การถอนตัวของผู้กำกับในระหว่างการทำงานในโปรเจกต์หนังมีให้เห็นกันเรื่อย ๆ ในฮอลลีวูด หนึ่งในเหตุการณ์นั้นก็คือ การถอนตัวจากการเป็นผู้กำกับของ สก็อต เดอร์ริกสัน (Scott Derrickson) ผู้กำกับ ‘Doctor Strange’ (2016) ที่เคยเตรียมตัวกำกับภาคต่อ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ (2022) แล้ว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถอนตัวออกไปด้วยเหตุผลคลาสสิก “ความขัดแย้งด้านความคิดสร้างสรรค์”
เดอร์ริกสัน ผู้กำกับสายสยองขวัญจากผลงาน ‘Sinister’ (2012) และ ‘Deliver Us from Evil’ (2014) ได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ในรายการพอดแคสต์ ‘The Discourse’ ของเว็บไซต์ The Playlist เขาได้ขยายความถึงเหตุการณ์ถอนตัวครั้งนั้นว่าเป็นเพราะความแตกต่างด้านวิสัยทัศน์ระหว่างตัวเขากับ Marvel Studios จริง ๆ โดยไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไรใดอื่น
“สิ่งที่ผมพูดได้ก็คือ สิ่งที่เราบอกไปนั้นเป็นจริงทุกประการครับ ความสร้างสรรค์ของเรามีความแตกต่างกันมาก ภาพยนตร์ที่ผมอยากทำ กับวิธีที่ผมต้องการสร้างมันแตกต่างกันออกไป และมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเรากำลังขัดแย้งกัน และนั่นคือวิธีการทำหนังที่แย่มาก ผมคิดว่า เมื่อไหร่ที่โปรดิวเซอร์หรือสตูดิโอ และผู้กำกับทำหนังกันคนละเรื่อง เมื่อนั้น มันจะจบลงด้วยสิ่งเลวร้าย และเหตุนั้นทำให้ผมจำเป็นต้องถอนตัวออกมา”
หลังจากภาคแรกที่เดอร์ริกสันกำกับ สามารถทำรายได้งดงาม 677.8 ล้านเหรียญ แจ้งเกิด เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ (Benedict Cumberbatch) ให้เป็นที่รู้จักระดับโลก ในปี 2018 มีการประกาศว่าเดอร์ริกสันจะได้กลับมากำกับภาคต่อต่อของหนังเรื่องนี้อีกครั้ง แต่หลังจากที่ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios ให้สัมภาษณ์ว่า ใน ‘Doctor Strange 2’ นั้นจะไม่ได้เดินเรื่องแบบหนังสยองขวัญตามที่ได้เปิดเผยไว้แต่แรก ทำให้เดอร์ริกสันเดินออกจากโปรเจกต์ไปในเดือนมกราคม 2020 และไปทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ ก่อนจะได้ แซม ไรมี (Sam Raimi) มากำกับแทน
ภายหลังจากถอนตัว เดอร์ริกสันย้อนกลับไปทำงานแนวถนัดด้วยการรับกำกับ ‘The Black Phone’ (2021) หนังทริลเลอร์ทุนต่ำ 18.8 ล้านเหรียญของค่ายบลัมเฮาส์ โปรดักชันส์ (Blumhouse Productions) ที่ดัดแปลงจากหนังสือของ โจ ฮิลล์ (Joe Hill) ลูกชายของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ที่ได้ อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) มารับบทเป็นฆาตกรต่อเนื่องผู้ไล่สังหารเด็ก ๆ
แต่เดอร์ริกสันเองก็ไม่ได้ปิดตายโอกาสที่จะกลับไปกำกับหนังซูเปอร์ฮีโรเสียทีเดียว ล่าสุด เขาได้ให้สัมภาษณ์ Exclusive กับเว็บไซต์ Comicbook ในระหว่างโปรโมตหนังสยองขวัญ ‘V/H/S/85’ ที่เขาร่วมกำกับ 1 ตอน โดยเผยว่า เขาพร้อมที่จะกลับไปกำกับหนังซูเปอร์ฮีโรที่ดัดแปลงจากการ์ตูนคอมิกอย่างแน่นอน เพียงแต่มีเงื่อนไขสำคัญบางอย่าง
“ผมไม่ได้กำกับ ‘Doctor Strange’ เพียงเพราะว่ามันเป็นหนังของ Marvel หรือเพราะมันดัดแปลงจากคอมิก ที่ผมกำกับเพราะว่า ‘Doctor Strange’ เป็นคอมิกที่ผมรัก และมีความรู้สึกหลงใหลอย่างแรงกล้า ผมรู้สึกแค่ว่าผมคงเป็นคนทำหนังที่ใช่ที่สุด ที่จะดัดแปลงมันให้กลายเป็นหนังขึ้นมาได้”
แต่ด้วยความที่ยุคนี้ถือเป็นจุดอิ่มตัวของวงการหนังซูเปอร์ฮีโร พิสูจน์ได้จากช่วง 2-3 ปีมานี้ มีหนังซูเปอร์ฮีโรเพียงไม่กี่เรื่องที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ เงื่อนไขเดียวที่เดอร์ริกสันเกริ่นไว้ก็คือ เขาต้องการให้มีความกล้าและไอเดียใหม่ ๆ ที่กล้าเสี่ยงกับหนังแนวนี้ให้มากขึ้น
“ผมจะกลับไปทำหนังจากคอมิกแน่นอนครับ ถ้าผมได้ทำงานกับสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นความก้าวหน้าในทางที่ดีของหนังแนวนี้จริง ๆ นะ ผมคิดว่าเราอยู่ในจุดที่ผู้ชมและตัวผมเองก็ไม่ต้องการจะเห็นอะไรที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำไปแล้วออกมามากเกินไป ผมสนใจหนังเดี่ยวที่กล้าหาญ มากกว่าแค่การทดลองกับหนังสร้างจากคอมิก ผมคิดว่านั่นเป็นวิธีที่จะเรียกความสนใจจากผู้ชมให้มีส่วนร่วมกับมันอีกครั้งอย่างมีนัยสำคัญ มันคงเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่จะทำให้ผมยอมกลับไปทำหนังจากคอมิกอีกครั้ง”
“คุณสามารถสร้างสิ่งใหม่และไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนจากในคอมิกได้ แต่ต้องยึดเนื้อหาที่ถูกต้อง และคุณต้องเต็มใจที่จะริเริ่มที่จะทำมัน ผู้ชมต้องการความเป็นต้นฉบับในหนังของพวกเขาในตอนนี้ นั่นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ ผมแค่หวังว่าสตูดิโอต่าง ๆ จะไม่เคี่ยวเข็ญสร้างหนังแฟรนไชส์ภาคต่อออกมารัว ๆ โดยไม่ได้ตระหนักว่า เออ ผู้ชมพร้อมที่จะเข้าใจเนื้อหาใหม่เหล่านั้นจริง ๆ แล้วหรือยัง”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส