ความรู้สึกแรกหลังออกจากโรงมา คือคำถามที่ให้ตัวเองว่า จำได้ไหมว่าเริ่มตกหลุมรักวิชาศิลปะตอนไหน เริ่มชอบการถ่ายรูปเมื่อไหร่ เคยคิดถึงใบหน้าของคนที่เกือบลืมเลือนไปแล้วบ้างไหม แล้วยิ้มให้กับการดูหนังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หนังสารคดีเรื่องนี้ดูง่ายและงดงามอย่างยิ่งใหญ่ ไม่บ่อยครั้งที่เราจะพูดว่าหนังเรื่องนี้เรียบง่ายแต่งดงามและยังดูสนุกด้วย โดยเฉพาะสารคดีที่ดูเป็นของแสลงของใครหลายคน แต่กับเรื่องราวการเดินทางของคู่ซี้สุดยอดศิลปินระดับโลกที่ต่างวัยราวยายกับหลานคู่นี้มันมีความน่ารักมุ้งมิ้ง ง้องอน และให้ความตระหนักคิดถึงคุณค่ากับการเฉลิมฉลองชีวิตอย่างลึกซึ้ง ทั้งยังชวนตั้งคำถามในตอนต้นย่อหน้านี้และช่วยให้เราตอบในใจไปพร้อม ๆ กันครับ
Faces Places ถ่ายภาพเธอไว้ให้โลกจดจำ เป็นหนังสารคดีที่บันเทิงใจ และน่าจับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว เพราะนอกจากตัวหนังที่น่าสนใจมาก ๆ แล้ว หนังยังได้รางวัลประเภทหนังสารคดียอดเยี่ยมจากหลายสำนัก และยังเป็นหนังสารคดีเรื่องแรกที่สามารถด้วยทำคะแนนรวมสูงสุด 95% มากกว่าหนังทุกเรื่องในปี 2017 จากเว็บดังอย่าง Metacritic ด้วย
เรื่องราวว่าด้วย 2 ศิลปินต่างวัย ซึ่งมีชื่อเสียงมาก ๆ ทั้งคู่ หนึ่งคือ อานเญส วาร์ดา ผู้กำกับหญิงชาวเบลเยี่ยม วัย 89 ปี เจ้าของรางวัลออสการ์เกียรติยศ ซึ่งเธอยังเป็นผู้กำกับหญิงคนแรกด้วยที่ได้รับรางวัลนี้ อานเญสเป็นเจ้าแม่ในสายหนังเฟรนช์นิวเวฟที่โด่งดังในยุค 1970 เธอเป็นอิทธิพลมากมายให้วงการหนังในยุคหลัง
ส่วนอีกคนคือศิลปินรุ่นลูก ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายและอินสตอลเลชันแนวสตรีท ชาวปารีส วัย 34 ปี อย่าง เจอาร์ ผู้ได้รางวัลสาขาภาพถ่ายบันเทิงยอดเยี่ยมจากเวทีประกวดภาพถ่ายสื่อมวลชนโลก และมีผลงานที่น่าตื่นตะลึงสาธารณชนมาแล้วมากมาย
ทั้งคู่มีภารกิจที่น่าสนใจมาก ๆ ในการเดินทางไปพบปะผู้คนในย่านหมู่บ้านชนบทของฝรั่งเศส เพื่อพูดคุยและรู้จักตัวตนของผู้คนต่าง ๆ ก่อนจะทำภาพพอร์เทรทขนาดยักษ์ของผู้คนเหล่านั้น หรือสิ่งสำคัญ ความทรงจำของสถานที่นั้น ๆ ลงบนสถานที่ต่าง ๆ เช่นอาคาร กำแพง สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่สถิตย์แห่งความทรงจำทั้งมวล
“นี่คือรถตู้ที่ผมขับไปทั่วโลก คนจะเข้าไปด้านหลัง เหมือนบูธถ่ายรูป แล้ว 5 วินาที ภาพก็จะไหลออกมาข้างๆ ขนาดใหญ่เบ้ง”
เจอาร์ ได้ทำโปรเจ็กต์ชื่อ Inside Out Art Project ที่ถ่ายทอดเรื่องราวหรือผู้คนที่ถูกซ่อนอยู่ คนธรรมดาทุกคนมีเรื่องราว บางเรื่องก็น่าฟัง หรือควรต้องฟังเสียด้วยซ้ำ หนังเรื่องนี้จึงเป็นการที่เราเดินทางร่วมกับทั้งเจอาร์ และอานเญส รวมถึงผู้คนทุกผู้ทุกคนที่มีเรื่องเล่ามีความทรงจำมีความผูกพันกับสถานที่ เหมือนชื่อเรื่องในภาษาฝรั่งเศษที่ว่า Visages, villages หรือ ใบหน้ามากมาย กับหลากหลายหมู่บ้าน
Face (Visages) – ใบหน้าคนเรางดงามนะ แต่ละใบหน้าล้วนมีเรื่องราว
อานเญส พูดกับเจอาร์ว่า “เธอเติมเต็มความปรารถนาสูงสุดของฉัน คือการได้พบเจอใบหน้าใหม่ ๆ แล้วถ่ายเก็บไว้ เพื่อไม่ให้มันหล่นหายไปในช่องว่างแห่งความทรงจำ” จากใบหน้าคนแปลกหน้าเมื่ออานเญสกับเจอาร์เข้าไปพูดคุย เราได้รับรู้ตัวตนของเขาใบหน้านั้นเริ่มไม่แปลกหน้า ใบหน้าจึงเริ่มเป็นความผูกพันเป็นความทรงจำร่วมกันและสิ่งที่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามมาก บางใบหน้าไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วแต่มีความสำคัญในหัวใจของคนที่อยู่ ใบหน้าจึงมิใช่เพียงภาพที่ฉาบอยู่บนผนัง แต่อาจมีพลังก้าวโพ้นกาลเวลาได้เช่นกัน
เจอาร์ สามารถจับอารมณ์ของใบหน้าและรายละเอียดออกมาได้อย่างสวยงาม ในขณะที่ อานเญส ก็ให้ความสำคัญกับดวงตาของผู้คนอย่างมาก เพราะตลอดชีวิตเธอใช้ดวงตาเฝ้ามองผู้คนและพบว่ามันคือหน้าต่างของหัวใจ คงมีเพียงเจอาร์เท่านั้นที่อานเญสไม่สามารถยุให้ถอดแว่นดำกับหมวกใบงามที่เป็นเหมือนเครื่องแบบของเขาได้สักที
Places (Villages) – สถานที่ ที่ไม่ใช่เพียงอาคาร
อานเญส พาเราไปยังหมู่บ้านที่เธอล้วนเคยมาเยือน หนึ่งเพราะเธอมีความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับมัน ทั้งเป็นที่ที่เธอเคยถ่ายหนัง หรือมาเยี่ยมเยียนคนรู้จัก และอีกเหตุผลคือเธอต้องการให้เจอาร์ได้รู้จักผู้คนบ้าง “เธอมันเป็นศิลปินที่อยู่แต่ในเมือง” อานเญสบอก ในขณะเดียวกันเจอาร์ก็พยายามโน้มน้าวให้อานเญสไปเยือนโกดังท่าเรือด้วยเหตุผลว่า “ที่นี่มีความเป็นหมู่บ้านเหมือนกัน” นำเสียงเจอาร์ดูเหมือนแค่อยากหยอกอานเญสเล่น แต่ในขณะหนึ่งมันก็ขยายพื้นที่ของคำว่า หมู่บ้าน หรือสถานที่ ให้กว้างออกไปมากกว่าอาคารบ้านเรือนที่อยู่รวมกัน ที่ใดที่มีชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสังคมมันก็คือหมู่บ้านเช่นกัน และมันก็เรื่องราวและความทรงจำไม่ต่างกัน
เมื่อรวมร่างของทั้งใบหน้าและสถานที่ กับคาแรกเตอร์ของสองศิลปินใหญ่ หนังเรื่องนี้เลยพิเศษเอามาก ๆ และเผยความลับนิดหนึ่งสำหรับใครที่เป็นคอหนังยุคคลาสสิก ยิ่งแฟนเฟรนช์นิวเวฟ หนังเรื่องนี้มีไฮไลท์ที่ว้าวมากครับ หนังเข้าฉายเฉพาะเครือ SF ตั้งแต่ 11 มกราคม เป็นต้นไปครับ