หลังจากสร้างชื่อเสียงในฐานะนักแสดงนำและมือเขียนบทรางวัลออสการ์จาก ‘Good Will Hunting’, ‘Armageddon’, ‘The Sum of All Fears’ และ ‘Daredevil’ เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) ก็ลองฝีมือกำกับหนังครั้งแรกกับ ‘Gone Baby Gone’ ปี 2007 หนังระทึกขวัญที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และเสียงวิจารณ์ ในปี 2010 แอฟเฟล็กจึงสานต่องานกำกับของเขาอีกครั้งกับ ‘The Town’ และตามมาด้วย ‘Argo’ ในปี 2012 ที่สามารถคว้ารางวัลใหญ่ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” จากเวทีออสการ์มาได้สำเร็จ แต่ยอดฝีมือก็ย่อมมีพลาดพลั้งกันบ้าง ‘Live By Night’ ปี 2016 ที่ล้มเหลวทั้งด้านรายได้และเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ ทำให้แอฟเฟล็กเว้นว่างจากงานกำกับไปยาวนาน จนกระทั่งเขากลับมาอีกครั้งกับ ‘Air’ ปี 2023 นี้เอง ที่ทำให้เขากลับมาได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์อีกครั้ง ด้วยคะแนนจาก Rotten Tomatoes ที่สูงถึง 93%
แม้ว่า ‘Argo’ จะเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแอฟเฟล็ก ที่คว้ารางวัลใหญ่บนเวทีออสการ์มาได้ แต่กระนั้น ‘The Town’ ก็เป็นอีกเรื่องที่ยังคงถูกกล่าวถึงในทางที่ดีในทุกวันนี้ ‘The Town’ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังตื่นเต้นระทึกขวัญแต่ยังอัดแน่นไปด้วยนักแสดงมากฝีมือที่มอบผลงานการแสดงไว้อย่างน่าจดจำ หนังถ่ายทอดบรรยากาศของบอสตันได้ดีกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่ใช้เมืองนี้เป็นฉากหลัง แม้กระทั่ง เคน วินเซนต์ ดายเออร์ (Cain Vincent Dyer) โจรปล้นธนาคารตัวจริง ที่ให้สัมภาษณ์กับ Insider ก็ยังกล่าวชื่นชมว่าฉากปล้นธนาคารในหนังเรื่องนี้สามารถถ่ายทอดความตึงเครียดได้สมจริง ตรงตามวิธีการที่พวกโจรอย่างเขาทำกันจริง ๆ
‘The Town’ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ เบน แอฟเฟล็ก กำกับและเขียนบทร่วม หนังเล่าเรื่องของกลุ่มโจรปล้นธนาคาร ที่จับผู้ช่วยผู้จัดการหญิงมาเป็นตัวประกัน แล้วเรื่องกลับยุ่งเหยิงขึ้น เมื่อสมาชิกรายหนึ่งในแก๊งเกิดไปตกหลุมรักตัวประกันรายนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงที่กลุ่มกำลังวางแผนปล้นครั้งใหญ่ที่แฟนเวย์พาร์ก ในบอสตัน หนังนำแสดงโดย เบลค ไลฟ์ลี, เจรเมี เรนเนอร์, รีเบ็กกา ฮอลล์, จอน แฮมม์ และ คริส คูเปอร์ หนังทำรายได้ไป 154 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียงแค่ 37 ล้านเหรียญ ได้รับคะแนนจาก Rotten Tomatoes ไป 92%
ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากเหล่านักแสดงมากประสบการณ์ จึงทำให้ฉากปล้นในหนังออกมาสมจริงและน่าตื่นเต้น ด้วยความสมจริงของ ‘The Town’ นี้แหละ ที่ทำให้อดีตโจรปล้นธนาคารอย่าง เคน วินเซนต์ ดายเออร์ ถึงกับเอ่ยปากชื่นชมว่า “ถ่ายทอดออกมาได้ตรงประเด็นอย่างยิ่ง” โดยเฉพาะรายละเอียดในการปล้น ดายเออร์เอ่ยต่อว่า หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอให้เห็นกลอุบายต่าง ๆ ที่โจรปล้นธนาคารตัวจริงใช้กัน อย่างเช่นดักฟังวิทยุตำรวจ และการเปลี่ยนรถหลังก่อเหตุปล้น
“มันตรงประเด็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปล้นรถบรรทุกนี่ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานเลยล่ะ ผมคิดว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีปล้นกันไปครั้งนึงมั้งในลอสแองเจลิส พวกเขาบอกว่าได้เงินไป 30,000 เหรียญ ผมว่าถ้าผ่านขั้นตอนการตรวจสอบแล้ว อาจจะเหลือแค่ 15,000 เหรียญแค่นั้นแหละ ซึ่งผมมองว่าได้ไปน้อยมาก สำหรับการบุกโจมตีรถหุ้มเกราะขนเงินกันแบบนั้น เพราะว่า นั่นคือรถขนเงินไปส่งธนาคารเลยนะ ซึ่งพูดได้เลยว่า การทำแบบนี้เท่ากับคุณเสี่ยงขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า เพราะต้องจำไว้อย่างหนึ่งนะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่กับรถขนเงินเหล่านี้ เขาถูกฝึกมาให้ยิงตอบโต้และปกป้องเงินอย่างที่สุด มันต่างกันมากกับการปล้นธนาคาร เพราะธนาคารทั่วไปเขาจะปล่อยให้คุณเอาเงินไปเพื่อให้คุณออกจากที่นั่นไปพ้น ๆ “
“ผมก็ดักฟังวิทยุตำรวจเหมือนกันนะตอนที่ปล้นหลาย ๆ ครั้ง มันทำให้ผมรู้การเคลื่อนไหวของตำรวจในพื้นที่ รู้เลยว่าเขาจะมากันตอนไหน รู้ด้วยว่าเราเหลือเวลาอยู่ในธนาคารแค่ไหน ใช่ครับ นี่มันคือสิ่งที่พวกเราชาวแก๊งจำเป็นต้องมีกัน ในหนังเรื่องนี้ ผมยังเห็นเขาเปลี่ยนรถหลังจากปล้นกันด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องพื้นฐานอย่างมาก รถทุกคันที่ใช้ในการปล้น ล้วนแต่เป็นรถที่ถูกขโมยมาทั้งสิ้น แทนที่เราจะขโมยรถสะเปะสะปะ เราจะมองหารถที่ยี่ห้อและรุ่นตรงกับรถที่เรามีอยู่แล้ว แล้วเราก็จะขโมยป้ายทะเบียนจากรถที่เหมือนกัน ซึ่งพวกผมในทีมมักจะทำกันแบบนี้ ฉะนั้นผมต้องยกให้ ‘The Town’ได้ไป 10 คะแนนเต็ม”
ที่มา : screenrant