ออสติน บัตเลอร์ (Austin Butler) นักแสดงหนุ่มวัย 32 ปี ที่เติบโตมาจากการเป็นนักแสดงเด็ก และรับบทสมทบในช่วงวัยรุ่น ก่อนจะแจ้งเกิดอย่างงดงามกับการรับบทเป็น เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ในหนัง Biopic เรื่อง ‘Elvis’ (2022) ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ ถือเป็นรางวัลจากเวทีใหญ่รางวัลแรกในชีวิตการเป็นนักแสดงของเขา และตอนนี้เขาเองก็กำลังจะมีผลงานใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ชมกัน
ทั้งการรับบทเป็น เฟย์ด-รอธา ฮาร์คอนเนน (Feyd-Rautha Harkonnen) ในหนังไซไฟมหากาพย์ ‘Dune: Part Two’ ที่จะเข้าฉายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และร่วมแสดงนำในซีรีส์ ‘Masters of the Air’ มินิซีรีส์สงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องที่ 3 ต่อจาก ‘Band of Brothers’ (2001) และ ‘The Pacific’ (2010) ที่มี สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) และ ทอม แฮงส์ (Tom Hanks) เป็นโปรดิวเซอร์ และเพิ่งจะออกฉายทาง Apple TV+ ไปสด ๆ ร้อน ๆ
แม้ว่าตอนนี้บัตเลอร์จะเป็นนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่กำลังมาแรงในยุคนี้ และน่าจะไปได้ไกลจากฝีมือการแสดงที่ได้รับการยอมรับพอสมควร แต่หลายคนอาจจำไม่ได้ว่า เขาเคยรับบทสมทบใน ‘Once Upon a Time in Hollywood’ (2019) ผลงานหนังย้อนยุคประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดของผู้กำกับ เควนทิน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) มาแล้ว ถ้าจำไม่ได้ เขารับบทเป็น เท็กซ์ วัตสัน (Tex Watson) หนึ่งในสมาชิกแก๊งครอบครัวแมนสัน (Manson Family) ที่กำลังวางแผนบุกไปก่อเหตุฆาตกรรมดาราดัง
แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เพราะแม้บทบาทนี้จะเป็นบทสมทบที่ไม่ได้ขโมยซีนอะไร แถมจบแบบสภาพดูไม่จืด (เพราะโดนน้องหมาขย้ำ+โดนมีดแทงขาตัวเอง) แต่นี่คือบทที่เขาตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง หลังจากปฏิเสธการออดิชันเพื่อรับบทในหนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ ‘Top Gun: Maverick’ (2022) นั่นเอง โดยบัตเลอร์ได้เล่าเรื่องนี้ในรายการพอดแคสต์ ‘Happy Sad Confused’ ว่า เขาเองเกือบจะได้ปะทะบทบาทกับ ทอม ครูซ (Tom Cruise) แล้ว แต่ดูเหมือนเสน่ห์หนังแบบทารันทิโนจะดึงดูดใจเขามากกว่า
“จนในที่สุด ผมก็ต้องเลือกระหว่าง การไปออดิชันหนังเรื่อง ‘Top Gun: Maverick’ หรือไม่ก็ตอบตกลง เควนทิน ทารันทิโน ซึ่งผมเองเคยเจอกับเขามาแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจเลือกทางนี้”
สำหรับบัตเลอร์ ความใฝ่ฝันที่จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับดังอย่างทารันทิโน แม้จะเป็นบทบาทสมทบเล็ก ๆ ก็ยังถือว่าสมหวัง เขาเองเคยเปิดเผยในรายการ ‘Hot Ones’ ว่า เขาเองฝันอยากจะร่วมงานกับผู้กำกับสายโหดมาโดยตลอด แถมพอได้ร่วมงานแล้ว เขาเองก็ประทับใจในบรรยากาศและการร่วมงานกับทารันทิโนเป็นอย่างมาก
ส่วนบทบาทที่บัตเลอร์เข้ามาออดิชัน และเกือบจะได้แสดงใน ‘Top Gun: Maverick’ ก็คือ บทบาท รูสเตอร์ (Rooster) ลูกชายของกูสที่จากไปในภาคแรก ทำให้เขามีปมในใจกับเพื่อนของพ่ออย่างมาเวอร์ริก ซึ่งแม้หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายหลังจาก ‘Once Upon a Time in Hollywood’ นานถึง 5 ปี แต่ระยะเวลาในการถ่ายทำหนัง 2 เรื่องนี้เริ่มต้นในช่วงฤดูร้อน ปี 2018 ใกล้เคียงกัน
เดนิส ชาเมียน (Denise Chamian) หัวหน้าฝ่ายคัดเลือกนักแสดงของหนังเรื่องนี้เผยว่า บัตเลอร์เป็น 1 ในตัวเลือกที่เธอเก็งให้มารับบท แต่ด้วยความที่บัตเลอร์ยังดูเด็กเกินไปสำหรับการรับบททหารนักบิน ก็เลยได้นักแสดงหนุ่มล่ำ ไมลส์ เทลเลอร์ (Miles Teller) มารับบทแทน และตอนหลัง เทลเลอร์เองก็ชวดบทเอลวิสในหนัง ‘Elvis’ ให้กับบัตเลอร์ด้วยเช่นกัน
ความฝันในการแสดงเป็นนักบินของบัตเลอร์ ได้กลายเป็นความจริง ตอนที่เขาได้รับบทเป็น พันตรี เกล คลีเวน นักบินประจำหน่วยเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในซีรีส์ ‘Masters of the Air’ ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับกองบินทิ้งระเบิดที่ 100 ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น ‘Bloody Hundredth’ จากการถล่มทิ้งระเบิดเหนือแผ่นดินเยอรมนี
ซึ่งตัวของ เกล คลีเวน นั้นเป็นนักบินที่มีตัวตนอยู่จริง ทั้งคลีเวนและกองบินนี้ ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของกองทัพนาซี และต้องเผชิญกับสภาวะออกซิเจนต่ำ อากาศหนาวเย็น และความหวาดกลัวจากการปฏิบัติการกลางอากาศที่ความสูง 25,000 ฟุตเหนือพื้นดิน
บัตเลอร์ทิ้งท้ายด้วยสิ่งที่เขาได้จากการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ และความประทับใจในการร่วมงานกับแฮงส์และสปีลเบิร์ก “ตอนนี้ผมยังเป็นคนขี้ขลาดอยู่ แต่ผมก็รู้สึกว่าทำได้ (ทั้งแฮงส์และสปีลเบิร์ก) พวกเขาเข้าหาทุกอย่างด้วยความเอาใจใส่ และใจดี พวกเขาค้นหาข้อมูลมากมาย และหมกมุ่นเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น (ในซีรีส์) อยู่ตลอดเวลา”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส