จะเรียกได้ว่าเป็นเคราะห์หามยามร้ายของหัวหน้าครอบครัวเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Vanity Fair เป็นสื่อเจ้าแรกที่รายงานว่า วิน ดีเซล (Vin Diesel) นักแสดงและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์แฟรนไชส์ ‘Fast & Furious’ ถูก แอสตา โจนาสสัน (Asta Jonasson) ที่อ้างตัวว่าเคยทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของดีเซล ได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศด้วยการบังคับขืนใจในโรงแรม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2010 ในช่วงระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ ‘Fast Five’ (2011)

ตามรายละเอียดในเอกสารฟ้องร้องที่มีการเปิดเผยออกมา ได้ระบุว่า โจนาสสันได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้กับดีเซล ในระหว่างการถ่ายทำหนัง ‘Fast Five’ ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา โจนาสสันกล่าวอ้างว่า หลังจากที่ดีเซลได้พาเธอไปยังห้องสวีตของเขาที่โรงแรมเซนต์รีจิส (St. Regis) ก่อนจะบังคับเธอขึ้นไปบนเตียงนอน ก่อนจะเริ่มบังคับเพื่อขืนใจเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามขอร้องให้หยุดก็ตาม

ตามรายละเอียดในเอกสารฟ้องร้องระบุว่า หลังจากนั้น เธอได้เดินมาที่ประตู แต่ดีเซลได้เดินเข้ามาหาเธอ และกระทำการลูบคลำและจูบไปที่หน้าอกของเธอ ก่อนจะพยายามจะถอดชุดชั้นใน เธอจึงกรีดร้องและวิ่งไปที่ห้องน้ำ โจนาสสันยังอ้างว่า นักแสดงคนดังได้ผลักเธอไปติดกับผนัง และบังคับให้เธอสัมผัสอวัยวะเพศที่แข็งตัวของเขา และพยายามบังคับให้เธอช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่

รายละเอียดตามเอกสารฟ้องร้องระบุเพิ่มเติมว่า ‘นางสาวโจนาสสันไม่สามารถหลบหนีได้ จึงได้หลับตาลง เธอกลัวจะทำให้ วิน ดีเซลเกิดความโกรธ จึงได้พยายามปฏิเสธและพยายามแยกตัวออกมาจากเขา โดยหวังว่าการทำร้ายร่างกายจะยุติลง’ นอกจากนี้ในเอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ในอีกประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา ซาแมนธา วินเซนต์ (Samantha Vincent) ผู้เป็นน้องสาวของวิน ได้โทรมาหาเธอเพื่อไล่เธอออกจากการเป็นผู้ช่วยส่วนตัว หลังจากที่เธอเข้าทำงานได้ประมาณ 2 สัปดาห์

Vin Diesel Fast & Furious

เอกสารดังกล่าวยังระบุอีกว่า “เห็นได้ชัดว่า เธอถูกไล่ออก เพราะเธอไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว วิน ดีเซล ได้ใช้เธอเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของเขา และเธอก็ทำการขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศของเขา นางสาวโจนาสสัน รู้สึกตัวเองราวกับเป็นเศษขยะที่ถูกทิ้งและอับจนหนทาง ความภาคภูมิใจในตนเองของเธอพังทลายลง เธอตั้งคำถามถึงทักษะของตนเอง เธอจะต้องยอมเอาร่างกายเข้าแลก เพื่อความก้าวหน้าและการประสบความสำเร็จในอาชีพการงานหรือไม่”

ในขณะที่ ไบรอัน ฟรีดแมน (Bryan Freedman) ทนายความของดีเซล ได้ออกแถลงการณ์ในบ่ายวันเดียวกันเพื่อปฏิเสธข้อหาดังกล่าว “ผมขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า วิน ดีเซล ปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้อย่างเด็ดขาด นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินเกี่ยวกับการฟ้องร้องอายุความ 13 ปี ของพนักงานที่ทำงาน 9 วัน และมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่จะหักล้างข้อกล่าวหาแปลกประหลาดเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิง”

แคลร์-ลิซ คัตเลย์ (Claire-Lise Kutlay) ทนายความฝั่งของโจนาสสันกล่าวอ้างว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นในระหว่างที่โจทย์ทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับดีเซล ตามคำฟ้องยังกล่าวอ้างว่า ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ หัวหน้างานคนหนึ่งของบริษัท One Race ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชันของดีเซล ได้เรียกเธอไปที่ห้องพักของเขาในโรงแรมเซนต์รีจิส ในขณะที่เธอกำลังทำงาน หัวหน้าคนนั้นได้พยายามถอดเสื้อของเธอออก ก่อนจะนอนลงบนเตียงและพูดว่า “มานี่สิ” ก่อนที่โจนาสสันจะหนีออกมาจากห้องในทันที

นอกเหนือจากข้อหาการล่วงละเมิดทางเพศแล้ว โจนาสสันในฐานะโจทย์ ยังได้ฟ้องร้องดีเซล และบริษัท One Race ในข้อหาเลือกปฏิบัติทางเพศ การจงใจสร้างความทุกข์ทรมานทางอารมณ์ สภาพแวดล้อม และการทำงานที่ไม่เป็นมิตร รวมทั้งการเลิกจ้างโดยมิชอบ โดยกล่าวหาว่า ทั้งดีเซล และบริษัท One Race จงใจที่จะพยายามปกปิดเหตุการณ์และข้อกล่าวหาดังกล่าว

และยังระบุด้วยว่า โจนาสสัน ที่ ณ ขณะนี้ ยังคงทำงานในวงการบันเทิง ในตำแหน่งผู้ช่วยและผู้ประสานงานการผลิตนั้น ยังคงต้องทนทุกข์ทรมาน และยังคงต้องเผชิญกับความอัปยศอดสู ความทุกข์ทรมานทางอารมณ์ ตลอดจนความเจ็บปวดทรมานทั้งทางกายและใจ ซึ่งทนายความของเธอเผยว่า เธอได้แรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหว #MeToo เพื่อทวงสิทธิ์และความยุติธรรมของเธอคืน จากความทุกข์ทรมานที่เธอต้องทนจากน้ำมือของดีเซล และบริษัท One Race


ที่มา: Vanity Fair, Variety

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส