จังหวะขาลงของหนังแนวซูเปอร์ฮีโรที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ต่างตกเป็นประเด็นพูดคุยและถกเถียงถึงความเปลี่ยนแปลงที่ควรจะเกิดขึ้นกับหนังแนวนี้ ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างมาตรฐานของคอนเทนต์ออกมาได้ยิ่งใหญ่และน่าติดตามเท่าเดิม รวมทั้งงานสร้างและ CGI งานหยาบที่เป็นผลจากการเคี่ยวเข็ญงานออกมาจนขาดความเป็นภาพยนตร์เหมือนที่ผู้กำกับหลาย ๆ คนต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างเผ็ดร้อน
แมทธิว วอห์น (Matthew Vaughn) ผู้กำกับและเขียนบท ‘Kick-Ass’ (2010), ‘Kingsman: The Secret Service’ (2014), ‘Kingsman: The Golden Circle’ (2017) และ ‘The King’s Man’ (2021) โดยนอกจากเขาจะเผยว่ากำลังจะกลับมาสานต่อโปรเจกต์ดังของเขาทั้ง ‘Kick-Ass’ ภาคใหม่และรีบูต และ ‘Kingsman 3’ แล้ว เขาก็กำลังจะมีหนังนักสืบคอมเมดี้แอ็กชันเรื่องใหม่ ‘Argylle’ ที่จะฉายในปี 2024 นี้
วอห์นก็เป็นผู้กำกับอีกคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อหนังซูเปอร์ฮีโรยุคนี้ โดยเขาได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการสนทนาพิเศษของเว็บไซต์ Screen Rant ในงาน New York Comic Con ที่จัดขึ้นไปแล้ว โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโรจักรวาล MCU ของ Marvel Studios ในฐานะที่เขาเองเคยกำกับหนังซูเปอร์ฮีโร ‘X-Men: First Class’ (2011)
และวอห์นก็กำลังมีข่าวลือว่าได้เข้าเจรจากับ เจมส์ กันน์ (James Gunn) และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter Safran) 2 ผู้บริหารของ DC Studios เพื่อรับหน้าที่กำกับหนัง ‘The Authority’ ของจักรวาล DCU (DC Universe) เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย จึงได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ DCU และ MCU ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
“สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากก็คือ ผมชอบ ‘The Flash’ มากครับ ผมคิดว่ามันเป็นหนังที่ดีนะ แล้วมันก็เจ๊งใน Box Office ด้วย ใช่ไหม ? ผมก็แบบว่า เดี๋ยวนะ มันเป็นหนังที่ดี แต่มันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะความล้าของหนังซูเปอร์ฮีโรหรือเปล่านะ คุณเห็นเลยว่ามันออกมาดีมาก แตกต่าง ยาก ซับซ้อน และมีความพิเศษอยู่ในหนังเรื่องนั้นด้วย ซึ่งผมคิดว่า แอนดี มุสชิเอตติ (Andy Muschietti – ผู้กำกับ) ไม่ได้รับเครดิตมากพอในสิ่งที่เขาทำสำเร็จ”
“มันก็เลยทำให้ผมตั้งคำถามว่า ผมคิดว่ามีหนังซูเปอร์ฮีโรแย่ ๆ อยู่หลายเรื่องเหมือนกันนะ เหมือนกับว่ามีหนังแนวตะวันตกมากจนคุณเบื่อกับหนังแนวนี้ ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าหนังแนวนี้แย่ แต่เพราะว่าหนังเรื่องนั้นมันแย่ต่างหาก ผมเป็นแฟนตัวยงของแบทแมน แต่น่าเสียดายที่ ‘Batman & Robin’ (1997) ออกฉายตอนผมโตแล้ว และมันก็แย่มาก แล้วพวกเราก็แบบ ว้า… แล้วหนังซูเปอร์ฮีโรก็หายไป แล้วก็กลับมาอีก นี่ผมอยากรู้เลยว่า ‘The Marvels’ จะออกมาเป็นยังไง”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรกับหนังซูเปอร์ฮีโร บางทีอาจต้องการเวลาพักสักหน่อย รอจนบางทีอาจมีคนสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมจนทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง และเตือนว่า ทุกคนต่างมีวิธีสร้างหนังฮีโรเป็นของตัวเอง… เพราะหนังซูเปอร์ฮีโรก็คือหนัง เป็นหนังที่มีฮีโรอยู่ในนั้น สิ่งที่ผมคิดก็คือ พอพวกเขากลายเป็นฮีโร ความเป็นหนังก็ถูกลดทอนความสำคัญลงไป”
“เมื่อคุณทำหนังซูเปอร์ฮีโร คุณต้องทำงานให้หนักขึ้น เพราะคุณต้องทำให้คนอื่นเชื่อ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไม ‘X-Men First Class’ จึงมีปูมหลัง เราเล่าเรื่องเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ขีปนาวุธที่คิวบา มีปัญหาของมนุษย์เข้ามาเกี่ยว และมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ CG เลย เพราะผมคิดว่าบางที CG แม่-ก็ทำทุกอย่างเจ๊งได้เหมือนกัน เพราะมันทำให้คุณไม่ได้อยู่กับตัวละคร ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังดูวิดีโอเกมอยู่”
“ใน ‘Guardians of the Galaxy‘ ผมคิดว่า Groot และ Rocket Racoon เป็นอะไรที่อัจฉริยะสุดยอด ผมรู้สึกต่อพวกมันมาก ๆ ผมเลยโคตรทึ่ง ซึ่งผมคิดว่าอย่างน้อย DC ก็น่าจะมีสิ่งนี้อยู่ ผมคิดว่ากันน์และซาฟรานก็คงมีโอกาสที่จะแสดงสิ่งนี้ออกมา และผมหวังว่าไฟกี (เควิน ไฟกี (Kevin Feige) – ประธาน Marvel Studios) จะกลับไปใช้ความ ‘น้อยแต่มาก’ ทำหนังให้น้อยลง และมุ่งความสนใจไปที่การทำให้สิ่งเหล่านั้นออกมายิ่งใหญ่”
วอห์นได้ทิ้งท้ายด้วยข้อเสนอแนะของเขาที่ต้องการอยากจะเห็นหนังซูเปอร์ฮีโรมีพัฒนาการและพลิกวงการได้อีกครั้ง ด้วยการผสานเรื่องราวที่เป็นเรื่องแต่งเข้ากับองค์ประกอบที่เกิดขึ้นจริงบนโลกให้ได้
“สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ มิฉะนั้น คุณจะไม่สามารถเชื่อมโยงกับมันได้ คุณจำเป็นต้องใส่ความเป็นมนุษย์เอาไว้ในทุกอย่าง สิ่งที่ผมพูดประจำก็คือ ยิ่งมันดูบ้าบอมากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งทำให้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น”
ที่มา: Screen Rant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส