk Hogan) มารับบทเป็นนางเอกอีกต่างหาก กลายเป็นอีกหนึ่งหนังฉลามที่มีความน่ากลัว ความเขย่าขวัญอาจเป็นรอง แต่เรื่องความคัลต์ ความเกรดบี ความบันเทิงแบบกาว ๆ ต้องยอมยกให้สิบคะแนนเต็ม
‘Deep Blue Sea’ (1999)
หนังฉลามจากยุค 90s ที่เล่าถึง ดอกเตอร์ ซูซาน แมคอะเลสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทดลองเพื่อหาแนวทางในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ด้วยการดัดแปลง DNA จากเนื้อเยื่อสมองของฉลาม โดยมี รัสเซล แฟรงคลิน นำแสดงโดย แซมมวล แอล แจ็กสัน (Samuel L. Jackson) เข้ามาร่วมตรวจสอบ แต่แล้วความผิดพลาดก็เกิดขึ้น เมื่อการทดลองทำให้สมองของฉลามมีขนาดเพิ่มขึ้น ซ้ำร้าย เมื่อศูนย์ทดลองกลางทะเลถล่ม ก็ทำให้มนุษย์ทั้งหมดกลายเป็นเหยื่อของฉลามดัดแปลงพันธุกรรม 3 ตัวที่ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ดุร้ายที่มีทั้งความว่องไว และกำลังต้องการหนีออกจากห้องทดลองเพื่อปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ
หนังฉลามสไตล์แปลกใหม่ ที่มาในรูปแบบของหนังแอ็กชันไซไฟ ผลงานการกำกับโดย เรนนี ฮาร์ลิน (Renny Harlin) ผู้กำกับ ‘Die Hard 2’ (1990) และ ‘Cliffhanger’ (1993) ที่ไม่ใช่แค่วางพล็อตเรื่องให้ฉลามแค่ดุร้ายตามสัญชาตญาณ แต่ยังสร้างเงื่อนไขให้ฉลามมีความฉลาดในการใช้สมองเพื่อคิดหาทางไล่ล่าและป้องกันตัวเอง พร้อมกับการวางเงื่อนไขเนื้อเรื่องให้ลุ้นได้ในทุก ๆ ฉาก กลายเป็นอีกหนึ่งหนังฉลามที่มีพล็อตแปลกใหม่ ทำรายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกได้มากถึง 165 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังฉลามขึ้นหิ้งที่มีการสร้างภาคต่อออกมาอีก 2 ภาค ที่ฉายในปี 2018 และ 2020
‘The Shallows’ (2016)
หนังแนวทริลเลอร์เอาตัวรอดในที่จำกัด เรื่องราวของ แนนซี อดัมส์ รับบทโดย เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) นักศึกษาแพทย์ที่มีปมเกี่ยวกับแม่ผู้จากไป เธอจึงนัดเพื่อนเพื่อไปเที่ยวทะเลที่ชายหาดแห่งหนึ่งในเม็กซิโก แต่กลายเป็นว่าเพื่อนกลับเบี้ยวไม่มาตามนัด เธอจึงต้องลงเล่นเซิร์ฟแต่เพียงลำพัง
โดยที่เธอเองไม่ทันรู้ตัวว่า ชายหาดแห่งนี้เป็นที่อยู่ของฉลามที่หลุดเข้ามาในฝั่งน้ำตื้น เธอถูกมันทำร้ายจนต้องหนีเอาตัวรอดบนเกาะเล็ก ๆ แถมฉลามก็ยังว่ายดักรอเธอ แนนซี่จึงต้องคิดหาวิธีจากอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อเอาตัวรอดกลับไปยังฝั่งให้ได้
ตัวหนังกำกับโดย โจเม โคลเลต์-เซอร์ร่า (Jaume Collet-Serra) ผู้กำกับหนังดังหลากแนว อาทิ ‘House of Wax’ (2005), ‘Orphan’ (2009) และ ‘Black Adam’ (2022) ที่สามารถนำเอาแนวหนังฉลาม มาผสมกับพล็อตแนวเอาตัวรอดตามลำพังในพื้นที่จำกัด ที่ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องความน่ากลัวของฉลามจนรู้สึกเขย่าขวัญเท่านั้น แต่ยังตามติดชีวิตของแนนซี รวมถึงปมความหลังฝังใจที่ทำให้เธอตัดสินใจสู้ด้วยการคิดหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อเอาตัวรอดจากฉลามไปให้ได้ กลายเป็นหนังฉลามที่มีทั้งแอ็กชันสุดตื่นเต้นทุกครั้งที่เธอต้องลงไปในน้ำ
‘Open Water’ (2003)
เรื่องราวสุดระทึกของ แดเนียล และซูซาน คู่รักที่ออกเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนในทะเลแคริบเบียน เพื่อหวังจะฟื้นความสัมพันธ์ แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังดำน้ำ พวกเขาได้พลัดหลงกับเรือและนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ จนต้องลอยคอโดดเดี่ยวกลางทะเล ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 20 กิโลเมตร ที่ไม่มีทั้งอาหาร น้ำดื่ม แถมยังต้องเจออุปสรรคใต้ท้องทะเล แต่นั่นไม่ใช่แค่อุปสรรคเดียว เพราะทั้งคู่ยังต้องเผชิญกับฝูงฉลามที่กำลังจ้องจะโจมตีทั้งคู่อย่างบ้าคลั่ง
‘Open Water’ ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของคู่รัก โธมัส โลเนอร์แกน (Eileen Lonergan) และ แอลลีน โลเนอร์แกน (Eileen Lonergan) สองสามีภรรยาชาวอเมริกัน ที่ร่วมเดินทางในทริปดำน้ำ ณ จุดชมปะการัง เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) ประเทศออสเตรเลียในปี 1998 ก่อนที่ทั้งคู่จะหายตัวไปอย่างลึกลับในระหว่างดำน้ำ
ตัวหนังไม่ได้เน้นแอ็กชันเหมือนหนังฉลามเรื่องอื่น ๆ แต่เน้นไปที่จิตวิทยาของการเอาตัวรอดในสภาวะกดดันได้อย่างสมจริง นอกจากนี้ยังเป็นหนังที่กล้าเสี่ยงด้วยการใช้ฉลามจริง ๆ ในการถ่ายทำ โดยนักแสดงจะอยู่ในกรงเหล็ก และมีผู้เชี่ยวชาญคอยควบคุมใกล้ชิด ตัวหนังใช้ทุนสร้างเพียง 500,000 เหรียญ แต่สามารถทำรายได้ตอนฉายสูงถึง 55.5 ล้านเหรียญ
‘Shark Night’ (2011)
เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัย 7 คนที่ได้ไปพักร้อนที่บ้านพักกลางทะเลสาบในหลุยเซียนา แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญกับฉลามที่บุกเข้ามาทำร้ายทั้งที่เป็นทะเลสาบน้ำจืด แต่ในขณะที่พาผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ฉลามก็ตามมาจู่โจมจนเรือล่ม จากทริปพักร้อนที่สนุกสนาน กลายเป็นทริปสุดสยองที่ทั้งตึงเครียดและไม่น่าไว้วางใจจนต้องเอาตัวรอดไปจากที่นั่นให้ได้ก่อนที่จะโดนฉลามกิน โดยหารู้ไม่ว่า ความน่ากลัวที่สุดของพวกเขานั้นกลับไม่ใช่ฉลาม แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวและโหดเหี้ยมยิ่งกว่านั้น
‘Shark Night’ เป็นหนังที่ผสมผสานแนวเอาตัวรอดจากฉลาม และหนังแนวสแลชเชอร์ หรือหนังแนวสยองขวัญกลุ่มวัยรุ่น สไตล์เดียวกับแฟรนไชส์ ‘Scream’ (1996) และ ‘I Know What You Did Last Summer’ (1997) ที่มีจุดขายทั้งฉลาม สาวในชุดบิกินี่ และความลึกลับของเหตุการณ์พลิกล็อกที่ชวนช็อกยิ่งกว่าฉลาม ตัวหนังกำกับโดย เดวิด อาร์ เอลลิส (David R. Ellis) ผู้กำกับร่วมจาก ‘Final Destination’ (2000) ที่แม้ว่าพล็อตจะเป็นหนังเกรดบีที่เดาทางได้ไม่ยากและบทมีปัญหาบ้าง แต่ยังเป็นการหยิบเอาหนังฉลามมาผสมกับหนังไล่เชือดได้ออกมาแปลกใหม่สำหรับคอหนังฉลามและคอหนังเชือดอยู่ไม่น้อย
‘47 Meters Down’ (2017)
เรื่องราวของเคท และ ลิซา สองพี่น้องที่มีนิสัยใจคอต่างกัน แถมพี่สาวอย่างลิซ่าก็เพิ่งมีปัญหาความรักมาหมาด ๆ ลิซ่าจึงใช้โอกาสที่เคทน้องสาว ชวนไปเที่ยวที่ชายทะเลเม็กซิโกเพื่อหวังจะพักใจ ในระหว่างท่องเที่ยว เคทได้ชวนลิซ่าไปดำน้ำดูฉลามผ่านกรง แต่กลับโชคร้าย เมื่อสลิงที่โยงกรงเข้ากับเรือขาดผึง ทำให้ทั้งคู่ต้องดำดิ่งลงไปที่ใต้ทะเลความลึก 47 เมตร ทั้งยังถูกขังอยู่ในกรง พร้อมออกซิเจนที่ใกล้จะหมด ขาดการติดต่อกับคนบนเรือ แถมยังต้องเจอกับฉลามที่กำลังว่ายวนรอบ ๆ ตัวพวกเธออีก
ผลงานการกำกับของ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ (Johannes Roberts) ผู้กำกับจาก ‘Resident Evil: Welcome to Raccoon City’ (2021) ที่แม้จะไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องซับซ้อน แต่เน้นการเอาตัวรอดในสถานการณ์กดดันและบรรยากาศใต้น้ำชวนอึดอัด ตัวหนังทำรายได้ดีพอสมควรจนมีการสร้างภาตต่อออกมาในชื่อ ‘47 Meters Down: Uncaged’ (2019) ที่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นการติดอยู่ในถ้ำใต้ทะเลแทน
‘Sharknado’ (2013)
เรื่องราวสุดเพี้ยนของเมืองลอสแองเจลิส ที่โดนพายุเฮอริเคนพัดถล่มจนน้ำท่วมเมือง น้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่ง แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะมันยังพัดพาเอาฉลามจากทะเลขึ้นมานับพัน ๆ ตัวด้วย ฉลามที่ปลิวมาตามแรงพายุ บุกเข้าโจมตีชาวเมือง ฟินลีย์ เชปเพิร์ด เจ้าของบาร์และอดีตนักโต้คลื่น จึงต้องออกเดินทางกับเพื่อน ๆ เพื่อตามหาและช่วยเหลืออดีตภรรยาและลูกสาววัยรุ่น รวมทั้งชาวเมือง และต้องทำการระเบิดพายุ ก่อนที่ทอร์นาโดฉลามบุกเข้าโจมตีทุกคนที่ขวางทางมัน
หนังฉลามพล็อตแหวกที่ผลิตโดย ดิ อะไซลัม (The Asylum) ค่ายหนังอินดี้ที่ชอบผลิตหนังสั้นล้อเลียนหนังฮอลลีวูด และยังเป็นออริจินัลคอนเทนต์ของสถานีโทรทัศน์ ไซไฟ (Syfy) ด้วยทุนสร้างและงานโปรดักชันหนังเกรดบีต่ำเตี้ยเรี่ยดิน พร้อมทั้งงานแสดงที่มาแบบเล่นใหญ่ แถมยังเอา Pop Culture มาล้อไม่มียั้ง หนังเรื่องนี้มีการสร้างออกมาแล้วถึง 6 ภาค
โดยภาคสุดท้ายนี้ไปไกลถึงขั้นมีพล็อตที่จะให้ฟินลีย์ย้อนเวลากลับไปหยุดทอร์นาโดฉลามที่ถล่มในภาคแรกด้วย ทางเดียวที่จะดูหนังเรื่องนี้อย่างบันเทิงที่สุด ก็คือการหาเวลานั่งดูแบบปล่อยจอย ปล่อยใจ ปล่อยตรรกะทุกอย่างในโลกทิ้งไปให้หมดสิ้น
‘The Meg’ (2018)
หนังโคตรฉลามยักษ์ ว่าด้วยเรื่องของ มหาเศรษฐี แจ็ก มอริส ได้ตัดสินใจสร้างหน่วยวิจัยโลกทะเลลึกที่มีชื่อว่า มานา วัน (Mana One) วันหนึ่ง เรือดำน้ำกลับโดนโจมตีจากฝีมือของเม็กกาโลดอน ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ที่มีขนาดลำตัวยาวกว่า 21 เมตร น้ำหนัก 40 ตัน ที่เชื่อกันว่าน่าจะสูญพันธ์มาแล้วกว่า 200 ล้านปี
ทำให้นักวิทยาศาสตร์ 3 คนต้องติดอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ดร.จางซูหยิน นักสมุทรศาสตร์ ของ Mana One จึงต้องตาม โจนาส เทย์เลอร์ อดีตนาวิกโยธินเรือดำน้ำฝีมือดี ที่เคยมีอดีตฝังใจเมื่อ 5 ปีก่อนจนต้องวางมือและย้ายไปอยู่ประเทศไทย กลับมาช่วยชีวิตลูกเรือ ในขณะที่เม็กกาโลดอนก็กำลังจะกลับขึ้นสู่มหาสมุทรเบื้องบนอีกครั้ง
‘The Meg’ ดัดแปลงจากนิยาย ‘Meg: A Novel of Deep Terror’ ของ สตีฟ อัลเทน (Steve Alten) เป็นหนังฉลามฟอร์มยักษ์ทุนสร้าง สหรัฐอเมริกา-จีน ด้วยทุนสร้างมหาศาลกว่า 150 ล้านเหรียญ ตัวหนังได้รับคำวิจารณ์ในแง่ของเนื้อเรื่องที่มีครบทั้งความโม้และความบันเทิง และในปีนี้ เม็กกาโลดอน กลับมาขย้ำอีกครั้งใน ‘The Meg 2 : The Trench’ ที่ เจสัน สเตแธม (Jason Statham) ผู้รับบท โจนาส เทย์เลอร์ จะกลับมาเผชิญกับเม็กกาโลดอนที่กลับมาแบบโหดและอันตรายยิ่งกว่าเดิม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส