เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) สตูดิโอแอนิเมชันระดับโลก เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม จากผลงาน ‘Spirited Away’ (2001) และเจ้าของผลงานแอนิเมชันในเครืออีกมากมาย ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ทางบริษัทได้ตัดสินใจขายหุ้นให้กับบริษัท (Nippon Television Broadcasting Networks – NTV) หรือสถานีโทรทัศน์ Nippon TV ของญี่ปุ่น เป็นจำนวน 42.3% โดยไม่มีการเปิดเผยตัวเลขจำนวนเงิน ซึ่งจะทำให้ Studio Ghibli เปลี่ยนสถานะเข้าไปเป็นบริษัทในเครือของ Nippon TV ในทันที
โดยในแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Studio Ghibli ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขายหุ้น และเหตุผลในการตัดสินใจขายหุ้นของสตูดิโอระดับโลกแห่งนี้ว่า เป็นไปเนื่องจากในขณะนี้ 2 หัวเรือสำคัญของสตูดิโอจิบลิต่างก็อยู่ในวัยชราภาพ ทั้ง ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ผู้ก่อตั้ง และผู้กำกับแอนิเมชัน ที่มีอายุครบ 82 ปี รวมทั้ง โทชิโอะ ซูซูกิ (Toshio Suzuki) โปรดิวเซอร์ และประธานบริษัทคนปัจจุบัน ที่มีอายุ 75 ปี บริษัทจึงต้องการหาผู้สืบทอดกิจการต่อไป

ในขณะที่ โกะโระ มิยาซากิ (Goro Miyazaki) ลูกชายของฮายาโอะ และหนึ่งในผู้กำกับแอนิเมชันของจิบลิ ทั้ง ‘Tales from Earthsea’ (2006) และ ‘From Up on Poppy Hill’ (2011) ก็ได้ปฏิเสธที่จะรับช่วงต่อกิจการจากผู้เป็นพ่ออย่างหนักแน่น เนื่องจากเขามองว่า การแบกรับกิจการนี้ไว้ตามลำพังน่าจะเป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถของเขาเอง ส่วนมิยาซากิผู้พ่อ ก็ไม่สนับสนุนให้ลูกชายมารับช่วงต่อด้วยเช่นกัน การฝากอนาคตของบริษัทไว้กับผู้อื่น จึงน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
ในแถลงการณ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า Studio Ghibli ได้เริ่มต้นพิจารณารายชื่อบุคคลที่จะมอบกิจการให้ จนกระทั่งสตูดิโอได้เล็งเห็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับสถานีโทรทัศน์ Nippon TV จึงได้เริ่มต้นพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จนกระทั่งเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการได้พูดคุยเจรจาดังกล่าวกับ โยชิคุนิ สึกิยามะ (Yoshikuni Sugiyama) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nippon TV ในระหว่างแช่ออนเซ็น โดยสึกิยามะได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า จะเข้ามาให้การสนับสนุน โดยจะไม่เข้ามาแทรกแซงความคิดสร้างสรรค์ของสตูดิโอแต่อย่างใด
ทั้ง Studio Ghibli และมิยาซากิ มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Nippon TV เนื่องจากสถานีได้ออกอากาศ ‘Nausicaä of the Valley of the Wind’ (1984) หนังแอนิเมชันผลงานการกำกับของมิยาซากิ ที่นำไปสู่การก่อตั้งสตูดิโอจิบลิในปี 1985 ในรายการ ‘Kinyō Roadshow’ และต่อมา สถานีได้นำแอนิเมชันหลายเรื่องของจิบลิมาออกอากาศอีกหลายครั้ง นอกจากนี้ยังร่วมลงทุนในการผลิตหนังแอนิเมชัน ‘Kiki’s Delivery Service’ (1989) และร่วมลงทุนก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli Museum) ที่เขตมิกาตะ กรุงโตเกียว ในปี 2001 ด้วย

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แม้หนังแอนิเมชันของสตูดิโอจิบลิจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม และทำรายได้ดีพอสมควร แต่ด้วยการลงทุนสร้างหนังด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก ประกอบกับมีข่าวว่า มิยาซากิกำลังจะประกาศวางมือจากการสร้างและกำกับแอนิเมชันอยู่หลายครั้ง ทำให้ในปี 2014 มีข่าวลือว่าสตูดิโอกำลังจะปิดตัวลงหลังจากประสบปัญหาขาดทุน แต่ภายหลังมีรายงานข่าวว่าสตูดิโอเพียงแค่จะหยุดทำแอนิเมชันชั่วคราว และปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เท่านั้น
หลังจากผลงาน ‘The Wind Rises’ (2013) และประกาศวางมือ (อีกแล้ว) แต่ในเวลาต่อมา มิยาซากิก็ได้กลับมาเปิดตัวผลงานหนังแอนิเมชันล่าสุด ‘The Boy and the Heron’ ที่ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 7 ปี โดยเข้าฉายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14 กรกฏาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการโปรโมต ตัวอย่างหนัง และไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับหนังออกมา ตัวหนังสามารถขายตั๋วไปกว่า 5.46 ล้านใบ และทำรายได้รวม 8,160 ล้านเยน หรือประมาณ 55.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: Anime News Network, AP, Nikkei Asia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส