อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าหนังทุนเล็กแต่ถ้ามีทีเด็ดก็ทำกำไรให้ค่ายได้อื้อซ่า Happy Death Day หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก ใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 4 ล้านเหรียญ ไม่มีดาราขายชื่อซักคนเดียว ใช้นักแสดงแค่ไม่กี่คน ผู้กำกับก็ไม่ได้อยู่ในระดับเอามาโฆษณาได้ แต่ว่าหนังมี พลอตที่น่าสนใจ แล้วขยายเป็นบทภาพยนตร์ได้สนุกน่าติดตาม ทำให้หนังได้แรงเชียร์แบบปากต่อปาก ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในระดับ 100 ล้านเหรียญไปแล้ว
หนังแนะนำให้เรารู้จัก “ทรี” สาวมหาวิทยาลัย ที่มาในภาพลักษณ์นิยมของสาวอเมริกัน สวย ผมทอง หุ่นเช้ง และแรด ใช้ชีวิตสนุกสนานไปวัน ๆ เข้าเรียนก็สาย ไปจีบครูหนุ่มมากกว่าจะตั้งใจเรียน ค่ำก็เมาแล้วตามไปต่อในห้องหนุ่มหล่อ หนังให้เราได้เห็นชีวิตของทรีในวันเกิดของเธอ เธอตื่นมาในห้องของคาร์เตอร์นักศึกษาหนุ่มที่เธอเองก็จำชื่อไม่ได้ด้วย ก่อนจะพาร่างที่ยังแฮ้งเซ ๆ กลับห้องตัวเอง จิ๊จ๊ะกับเพื่อนสาว 2-3 ราย ลงท้ายด้วยปาร์ตี้ต่อในคืนถัดมา แต่ระหว่างเดินไปงานปาร์ตี้เธอก็โดนฆาตกรสวมหน้ากากฆ่าตายโดยไม่ทราบเหตุจูงใจ ทรีตื่นมาในห้องคาร์เตอร์อีกรอบ ยังคิดว่าตัวเองเกิดอาการเดจาวู แต่แล้วกิจวัตรก็ดำเนินเหมือนเดิมเป๊ะ เธอจึงมั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง ทรีหาทางเอาชีวิตรอดเพื่อให้หลุดจากวังวนนี้ และต้องกระชากหน้ากากเปิดเผยตัวตนฆาตกรให้ได้
Happy Death Day มีส่วนผสมของหนังหลายแนว ทั้งเรื่องชีวิตติดวังวนในวันเดิม ๆ ที่มี Groundhog day (1993) เป็นต้นแบบ ในเรื่องก็ยังเอ่ยชื่อหนัง Groundhog day กันอย่างชัดเจนอีกด้วย ผสมเข้ากับหนังฆาตกรสวมหน้ากากที่ฮิตกันมากในยุคปลาย 90s เป็นส่วนผสมที่ออกมาได้ทั้งอารมณ์สยองขวัญ ได้ลุ้นให้ทรีเอาชนะฆาตกรได้ในแต่ละวัน ได้อารมณ์สืบสวนดูไปก็ชวนให้คิดตามไปว่าใครบ้างที่มีความแค้นกับทรี ระหว่างทางก็มีสอดแทรกอารมณ์ขันเล็กน้อยพองาม แต่ที่ขาดไม่ได้คือบทกุ๊กกิ๊กของคู่หนุ่มสาวตามอารมณ์หนังวัยรุ่น จุดที่ดีมากคือลูกเล่นของบท ที่ล่อหลอกคนดูให้หลงกล เผยตัวฆาตกรได้แบบคาดไม่ถึง และเก็บทีเด็ดไว้เกือบท้ายสุดของเรื่องจนคิดว่าจะจบแล้ว แต่ไอ้ที่ต่อมาเนี่ยล่ะถือว่ายกระดับหนังและทำให้จุดด้อยต่าง ๆ ดูเบาบางลงไปเลย
เหมือนจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วกับหนังวนลูปวันเดิม ที่นอกเหนือจากประเด็นหลักทีว่าตัวละครจะต้องหาทางออกจากวันนี้ให้ได้ ก็คือพัฒนาการนิสัยสันดานของตัวละคร เช่นเดียวกับ “ฟิล” ใน Groundhog day ที่เริ่มต้นเป็นคนเห็นแก่ตัว จิตใจแห้งแล้งจนพระเจ้าต้องดัดสันดานให้เขาติดอยู่ในวันเดิมเพื่อเป็นการดัดสันดาน ซึ่ง Happy Death Day ก็ยังคงดึงประเด็นจุดนี้มาใช้ด้วย กับนิสัยที่ไม่น่ารักของทรีที่ร้ายแบบไม่เอาใครทั้งเพื่อน ทั้งพ่อแม่ จนได้รับประสบการณ์ในวันเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ได้มองเห็นพฤติกรรมของตัวเองต่อคนรอบข้างและเริ่มปรับปรุงตัวเป็นทรีในเวอร์ชั่นที่น่ารักขึ้น เนื้อหาหนังดูไปละม้ายกับ Before I Fall หนังติดวังวนเช่นเดียวกันที่เพิ่งออกฉายไปเมื่อกลางปีนี้ ที่นางเอกตายแล้วก็ตื่นขึ้นมาในวันเดิม ต่างกันนิดที่เรื่องนั้นตายด้วยอุบัติเหตุ
แม้หน้าหนังจะดูว่าเป็นหนังโหด ฆาตกรสวมหน้ากากถือมีดเล่มโตไล่แทงหญิงสาว แต่เอาเข้าจริงแล้ว Happy Death Day กลับไม่โหดอย่างที่คิดนะครับ หนังไม่มีฉากแหวะเลย เห็นเลือดน้อยมากด้วยซ้ำ ไม่มีภาพเหยื่อโดนฆ่าแบบจะ ๆ ฆาตกรเงื้อมีดขึ้นก็ตัดภาพมาเป็นทรีตื่นขึ้นมาใหม่อีกรอบเลย แม้ว่าหน้ากากเบบี้ที่ฆาตกรในเรื่องนี้สวมจะออกแบบโดยดีไซเนอร์คนเดียวกับที่ออกแบบ Ghost Face จากหนัง Scream ที่รู้จักกันไปทั่วโลก แต่ตัวหนังเองก็ไม่ได้พยายามที่จะเน้นหนักไปกับความโหดของตัวฆาตกร ซึ่งแต่ละครั้งที่หน้ากากเบบี้โผล่ออกมาก็เลยไม่ได้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไปกับชะตากรรมตัวละครเท่าใดนัก และก็ไม่มีฉากตุ้งแช่ด้วยซ้ำ แต่บทหนังเลือกจะเน้นไปกับการไล่ล่าหาตัวตนฆาตกรเสียมากกว่า
หนังกำกับโดย คริสโตเฟอร์ แลนดอน ผู้กำกับที่ก้าวมาจากมือเขียนบท เคยเขียน Paranormal Activity 2 , 3 , 4 , 5 แต่รอบนี้ขยับตำแหน่งมากำกับอย่างเดียวแล้วให้ สก๊อต ลอบบ์เดล มือเขียนบทที่เคยมีแต่ผลงานทีวีซีรีส์มารับหน้าที่เขียนบทไป ซึ่ง Happy Death Day ก็จะกลายเป็นผลงานเด่นในเครดิตของเขาไป หนังทำกำไรได้ขนาดนี้เชื่อว่ายูนิเวอร์แซลจะต้องดันภาค 2 ออกมาแน่นอน สงสัยทรีคงต้องกลับไปติดในวันเดิม ๆ อีกรอบล่ะมั้ง