[รีวิว] มนต์รักนักพากย์: มิตร ชัยบัญชา’s Paradiso เชย ๆ ซื่อ ๆ แต่ถือว่าอิ่มอุ่น
Our score
7.7

Release Date

11/10/2023

แนว

ดราม่า

ความยาว

2.18 ช.ม. (138 นาที)

เรตผู้ชม

13+

ผู้กำกับ

นนทรีย์ นิมิบุตร

SCORE

7.7/10

[รีวิว] มนต์รักนักพากย์: มิตร ชัยบัญชา’s Paradiso เชย ๆ ซื่อ ๆ แต่ถือว่าอิ่มอุ่น
Our score
7.7

มนต์รักนักพากย์ | Once Upon A Star

จุดเด่น

  1. บอกเล่าบรรยากาศหนังไทยยุค 16 มม. ได้อย่างมีเสน่ห์และสมจริง คนรักหนังน่าจะชอบ
  2. เก็บรายละเอียดความเปลี่ยนแปลง ล่มสลายของหนังไทยยุค 16 มม. ได้ครบถ้วน
  3. เล่าเรื่อง Road Movie แบบดูเพลิน ๆ เข้าถึงง่าย มี Conflict บาง ๆ ไม่เจ็บตับ
  4. สามารถ พยัคฆ์อรุณ คือ MVP ที่แท้จริง
  5. งานโปรดักชันถ่ายทอดบรรยากาศยุคปี 2513 ได้สมจริงมาก

จุดสังเกต

  1. ตัวหนังเล่าโครงเรื่องแบบสูตรสำเร็จแบบที่คุ้นเคย
  2. เน้นเล่าบรรยากาศ จนทำให้ตัวละครและความสัมพันธ์ดูฉาบฉวยไป
  • คุณภาพด้านการแสดง

    6.9

  • คุณภาพโปรดักชัน

    8.9

  • คุณภาพของบทภาพยนตร์

    5.9

  • ความบันเทิง

    7.9

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    8.7


เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี 2 เด้งของคอหนังไทยเลยก็ว่าได้ครับ ข่าวแรกก็คือ นี่คือการกลับมากำกับหนังไทยของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์แถวหน้าของไทย เจ้าของผลงานระดับตำนานทั้ง ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ (2540), ‘นางนาก’ (2542) และ ‘จัน ดารา’ (2544) และอีกข่าวก็คือ Netflix เองก็มีออริจินัลคอนเทนต์ที่แปลกใหม่มากขึ้น

โดยคราวนี้เลือกที่จะหยิบเอากลิ่นอายเมืองไทยช่วงทศวรรษ 2510 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย หรือที่เรียกกันว่ายุค ‘มิตร-เพชรา’ หรือยุคฟิล์ม 16 มม. มาบอกเล่าผ่านอาชีพเล็ก ๆ ที่สูญหายไปแล้วในยุคนี้อย่าง ‘หนังขายยา’ และอาชีพนักพากย์หนัง

มนต์รักนักพากย์ Once Upon a Star Courtesy of Netflix © 2023

เรื่องราวของ ‘มนต์รักนักพากย์’ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2513 หน่วยเร่ขายยาหน่วยที่ 18 ของบริษัทขายยาโอสถเทพยดา ที่ประกอบไปด้วย มานิตย์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าและนักพากย์ประจำหน่วย, ไอ้เก่า (จิรายุ ละอองมณี) ไอ้หนุ่มพนักงานดูแลเครื่องฉาย และ ลุงหมาน (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) คนขับรถ จนกระทั่งพวกเขาได้เจอกับ เรืองแข (หนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวหัวก้าวหน้าผู้อยากมีอนาคต มาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย พวกเขาทั้ง 4 คนต้องออกตระเวนฉายหนัง พากย์หนังกลางแปลง และขายหยูกยา ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเปลี่ยนแปลงอาชีพของพวกเขา

ในแง่หนึ่ง การหยิบเอาเรื่องราวของอุตสาหกรรมหนังไทยในช่วงปี 2513 ถือว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นไม่น้อย เพราะแทบไม่มีหนังไทยที่เคยพูดถึงวงการหนังในยุคนี้มาก่อน แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เรื่องราวที่พ้นสมัยไปแล้วมีความน่าสนใจมากกว่าเป็นแค่สารคดีเฉย ๆ ตัวหนังให้น้ำหนักกับการสร้างมวลบรรยากาศของหนังไทย ที่คอหนังไทย คนทำหนัง และนักดูหนังน่าจะชอบครับ

มนต์รักนักพากย์ Once Upon a Star Courtesy of Netflix © 2023

เพราะตัวหนังแอบหยอดและสอดแทรกสิ่งละอันพันละน้อย ที่เป็นการแสดงความเคารพหนังไทยยุคนั้นเอาไว้เต็มไปหมด รวมทั้งการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมหนังไทยยุค 16 มม. ตั้งแต่การถวิลหาความสมจริงในหนังมากขึ้น การเข้ามาของสื่อโทรทัศน์ที่มีผลต่อธุรกิจขายยา รวมทั้งการเสียชีวิตกะทันหันของ มิตร ชัยบัญชา ที่เปรียบกับการสิ้นสุดของเสาหลักของวงการหนังไทย ทั้งในมุมของคนดู และคนทำงานตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนถึง (และก็น่าจะมีอีกเยอะที่ไม่มีใครพูดถึงเช่นกัน)

เอก เอี่ยมชื่น ผู้เขียนบท เลือกที่จะให้ตัวละครของหนังเป็นตัวเดินเรื่องแบบกึ่ง ๆ Road Movie ที่มีบรรยากาศและองค์ประกอบย้อนยุคครอบคลุมอยู่ และปล่อยให้ตัวละครเดินเรื่องและพบกับ Conflict ไปเรื่อย ๆ ผ่านบรรยากาศและองค์ประกอบ โดยมีเส้นเรื่องเกาะเกี่ยวไว้แบบบาง ๆ

มนต์รักนักพากย์ Once Upon a Star Courtesy of Netflix © 2023

ซึ่งเอาจริง ๆ ตัวหนังค่อนข้างจะเดินตามโครงเรื่องแบบที่คุ้นเคยกัน และหลาย ๆ จุดในหนัง เอาเข้าจริงก็แอบ Cliché ประมาณหนึ่งเลยแหละ อีกจุดก็คือ พอหนังเน้นเล่าบรรยากาศ พล็อตของตัวละครบางส่วนจึงยังไม่ลงตัวนัก โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์ที่ยังดูฉาบฉวย และมีช่องโหว่อยู่บ้าง

แต่ก็ต้องชื่นชมว่า ด้วยรายละเอียดโครงเรื่อง การอธิบายตัวละคร การสร้างบรรยากาศที่สมจริงและเข้าถึงได้ง่าย รวมทั้งการมีเซตของตัวละครที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นกันคนละแบบ ช่วยให้ตัวหนังมีเสน่ห์และตามดูได้เพลิน ๆ รวมทั้งการที่ตัวหนังฉลาดด้วยการหาทางลงให้กับตัวละครได้สมจริงมาก ๆ เหมือนเป็นตัวบ่งบอกว่า ในช่วงชีวิตของวงการหนังไทย ล้วนผ่านวัฏจักรการล้มหายตายจากมาไม่มากก็น้อย แต่ก็จะมีบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาทดแทน สิ่งที่ตัวละครทำได้ก็คงมีแค่โอบรับ เข้าใจ และปล่อยให้อดีตผ่านไปช้า ๆ เท่านั้นเอง

มนต์รักนักพากย์ Once Upon a Star Courtesy of Netflix © 2023

สิ่งที่ผู้เขียนต้องชมแรง ๆ มากที่สุดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ก็คือการออกแบบงานสร้างครับ เรียกได้ว่าสมจริงมาก ๆ โดยเฉพาะการถ่ายทอดบรรยากาศต่างจังหวัดของประเทศไทยในช่วงทศวรรษ 1960 รวมถึงมนต์เสน่ห์บางอย่างของยุคนั้นได้ออกมาสมจริงมาก ๆ องค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แทบจะไม่มีหลุดให้เห็น รวมถึงรายละเอียดในเชิงประวัติศาสตร์ที่ก็ทำออกมาได้สมจริงราวกับย้อนไปถ่ายทำในวันนั้นจริง ๆ ที่เห็นแล้วก็อึ้งในความพิถีพิถันมาก ๆ รวมทั้งงานด้านภาพที่ทำออกมาได้สวยงามสุด ๆ

ในแง่การแสดง ต้องบอกว่าการแสดงของ 4 นักแสดงหลักนักพากย์นั้นถือว่ามีฝีมือและไม่มีอะไรให้ผิดหวังเลยครับ จะมีที่อยากชื่นชมเป็นพิเศษก็คือ หนูนา หนึ่งธิดา ที่รับบทเป็นสาวยุคนั้นได้แบบพอมีจริตจะก้านแบบพอดี ๆ แต่ที่ยกให้อันดับ 1 ก็คือน้าสามารถ พยัคฆ์อรุณ ในบทลุงหมาน ที่คอยเป็นตัวกลางให้กับทุก ๆ ตัวละคร เป็นคุณลุงแก่ ๆ ใจดีที่ถ้าเป็นญาติเราสักคน เขาก็น่าจะเป็นญาติที่เราสนิทด้วยมาก ๆ อะไรแบบนี้

มนต์รักนักพากย์ Once Upon a Star Courtesy of Netflix © 2023

ผู้เขียนยอมรับว่า ตอนดูหนังเรื่องนี้ก็แอบคิดถึงหนังอิตาลี ‘Cinema Paradiso’ (1988) ที่ว่าด้วยเรื่องของคนรักหนังที่พยายามส่งต่ออดีตเกี่ยวกับหนังคล้าย ๆ กัน แต่ผู้เขียนจะไม่เทียบกันเด็ดขาด เพราะ ‘มนต์รักนักพากย์’ ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยตรงความบ้าน ๆ เชย ๆ ซื่อ ๆ แต่จริงใจ ที่ทำให้คนดูรู้สึกอุ่น ๆ ในตาได้

จนผู้เขียนแอบคิดแบบฟุ้ง ๆ ฝัน ๆ ว่า ด้วยศักยภาพของหนังเรื่องนี้ ที่ทำได้ถึงทั้งในเชิงโปรดักชัน และงานแสดง ที่สามารถอัปสเกลไปฉายในโรงหนังได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ลองคิดว่าถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้บนจอหนังขายยาสักครั้งในชีวิตนะ…


มนต์รักนักพากย์ Once Upon a Star Courtesy of Netflix © 2023

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส