เป็นเวลากว่า 4 ปีที่แฟน ๆ ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของ “Bring Me The Horizon” วงเมทัลคอร์จากเชฟฟิลด์ประเทศอังกฤษ ที่ได้สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมเอาไว้ให้กับสาวกในโชว์เมื่อครั้งก่อน ในที่สุดปีนี้วงก็ได้กลับมาสร้างความปลื้มปิติและสาแก่ใจให้แฟน ๆ ชาวไทยอีกครั้ง แต่ละครั้งที่ BMTH มาแสดงในไทย พวกเขาก็เพิ่มดีกรีความมันส์มากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งทำให้โชว์กลมกล่อมลงตัวมากขึ้นไปในแต่ละขวบปีที่ได้เติบโตขึ้น จากครั้งแรกเมื่อ 9 ปีก่อนในปี 2014 ที่ Centerpoint Studio ซอยลาซาล บางนา หลังจากออกอัลบั้ม ‘Sempiternal’ นับว่าเป็นการเปิดตัวการแสดงในไทยได้อย่างน่าทึ่ง รู้สึกได้เลยว่าวงนี้มีของและโชว์ของพวกเขาจะต้องพีคมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
จนมาในปี 2019 ที่ Show DC พระราม 9 BMTH ก็สร้างความประทับใจด้วยโชว์แบบกลางแจ้ง ที่ได้วงเมทัลคอร์สัญชาติไทย ‘Annalynn’ มาอุ่นเครื่องความเดือด ก่อนที่เฮีย โอลิเวอร์ ไซกส์ (Oliver Sykes) และผองเพื่อนร่วมคณะจะมาสร้างโมเมนต์ที่น่าประทับใจมากมาย นอกเหนือจากการบรรเลงบทเพลงของพวกเขาได้อย่างเดือด ดุ โดนแล้ว ตัวอย่างโมเมนต์ประทับใจที่คนยังจดจำได้ก็คือ ตอนที่มีผู้โชคดีได้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกับโอลิเวอร์และ BMTH ในเพลง “Antivist” ซึ่งชาวร็อกคนนี้ก็ทำหน้าที่ได้ดีสมเกียรติแฟนเพลงผู้โชคดี ร้องดีร้องเดือด นำอารมณ์เพื่อน ๆ ที่อยู่เบื้องล่างได้สะใจแท้ อีกโมเมนต์คือตอนเล่นเพลง “Nihilist Blues” ที่โอลิเวอร์ได้ลงมาชิดใกล้กับแฟนเพลงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนทำตาซึ้งอยู่ที่หน้าเวทีและวินาทีแห่งความโชคดีสุดพีคก็เกิดเมื่อโอลิเวอร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนใบหน้าของเธอถูกราดรดด้วยลมหายใจและเสียงร้องของเขา จากนั้นโอลิเวอร์ก็จุมพิตลงไปบนหน้าผากของเธอเบา ๆ มันช่างฟินจริง ๆ !
กลับมาคราวนี้ใน “BRING ME THE HORIZON LIVE IN BANGKOK 2023” ที่จัดโดย ‘The Very Company’ BMTH ได้เปลี่ยนอารมณ์มาโชว์แบบ indoor กันบ้าง ซึ่งหลังจากคอนเสิร์ตจบแล้วเราก็แอบได้ยินแฟน ๆ หลายคนบอกว่าชอบฟีลนี้มากกว่า รู้สึกว่าซาวด์ดีกว่า ได้อารมณ์มากกว่า ได้ยินสุ้มเสียงของโอลิเวอร์และทุกท่วงทำนองของวงได้อย่างสะใจในทุกดีเทล คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้นที่ Union Hall ศูนย์การค้า Union Mall ซึ่งก็นับว่าเป็น venue ที่โอเคเพราะเดินทางสะดวกด้วยทั้ง MRT และ BTS หรือใครจะขับรถมาก็มีที่จอดรถสะดวกสบาย ถึงแม้จะใช้เวลาหาที่จอดรถนานหน่อยเพราะที่จอดรถเต็ม ! ไม่แปลกเพราะบัตร sold out แบบเกลี้ยงเกลาไปเรียบร้อยแล้วก่อนโชว์เริ่ม เป็นการตอกย้ำความเป็นที่รักของวงจากมิตรรักแฟนเพลงชาวไทย
อีกเรื่องหนึ่งที่นับว่าดีก็คือการที่ทุกอย่างเริ่มต้นตรงเวลาตามกำหนดการเป๊ะ ๆ พอเวลา 6 โมงกว่า ๆ ‘I Prevail’ วงโพสต์ฮาร์ดคอร์จากเซาท์ฟิลด์ (Southfield) อเมริกา ก็เริ่มท่วงทำนองแรกในฐานะวงเปิดของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ พวกเขามาพร้อมพลังและอารมณ์อันดิบ เดือด ดุ จากท่วงทำนองอันทรงพลังของดนตรีแนวโพสต์ฮาร์ดคอร์ที่ส่งตรงมายังผู้ชมในฮอลล์ ทำให้เกิดความเร่าร้อนที่ทำหน้าที่เป็นโหมโรงที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแสดงของ BMTH ในค่ำคืนนี้ พวกเขาขนบทเพลงจากหลากอัลบั้มมาบรรเลงอย่างไม่ยั้ง ทั้งกระตุ้นให้แฟน ๆ ทำมอชพิตและปลดปล่อยอารมณ์เดือดไปอย่างเต็มที่ และวงก็ไม่พลาดที่จะเล่นเพลงอย่าง “Bow Down” หรือ “Breaking Down” ซึ่งเป็นเพลงฮิตของวง สร้างพลังเชื่อมโยงทางอารมณ์มาสู่แฟน ๆ ชาวไทยได้เป็นอย่างดี จัดเรียงบทเพลง ปลุกอารมณ์ คุมโชว์บนเวทีและสื่อสารพลังมาที่แฟน ๆ ได้ดี นับว่า ‘I Prevail’ เป็นวงเปิดที่เหมาะสมมาก ๆ สำหรับโชว์นี้ ซึ่งได้วางรากฐานสำหรับค่ำคืนแห่งความเร่าร้อนทางดนตรีที่ปลดปล่อยใจเราให้เป็นอิสระ
พอโชว์ของ I Prevail จบ แฟน ๆ ก็สามารถออกไปชิลด้านนอกฮอลล์เพื่อรอคอยโชว์ของ BMTH ได้แบบสบาย ๆ พอถึงเวลานัดหมาย 2 ทุ่มเป๊ะวงก็ขึ้นโชว์ในทันที ความทุ่มเทอย่างแน่วแน่ของวงในการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขายังคงปรากฏชัดเจนตลอดค่ำคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่ดิบอย่างไพเราะของ โอลิเวอร์ ไซกส์ ที่ก่อนหน้าจะโชว์ก็เพิ่งไปเสริมพลังบารมีและสิริมงคลมาด้วยการไปสักยันต์กับ “อาจารย์เหน่ง” ซึ่งเป็นอาจารย์สักที่อนุรักษ์วัฒนธรรมการสักยันต์แบบโบราณ มีความรู้ทั้งวิชาอาคมและภาษาโบราณ ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รับรองเลยว่าคืนนี้มีทั้งพลังร็อกและพลังอาคม มันจะไม่เดือดได้ยังไง !! นอกจากเสียงร้องของโอลิเวอร์ แล้วสมาชิกวงคนอื่น ๆ ก็ใส่อย่างเต็มที่ไม่มียั้งไม่ว่าจะเป็น ลี มาเลีย (Lee Malia) ที่มาพร้อมริฟฟ์กีตาร์สุดเร้าใจ แมตต์ คีน (Matt Kean) กับเบสสุดดุ จอร์แดน ฟิช (Jordan Fish) กับเสียงสังเคราะห์สุดว้าว และการตีกลองที่ดังกึกก้องของ แมตต์ นิโคลส์ (Matt Nicholls)
“Can You Feel My Heart” คือท่วงทำนองแรกของค่ำคืนนี้ ที่วงพาแฟน ๆ เฮกรี๊ดและสนุกไปกับท่วงทำนองอันเร้าใจ บทเพลงจากอัลบั้ม ‘Sempiternal’ เมื่อปี 2013 เพลงนี้เพิ่งได้รับความนิยมอีกครั้งเนื่องจากกระแสไวรัลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok จากนั้นวงก็พาเราทัวร์ไปกับบทเพลงในช่วงอารมณ์แรกที่พวกเขาร้อยเรียงมาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น “AmEN!” “Teardrops” “Happy Song” “The House of Wolves” และ “MANTRA” โทนอารมณ์โดยรวมของโชว์ในครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์ที่สัมพันธ์กับอัลบั้ม ‘POST HUMAN: SURVIVAL HORROR’ ที่ผสมผสานองค์ประกอบของความดาร์กและเทคโนโลยี A.I. ในบรรยากาศแบบดิสโทเปีย สร้างความพิศวงที่น่าหลงใหลและเร้าใจให้กับโชว์ของวงอย่างยิ่ง
การจัดเวทีของวงยังคงน่าประทับใจเสมอมา โดยมีจอ LED ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ให้ภาพที่สดใส เช่นเดียวกับเทคนิคเสริมอื่น ๆ อย่าง เครื่องพ่นควัน พ่นไฟ และกระดาษโปรย ที่เพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับการแสดงโดยรวม นอกจากนี้ การจัดแสงยังทำอย่างเชี่ยวชาญด้วยแสงแฟลชและสีสันของแสงที่ทั้งสว่างสดใสและประสานไปกับอารมณ์ของแต่ละเพลงช่วยสร้างประสบการณ์การรับชมที่ชวนให้เราเข้าไปในห้วงอารมณ์ได้อย่างแนบแน่น
ต่อด้วย “Dear Diary” และ “Parasite Eve” ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้จากแฟน ๆ อย่างแน่นอน ตลอดโชว์โอลิเวอร์ พยายามบิลด์แฟน ๆ ด้วยการร้องขอวงมอชพิตสุดเดือดอยู่ตลอด ซึ่งแฟน ๆ ก็จัดให้แบบจุก ๆ
มันส์กันแบบไม่ยั้งด้วย “Shadow Moses” “Obey” “DiE4u” “DArkSide” และ “Sleepwalking” ก่อนที่จะเบรกความเดือดด้วยความละมุนลงมานิด ๆ ด้วย “Follow You” ที่มาพร้อมอารมณ์แบบอะคูสติก ก่อนจะไปมันส์กันต่อกับ “Chelsea Smile” และปิดท้ายด้วย “LosT” บทเพลงที่มีฟีลป๊อป ๆ ฟังสบายในเมโลดี้และกลิ่นอายของเพลงนี้
จากนั้นก็ถึงช่วงก่อน Encore ที่แฟน ๆ ก็ได้ร้องเรียกวงดนตรีอันเป็นที่รักให้ออกมาบรรเลงอีกสัก 2-3 เพลงให้สาแก่ใจ และในไม่นาน BMTH ก็กลับขึ้นมาบนเวทีพร้อม “Kingslayer” บทเพลงที่เรียกเสียงกรี๊ดเฮลั่นจากแฟน ๆ เพราะมันเป็นเพลงสุดเซอร์ไพรส์ที่ทางวงได้ทำร่วมกับสาว ๆ เมทัลไอดอลจากญี่ปุ่นอย่าง ‘Babymetal’ จึงไม่แปลกที่เพลงนี้จะเป็นบทเพลงที่แฟนเพลงสาว ๆ ร้องกันสนั่นฮอลล์เลยทีเดียว จากนั้นก็ถึงโมเมนต์ประทับใจในโชว์นี้กับบทเพลงฮิตสุด ๆ ของวงอย่าง “Drown” ที่โอลิเวอร์กระโดดลงมาจากเวทีเพื่อพบปะบรรดาสาวกที่อยู่หน้าเวที งานนี้เฮียโอเลิเวอร์เราก็ทำซึ้งเหมือนเคยทั้งจับมือ แจกลายเซ็น และเข้ามาชิดใกล้กับแฟนเพลงผู้โชคดีซึ่งคงทำให้แฟนเพลงคนนั้นฟินไปตลอดกาล ก่อนที่จะกลับขึ้นมาบทเวทีพร้อมของดีจากแฟนเพลงคือพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีส้มสดขนาดใหญ่คล้องมาที่คอ โอลิเวอร์ ไซกส์ แบบเด่น ๆ โดน ๆ และปิดท้ายโค้งสุดท้ายของ “Drown” ได้อย่างน่าประทับใจ และไปต่อกันด้วย “Throne” อีกหนึ่งเพลงฮิตที่สุดตลอดกาลที่ไม่เล่นไม่ได้เลย แฟนเพลงทั้งร้องทั้งโดดกันสุดเสียงสุดแรงจนพื้นฮอลล์ขย่ม เป็นการจบโชว์ได้อย่างมันส์และฟินกันสุด ๆ
คอนเสิร์ตนี้ไม่ได้เป็นแค่การบรรเลงผลงานของวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนการเติบโตของพวกเขาในฐานะศิลปินและคนคนหนึ่งอีกด้วย พวกเขาได้สร้างช่วงเวลาที่ใกล้ชิดของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกวงและผู้ชมด้วยท่วงทำนองและเนื้อร้องที่สามารถสื่อสารมายังแฟน ๆ ได้อย่างแนบแน่น สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่วงมีร่วมกับฐานแฟนคลับของพวกเขา บทเพลงของ BMTH ได้สร้างความรู้สึกร่วมและเชิญชวนให้แฟนๆ ได้มีส่วนร่วมในเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ในจักรวาลแห่งเสียงดนตรีของพวกเขาอย่างเต็มที่ การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรมทางดนตรี ภาพและเสียงที่น่าดึงดูดใจ และการแสดงที่จริงใจ ทำให้สถานะของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในฐานะหนึ่งในวงดนตรีที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการดนตรีร่วมสมัย ขณะที่ผู้ชมแยกย้ายกันไปในค่ำคืนนี้ เสียงสะท้อนของท่วงทำนองยังคงดังก้องและทุ้มอยู่ในใจ เชื่อได้เลยว่าโชว์ครั้งหน้าของวงจะต้องยกระดับความมันส์และความประทับใจไปในอีกขีดขั้นอย่างแน่นอน และเจอกันอีกครั้งในวันนั้น “Bring Me The Horizon” !!!
Setlist
- Can You Feel My Heart
- AmEN!
- Teardrops
- Happy Song
- The House of Wolves
- MANTRA
- Dear Diary
- Parasite Eve
- Shadow Moses
- Obey
- DiE4u
- DArkSide
- Sleepwalking
- Follow You (Acoustic)
- Chelsea Smile
- LosT
- Kingslayer
- Drown
- Throne
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส