สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม หลังเจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานการรายงานตัวเลขรายได้ Box Office ภาพยนตร์เกาหลีใต้กว่า 323 เรื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลขที่สูงเกินจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำส่งรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง 69 คน และรายชื่อบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของเกาหลีใต้ 24 แห่งไปยังพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการสั่งฟ้องคดีอาญาในขั้นตอนต่อไป
นับตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ปราบปรามคอรัปชันของเกาหลีใต้ ได้ดำเนินการตรวจสอบคดีดังกล่าว โดยได้ดำเนินการสืบสวนปากคำจากผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์เครือยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ 3 แห่ง ได้แก่ ซีเจ-ซีจีวี (CJ-CGV), เมกะบ็อกซ์ (Megabox) และ ลอตเต ซีนีมา (Lotte Cinema) และยังได้ดำเนินการสอบปากคำบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์เกาหลีใต้ชื่อดังทั้ง โชว์บ็อกซ์ (Showbox), ลอตเต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Lotte Entertainment) และ คิดารี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Kidari Entertainment) ไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้ได้รายงานว่า จากการสืบสวนการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เกาหลีใต้ 462 รายการ และสอบสวนผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ 98 ราย เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานที่พบว่า ผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ ได้ทำการใส่ข้อมูลตัวเลขจำนวนยอดขายบัตรชมภาพยนตร์เข้าไปในระบบฐานข้อมูล Box Office ของเกาหลีใต้ (KOBIS – Korean Box Office Information System) ของสภาภาพยนตร์แห่งเกาหลีใต้ (KOFIC – Korean Film Council) เพื่อทำการรวบรวม วิเคราะห์ เผยแพร่ข้อมูล Box Office ของเกาหลีใต้ รวมทั้งคำนวณภาษีจากรายได้การขายบัตร 3% เพื่อเข้ายังกองทุนพัฒนาภาพยนตร์
โดยผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ใส่ข้อมูลตัวเลขยอดขายบัตรที่เกินกว่าความเป็นจริงมาอย่างยาวนานกว่า 5 ปี ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2018 จนถึงช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2023 โดยผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ได้รายงานข้อมูลเท็จว่า บัตรชมภาพยนตร์ในบางรอบขายดีจนเต็มโรง เพื่อเป็นการปั่นหรือกระตุ้นให้เกิดกระแสหนังดีต่อภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ จนทำให้มียอดผู้ชมสูงเกินจริงเป็นจำนวนมากถึง 2.67 ล้านคน
ในบรรดาภาพยนตร์ที่มีการรายงานตัวเลขรายได้สูงเกินจริง ได้แก่ ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง ‘The Red Herring’ ที่ฉายในปี 2022 เรื่องราวเกี่ยวกับ โช กุก (Cho Kuk) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ รวมทั้งภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์ ‘Emergency Declaration’ (2022) นำแสดงโดยนักแสดงดังของเกาหลีใต้ ทั้ง ซงคังโฮ (Song Kang-ho), จอนโดยอน (Jeon Do-yeon) และ ลีบยองฮุน (Lee Byung-hun) ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสในปี 2021 ก่อนจะเข้าฉายในเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม ปี 2022 โดยมีบริษัท Showbox เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งมีรายงานบนเว็บไซต์ KOBIS ว่า สามารถทำสถิติขายบัตรได้ 2.06 ล้านใบ และทำรายได้รวม 15.7 ล้านเหรียญ
การบิดเบือน ตบแต่งรายได้ Box Office ให้สูงเกินกว่าความเป็นจริง มีจุดประสงค์เพื่อให้ภาพยนตร์แต่ละเรื่องดูประสบความสำเร็จเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งในระยะสั้น ตัวเลขรายได้ที่ดี มีส่วนช่วยให้ผู้ชมตัดสินใจไปดูหนังมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ผู้จัดจำหน่ายมีโอกาสได้จำนวนโรงฉายเพิ่มขึ้นด้วย
ทำให้การรายงานรายได้ปลอม ๆ สามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จในเชิงรายได้ของหนังเรื่องนั้น ๆ ได้จริง และในระยะยาว ตัวเลขรายได้ที่มากเกินจริง ก็ยังมีผลทำให้ผู้จัดจำหน่ายสามารถปรับขึ้นราคาลิขสิทธิ์ผลงานสำหรับฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิง และในตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศ
การบิดเบือนตัวเลขยอดรายได้ Box Office เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเกาหลีใต้กำลังประสบปัญหาจากโรคระบาด ที่ทำให้ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในโรงภาพยนตร์ ทำให้โรงภาพยนตร์ 3 รายใหญ่ต่างประสบปัญหาขาดทุนในช่วงปี 2020-2021 โดยในปี 2020 โรงภาพยนตร์ CJ-CGV ขาดทุนถึงกว่า 180 ล้านเหรียญ จนต้องใช้กลยุทธ์ในการลดต้นทุนและขึ้นราคาบัตร ในขณะที่อีกหลายโรงภาพยนตร์ต้องปิดทำการถาวร และบางโรงถูกดัดแปลงเพื่อใช้งานในรูปแบบอื่น ๆ แทน
ที่ผ่านมา KOFIC ได้ออกมาตรการในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลีใต้ ในช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในทุกด้าน ทั้งการสนับสนุนทุนสร้างภาพยนตร์จากภาครัฐ ทุนสนับสนุนในการฝีกอบรมทักษะให้แก่คนในวงการภาพยนตร์ รวมทั้งยังได้กระตุ้นให้ผู้ชมกลับมาชมภาพยนตร์ในโรงหนังด้วยการมอบคูปองส่วนลดสำหรับซื้อบัตรชมภาพยนตร์ มูลค่าใบละ 6,000 วอน (4.71 เหรียญ) ให้แก่ประชาชนเกาหลีใต้กว่า 1.3 ล้านใบ
ที่มา: Variety, Variety (2)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส