ก่อนที่ผู้กำกับอย่าง แซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder) จะกลายเป็นผู้วางรากฐานให้กับจักรวาลภาพยนตร์ของ DC ในยุค DCEU หรือที่เรียกกันเป็นการเฉพาะว่า จักรวาลของสไนเดอร์ (Snyderverse) เขาเคยเป็นผู้กำกับที่สร้างชื่อจากผลงานหนังแอ็กชันสงครามย้อนยุควิชวลล้ำจัดจ้านอย่าง ‘300’ (2007) มาก่อน
แต่หลังจากที่เขาได้ไปทำงานกำกับให้กับ DCEU รวมถึงงานออริจินัลของตัวเองกับทาง Netflix ทั้ง ‘Army of the Dead’ (2021) และ ‘Army of Thieves’ (2021) และหลังจากที่ภาคต่อ ‘300: Rise of an Empire’ (2014) (ที่ โนม เมอร์โร (Noam Murro) กำกับ และสไนเดอร์เขียนบท) เข้าฉาย ก็แทบจะไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับแฟรนไชส์นี้ออกมาอีกเลย แต่ล่าสุด ดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับภาคที่ 3 ของหนังเรื่องนี้ออกมาแล้ว
The Hollywood Reporter ได้เปิดเผยรายงาน Exclusive ว่า ในขณะนี้ สไนเดอร์ ในฐานะผู้กำกับภาคแรก และผู้เขียนบททั้ง 2 ภาค ที่ดัดแปลงจากจากผลงานนิยายภาพของ แฟรงก์ มิลเลอร์ (Frank Miller) ได้รับสิทธิ์ในบทภาพยนตร์ ‘Blood and Ashes’ ซึ่งจะเป็นภาคที่ 3 และเป็นภาคสุดท้ายของหนังชุด ‘300’ จาก Warner Bros. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยถือเป็นผลงานชิ้นท้าย ๆ ของสไนเดอร์ที่ร่วมมือพัฒนากับทาง Warner Bros. ก่อนที่สไนเดอร์จะออกมาจากสตูดิโอหลังการล่มสลายของ Snyderverse
‘Blood and Ashes’ ที่สไนเดอร์เขียนบทร่วมกับ เคิร์ต จอห์นสตาด (Kurt Johnstad) ในระหว่างถ่ายทำหนัง ‘Army of the Dead’ โดยเป็นเนื้อหาที่ต่อมาจาก ‘300: Rise of an Empire’ ที่จะมุ่งเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบเกย์โรแมนซ์ระหว่างอเล็กซานเดอร์มหาราช กับ เฮเฟสเตียน (Hephaestion) นายพลและองครักษ์ของพระองค์ ในธีมมหากาพย์สงครามกรีกโบราณ
ตามรายงานระบุว่า Warner Bros. ได้อนุมัติให้สไนเดอร์เริ่มสานต่อภาคที่ 3 ของมหากาพย์ ‘300’ สไนเดอร์จึงได้เริ่มเขียนและเสนอบท ‘Blood and Ashes’ ให้กับทางสตูดิโอ ซึ่งสไนเดอร์เคยเปิดเผยว่า คอร์ตนีย์ วาเลนติ (Courtenay Valenti) ประธานของ Warner Bros. Pictures ในเวลานั้นชื่นชอบเรื่องราวนี้เป็นอย่างมาก
แต่ด้วยความสัมพันธ์อันตึงเครียดของสไนเดอร์กับทาง Warner Bros. ที่ไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่ตอนที่เขากำกับหนัง ‘Justice League’ (2017) และการที่สตูดิโอยังไม่ค่อยชอบในแนวทางเรื่องราวของมหาราชกับองค์รักษ์คู่ใจ ทำให้โปรเจกต์ ‘Blood and Ashes’ จึงไม่ได้รับการพัฒนาต่อ
“ตอนช่วงโรคระบาด ผมมีข้อตกลงกับ Warner Bros. และผมก็เขียนสิ่งที่กลายมาเป็นบทสุดท้ายของ ‘300’ แต่พอผมนั่งลงเขียน ผมกลับเขียนอีกเรื่องหนึ่งออกมาได้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอเล็กซานเดอร์มหาราช และมันก็ค่อย ๆ กลายเป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอเล็กซานเดอร์กับเฮเฟสเตียน มันกลายเป็นเรื่องราวความรักไปแล้ว มันเลยไม่ค่อยจะเหมาะที่จะกลายมาเป็นหนังภาคที่ 3”
“แต่มันก็ยังมีคอนเซ็ปต์ (ของ ‘300’) อยู่นะ และมันก็ออกมาดีด้วย ผมเรียกบทนี้ว่า ‘Blood and Ashes’ มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่งดงาม ท่ามกลางสงครามและการสู้รบ ผมอยากจะทำมันมาก แต่ก็อย่างที่รู้ Warner Bros. ไม่ยอมให้ผมทำ ซึ่งก็นั่นแหละ เขาไม่ค่อยชอบผม มันก็เลยลงเอยแบบนี้”
แม้เราจะไม่ได้เห็นเรื่องราวภาคสุดท้ายของ ‘300’ ภายใต้ชายคา Warner Bros. อีกต่อไป แต่สไนเดอร์เองก็เผยว่า เขาและ เดบอราห์ สไนเดอร์ (Deborah Snyder) Executive producer ของหนัง ‘300’ ได้เจรจาขอคืนสิทธิ์ในบท ‘Blood and Ashes’ กับทาง Warner Bros. เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งทั้งคู่กำลังเตรียมจะหาสตูดิโอรายใหม่ที่จะซื้อสิทธิ์ไปสร้างเป็นหนัง แต่โจทย์ที่สไนเดอร์ต้องคิดต่อไปเกี่ยวกับบทหนังเรื่องนี้ก็คือ ต้องคิดหาทางออกให้กับหนังสงครามและหนังเกย์ (ที่แน่นอนว่ามันต้องออกมารุนแรงติดเรต R เหมือนเช่น 2 ภาคแรก) ให้คนดูชื่นชอบได้อย่างไร
“ตอนนี้เราได้รับสิทธิ์คืนมาแล้วครับ ดังนั้น ถ้าเราจะสร้างหนังเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ทำได้ แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าตลาดจะโอเคกับหนังรักร่วมเพศที่มีความรุนแรง และเซ็กซี่สุด ๆ ขนาดไหน หรือบางทีมันอาจจะออกมาสมบูรณ์แบบก็ได้นะ”
ที่มา: The Hollywood Reporter, The Playlist
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส