แม้จะเคยยกเลิกหนังที่ทำเสร็จพร้อมฉายด้วยเหตุผลในการปรับโครงสร้างองค์กร จากการมาของ CEO เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav) ไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่า วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี (Warner Bros. Discovery) จะยังไม่หยุดแผนการเก็บหนังที่ดูไม่มีศักยภาพในการทำเงินในมุมมองของตนเองเข้ากรุอย่างถาวร แม้จะเป็นโปรเจกต์ที่ลงทุนไปแล้ว และทำเสร็จทุกขั้นตอนจนพร้อมฉายแล้วก็ตาม

The Hollywood Reporter ได้รายงานว่า Warner Bros. Discovery ได้ดำเนินการยกเลิกโปรเจกต์ ‘Coyote vs. Acme’ หนังแอนิเมชันผสมไลฟ์แอ็กชันคนแสดง จากตัวการ์ตูนคลาสสิกของ ลูนีตูนส์ (Looney Tunes) กำกับโดย เดฟ กรีน (Dave Green) ร่วมแสดงโดย วิล ฟอร์เต (Will Forte), ลานา คอนดอร์ (Lana Condor) และนักแสดงแอ็กชันสตาร์ จอห์น ซีนา (John Cena) และได้ เจมส์ กันน์ (James Gunn) นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์

‘Coyote vs. Acme’ ดัดแปลงจากคาแรกเตอร์ในแอนิเมชันของ Looney Tunes ในซีรีส์ เมอร์รี เมโลดีส์ (Merrie Melodies) ที่ออกฉายครั้งแรกในปี 1949 เป็นแก๊กสั้น ๆ จบในตอน เล่าเรื่องการไล่ล่าของ ไวลี อี ไคโยตี (Wile E. Coyote) หมาป่าโคโยตีที่ออกไล่ล่า โรดรันเนอร์ (Road Runner) เจ้านกลมกรดจอมกวนเพื่อกินเป็นอาหาร แต่กลับต้องเจอเรื่องซวย ๆ จนพลาดท่าทุกทีไป

Coyote vs. Acme Warner Bros. Discovery

ส่วนเรื่องราวใน ‘Coyote vs. Acme’ ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นที่เขียนโดย เอียน เฟรเซอร์ (Ian Frazier) ตีพิมพ์ในนิตยสาร The New Yorker ในปี 1990 โดยเรื่องราวเล่าถึง ไวลี อี ไคโยตี หมาโคโยตีที่พลาดท่าในการไล่จับโรดรันเนอร์มาโดยตลอด แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์นานาชนิดของบริษัท แอ็กเม คอร์ปอเรชัน (Acme Corporation) แล้วก็ตาม เจ้าไวลีจึงแค้น ตัดสินใจฟ้องเจ้าของบริษัทแอ็กเม (ซีนา) ด้วยการจ้างทนาย (ฟอร์เต) ที่เห็นจากป้ายโฆษณา เจ้าหมาโคโยตีกับทนายจึงต้องร่วมมือกันฟ้องบริษัทนี้ให้สำเร็จ

มีรายงานว่า แม้ตัวหนังจะถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่กลางปี 2022 และตัวหนังเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ และวางโปรแกรมฉายในวันที่ 21 กรกฎาคม หรือในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่สุดท้าย สตูดิโอได้ดำเนินการถอดหนังออกจากโปรแกรม เพื่อแทนที่ด้วยหนังบล็อกบัสเตอร์กระแสแรงอย่าง ‘Barbie’ แทน

นั่นจึงทำให้ ‘Coyote vs. Acme’ กลายเป็นหนังเรื่องที่ 3 ของ Warner Bros. Discovery ที่ถูกเก็บเข้ากรุอย่างถาวร หลังจากที่ปี 2022 สตูดิโอได้สั่งทำหมันโปรเจกต์หนัง 2 เรื่องพร้อมกันแบบฟ้าผ่าจนผู้กำกับและนักแสดงก็ไม่ทันรู้ตัว ตั้งแต่โปรเจกต์หนังซูเปอร์ฮีโร DC ‘Batgirl’ และโปรเจกต์หนังแอนิเมชัน ‘Scoob!: Holiday Haunt’ ภาคต่อของ ‘Scoob!’ (2020) ที่โดนสั่งเก็บเข้ากรุและห้ามฉายอย่างถาวร

Coyote vs. Acme Warner Bros. Discovery

The Hollywood Reporter ได้รายงานเพิ่มเติมว่า Warner Bros. Discovery ไม่ได้ให้เหตุผลชัดเจนนักว่าทำไมจึงยกเลิกโปรเจกต์ ‘Coyote vs. Acme’ ทั้งที่ตัวหนังใช้งบลงทุนไปแล้ว 70 ล้านเหรียญ และจะมีการใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์อีกราว 30 ล้านเหรียญ

อีกทั้งแหล่งข่าววงในยังได้รายงานว่า แม้ในการฉายรอบ Screen Test หนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมในระดับที่ค่อนข้างดี แต่สุดท้ายตัวหนังก็ถูกสตูดิโอยกเลิกการฉาย เพียงเพราะสตูดิโอต้องการสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีจำนวนประมาณ 30 ล้านเหรียญ เช่นเดียวกับการยกเลิกหนัง 2 เรื่องแรก

ในรายงานยังระบุด้วยว่า การยกเลิกการฉายหนัง ‘Coyote vs. Acme’ ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อบรรดานักลงทุน จากการที่มีนักลงทุนหลายรายได้ยกเลิกการเจรจากับสตูดิโอในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้สร้างหนังในฮอลลีวูดต่างตกใจ และวิตกกังวลถึงการที่สตูดิโอตัดสินใจใช้กลยุทธ์เดิมซ้ำเป็นรอบที่ 2

แหล่งข่าวเผยว่า ผู้สร้างหนังหลายรายได้ยกเลิกการประชุมเจรจากับสตูดิโอด้วยเช่นกัน เนื่องจากผู้สร้างหนังมองว่า คงไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่านัก หากการลงแรงลงทุนทำหนังจนเสร็จสิ้น แต่กลับต้องถูกสตูดิโอสั่ง ‘ฌาปนกิจ’ เมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า

หลังจากโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ล่าสุด เว็บไซต์ Puck ได้เปิดเผยว่า Warner Bros. Discovery ได้ยินยอมให้ผู้สร้างหนัง ‘Coyote vs. Acme’ สามารถนำหนังไปเจรจาเพื่อขายสิทธิ์ในการฉายให้กับสตูดิโออื่น ๆ เพื่อฉายในโรงหนัง หรือฉายในสตรีมมิงต่าง ๆ ได้ ซึ่งมีรายงานว่า มีสตรีมมิงหลายรายที่สนใจซื้อสิทธิ์ไปฉายในแพลตฟอร์มของตนเอง แต่ ณ ตอนนี้ ยังไม่มีรายงานว่ารายใดที่ได้สิทธิ์การฉายอย่างเป็นทางการ


ที่มา: The Hollywood Reporter, Variety

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส