แม้ ‘The Flash’ ผลงานกำกับของ แอนดี มุสชิเอตติ (Andy Muschietti) จะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรของ DC ที่ทำรายได้ไม่เข้าเป้า แต่สิ่งที่แฟน ๆ DC หลายคนต่างชื่นชอบก็คือ บรรดาแฟนเซอร์วิสที่หนังเรื่องนี้ใส่เอาไว้แบบจัดหนักจัดเต็ม โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ Cameo นักแสดงหนังซูเปอร์ฮีโรของ DC ในอดีต ตั้งแต่แบทแมน หรือ บรูซ เวย์น ที่ขนมาทั้ง ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) แบทแมนฉบับ 90s, เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) แบทแมน Snyderverse รวมทั้ง จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) อัศวินรัตติกาลเวอร์ชัน ‘Batman Forever’ (1995)
แต่ในบรรดา Cameo ที่โดดเด่นและเป็นที่พูดถึงมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นการปรากฏตัวของ Superman จากหลากหลายยุค ทั้งเวอร์ชันตำนานที่แสดงโดย คริสโตเฟอร์ รีฟส์ (Christopher Reeves) รวมถึงเวอร์ชันที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงอย่าง ‘Superman Lives’ หนังบุรุษเหล็กเวอร์ชันของผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) ที่ได้ นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) มาสวมบทเป็นซูเปอร์แมน ที่แม้จะดูเป็นซีจีงานหยาบ แต่งานนี้เจ้าตัวมาร่วมแสดงด้วยจริง ๆ
ล่าสุด ผู้กำกับมากฝีมืออย่างเบอร์ตัน ได้ให้สัมภาษณ์กับสถาบันภาพยนตร์แห่งอังกฤษ (British Film Institute – BFI) ที่ได้เปิดเผยเรื่องราวจากประสบการณ์การทำงานในวงการภาพยนตร์มานานกว่า 40 ปี รวมทั้งยังได้เปิดเผยความรู้สึกของเขาต่อซูเปอร์แมน เวอร์ชัน นิก เคจ ที่ DC ได้ปลุกชีพและกลับมาโผล่เป็น Cameo ของหนัง ซึ่งเบอร์ตันในฐานะผู้ (เกือบ) ให้กำเนิด ได้เล่าความรู้สึกถึงโปรเจกต์นี้ในวันที่เหลือแต่เพียงชื่อและตำนานเล่าขาน
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่เคยเสียใจเลย ผมพูดแบบนี้แล้วกัน คือเมื่อคุณได้ทำโปรเจกต์หนึ่งเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น แน่นอนแหละว่ามันย่อมจะส่งผลต่อตัวคุณไปตลอดชีวิต เพราะคุณจะมีความหลงใหลในสิ่งต่าง ๆ แต่ละสิ่งละอย่างมันคือการเดินทางที่ไม่มีใครเคยรู้จัก ไม่เคยมีใครได้ไปถึงจุดนั้น แต่มันก็ยังคงเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่จะติดตัว และไม่มีวันจะลืมได้ลง”
หลังจากความสำเร็จจากหนังจักรวาล Batman ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 Warner Bros. Pictures จึงหวังต่อยอดความสำเร็จนี้ด้วยการหยิบซูเปอร์แมนมาพัฒนาต่อในชื่อ ‘Superman Lives’ โดยได้เบอร์ตัน ที่เคยสร้างความสำเร็จลือลั่นไว้ใน ‘Batman’ (1989) และ ‘Batman Returns’ (1992) มากำกับ และได้ นิโคลัส เคจ ดาราดาวรุ่งที่ได้เซ็นสัญญารับค่าตัวสูงถึง 20 ล้านเหรียญมารับบทเป็นซูเปอร์แมน แม้สุดท้ายจะมีการเตรียมงานด้าน Pre-Production นานถึง 2 ปี แต่สุดท้ายการถ่ายทำก็ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเหตุผลด้านงบประมาณ และการแก้ไขบท จนในที่สุดโปรเจกต์นี้ก็ต้องถูกพับในปี 1998
เบอร์ตันไม่ใช่เพียงแค่ไม่ชอบใจที่สตูดิโอดึงเอา Cameo จากโปรเจกต์ของเขามาใช้โดยพละการ แต่เขายังเปรียบเทียบสถานการณ์นี้เข้ากับกระแสการใช้ AI ในวงการบันเทิง โดยเฉพาะการสร้างตัวละครที่อ้างอิงมาจากผลงานในอดีต ซึ่งเขามองว่าไม่ต่างอะไรจากการยักยอก
“นอกจากนี้มันก็ยังเกี่ยวข้องกับ AI ด้วย และนี่คือสาเหตุที่ผมคิดว่าผมคงต้องปิดจบเรื่องนี้กับสตูดิโอเสียที เพราะพวกเขาจะยึดเอาสิ่งที่คุณเคยทำ ไม่ว่าจะแบทแมนหรืออะไรก็ตามแต่ และยักยอกเอาวัฒนธรรมเหล่านั้น หรืออะไรก็ตามที่คุณอยากจะเรียกไปใช้ คือแม้ว่าคุณจะตกเป็นทาสของ Disney หรือ Warner Bros. แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ ดังนั้น ในช่วงบั้นปลายชีวิตของผม ผมจึงต่อต้านเรื่องเหล่านี้แบบเงียบ ๆ “
เบอร์ตันเคยให้สัมภาษณ์วิพากษ์วิจารณ์ Disney ที่เคยใช้ AI สร้างตัวละครในสไตล์ของเขาเอง กับเว็บไซต์ The Independent ว่า “ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้กับคุณยังไงเหมือนกัน มันทำให้ผมนึกถึงสมัยก่อนที่บางวัฒนธรรมมักจะบอกว่า ‘อย่าถ่ายรูปฉันนะ เพราะเดี๋ยววิญญาณหลุดจากร่าง’
“มันกำลังทำอะไรบางอย่างกับคุณ มันพรากบางสิ่งบางอย่างไปจากจิตวิญญาณและจิตใจของคุณ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจผมอย่างมาก มันไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่โดนยึดเอาจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ไปเลย”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส