เราจะไม่พูดถึงเนื้อเรื่องเลยแล้วกันถึงแม้เราจะติดสัญญากับทางค่ายหนังดิสนีย์ห้ามพูดถึงเนื้อหาหนังไว้เพียงถึงเช้าวันแรกที่หนังเข้า แต่เราดูแล้วมันไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลยที่เราควรพูดถึงส่วนใดส่วนหนึ่งในหนัง เพราะมันพีคทุกส่วนเลยน่ะสิ จะหยิบจับอะไรมาพูดก็ล้วนดูสปอยล์ไปหมด (คนที่ดูแล้วก็อาจคิดคล้าย ๆ กัน) และเราก็อยากให้ทุกคนสัมผัสอารมณ์แบบเต็ม ๆ ในการดู เช่นที่เราได้รับโอกาสในรอบสื่อ ดังนั้นเราจะรีวิวมันในแบบที่ไม่พูดถึงเนื้อหาใด ๆ เลย สบายใจได้
หนัง Avengers เข้าสู่ภาคที่ 3 ในชื่อ Infinity War ท่ามกลางการฉลองครบรอบ 10 ปี ตั้งแต่ที่หนังมาร์เวลเรื่องแรกอย่าง Iron Man (2008) ฉายแสงสีฟ้าที่หน้าอกจนสั่นสะเทือนไปทั้งโลก จนผ่านการรวมตัวกันของเหล่าฮีโร่ชุดหลักของค่ายครั้งแรกในหนัง The Avengers (2012) และภาค 2 ใน Avengers: Age of Ultron (2015) ที่ดูเหมือนว่ามาร์เวลตั้งใจให้หนัง Avengers จะเป็นหนังรวมฮีโร่ที่มาสรุปชุดหนังของค่ายในแต่ละช่วง (ซึ่งมาร์เวลเรียกว่า เฟส) นั่นทำให้ Infinity War จะกลายเป็นหนังที่นำสู่การจบเฟสที่ 3 โดยจะมีหนัง Avengers 4 ที่ยังไม่มีชื่อภาคในตอนนี้ มาเป็นตัวนำสู่เฟสที่ 4 อย่างแท้จริง
ที่เกริ่นมาเพื่อให้เห็นว่าทั้งค่ายหนัง และคนดูต่างกรำศึกในการติดตามเหล่าฮีโร่ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชุดหลักอย่าง ไอออนแมน ฮัลค์ ธอร์ กัปตันอเมริกา และชุดเสริมที่ตามมาสมทบนับแต่เฟส 2 เป็นต้นมาทั้ง แก๊งการ์เดี้ยนออฟเดอะแกแล็กซี่ แอนท์แมน ดร.เสตรนจ์ สไปเดอร์แมน แบล็กแพนเธอร์ ยังไม่นับเหล่าตัวละครรอง ๆ อีกมากมายอย่าง นิค ฟิวรี่ แบล็กวิโดว์ ฮอว์กอายส์ เป็นอาทิ ที่ล้วนค่อย ๆ เป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ดูหนัง หรือแม้แต่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหลาย ๆ คน นั่นคือระยะเวลาถึง 10 ปี ถ้าเทียบเป็นคนที่คบกัน 10 ปี ความสัมพันธ์นี้คงเรียกได้ว่า เพื่อนแท้ เลยทีเดียว
Infinity War จึงเป็นหนังที่ได้รสพิเศษหรือเรียกว่าอิ่มใจที่สุดสำหรับเฉพาะเพื่อนที่ติดตามมาอย่างยาวนาน ใครที่เป็นสาวกคงพูดได้เพียงว่าระหว่างดูจนออกจากโรง จนกลับบ้าน มันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เราอิ่มในอารมณ์ และคันคะเยอในการที่จะต้องแชร์ความรู้สึกหรือแบ่งปันถกเถียงกับเพื่อนคอเดียวกันอย่างที่สุด จึงไม่แปลกใจว่ามันจะมีคนไม่น้อยที่อยากสปอยล์ด้วยความรู้สึกแบบแฟนพันธุ์แท้ที่ดีใจ-อิ่มใจกับสิ่งที่รักแบบสุด ๆ ไม่ใช่สปอยล์เพื่อกลั่นแกล้งใคร (ซึ่งก็มีและเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ) ดังนั้นก็ตัวใครตัวมันนะครับ รีบไปดูให้เร็วที่สุดก่อนสปอยล์จุดใหญ่สุดของหนังจะลอยมาถึงตาและหูของเรา
ส่วนถ้าว่าไม่ใช่แฟนหนังอย่างที่บอก หนังอาจไม่ใช่รสสากลแบบ Ready Player One ที่ผมบอกได้ว่าคุณไม่รู้จักกันดั้มไม่เป็นไร คุณจะยังดูสนุกอยู่ หนังอย่าง Infinity War เป็นอีกประเภทหนึ่งเลย คือมันเป็นหนังที่ต้องอาศัยความรู้จักตัวละครในเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมา ต้องรู้ความสัมพันธ์และสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เพราะ 10 ปี ที่ผ่านมาเกิดการแบ่งฝ่าย การเข้าคู่แบบทั้งดี และไม่ลงตัวมากมาย ที่เด่นชัดสุดคงเป็นใน Civil War ที่สร้างฉากหลังให้จักรวาลใหม่ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไว้อย่างยิ่งยวด แล้วความสุดเจ๋งของ Avengers ภาคนี้คือมันผูกเรื่องยึดโยงทุกเนื้อหามาได้อย่าง ว้าว แบบที่บางเรื่องเราลืมไปแล้วมันก็ได้รับการกลับมาพูดถึงอีก ความสัมพันธ์ที่ทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งไม่ชัดเจน นับตั้งแต่ Avengers ภาคแรก ได้รับการผูกซ้ำแล้วสร้างอารมณ์ทางลึกแบบผู้ใหญ่
หนังเรื่องนี้มีตัวร้ายที่ร้ายสุด ๆ เก่งสุด ๆ และทำให้เราเกลียดน้อยลงได้ระหว่างการเดินไปของเรื่อง นี่มันคือรสแบบที่ไม่มีทางเจอในหนังเด็กน้อยอีกแล้ว นี่คือหนังที่โตมากับเด็กคนเมื่อ 10 ปีก่อน แล้วตอนนี้พร้อมรับอะไรหม่น ๆ ดาร์ก ๆ เข้าใจชีวิต เหมือนนักดื่มที่เข้าใจความสวยงามในรสขมของสุราแล้วนั่นล่ะ ดังนั้นอาจมีทั้งคนที่รักมันและเกลียดมัน แบบที่ดิสนีย์เคยทำใน The Last Jedi เพราะหนังที่ยิ่งใหญ่มันสร้างแรงกระเพื่อมและข้อถกเถียงได้กว้างใหญ่กว่าตัวมันเสมอ และ Infinity War ก็เช่นกัน บอกเลยว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะอวย หรือจะเกลียด มันคือหนังที่ต้องดูแค่นั้น เรื่องหลังจากนั้นมันคือต้นทุนของแต่ละคนที่สร้างมาเพื่อเก็บบางอย่างกลับไป บางคนอาจได้ประเด็นความเป็นเพื่อน บางคนความเป็นพ่อ บางคนความเป็นลูก หรืออะไรอื่น ๆ อีกมาก แต่มันจะไม่มีทางเป็นหนังแบบที่โคตรสนุกแล้วออกมาหัวโล่งเบาหวิวไม่มีอะไรติดกลับไปแน่นอนครับ
แต่ถึงจะอย่างนั้นมันก็มีส่วนที่ชอบมาก และไม่ชอบอยู่บ้างครับ ข้อดีมาก ๆ ของหนังเรื่องนี้คือการที่มันยั่วลวงคนดูไว้อย่างฉลาดก่อนหนังจะออกฉาย อย่างการที่ มาร์ก รัฟฟาโร่ จอมสปอยล์แต่ก็ขี้แกล้งแห่งมาร์เวลออกมาพูดว่าคุณจะเสียน้ำตาให้หนังเรื่องนี้ กับข่าวลือที่ไม่รู้จริง หรือแกล้งเล่น ที่ออกมารัว ๆ จากหลาย ๆ ทาง แล้วมันก็สร้างบรรยากาศของความไม่ปลอดภัยขึ้นตั้งแต่ก่อนชมสำเร็จจนได้ คนดูบางคนร่ำไห้เป็นบ้านเป็นบอโดยหนังยังไม่ออกฉายเสียอีก และเพราะแบบนี้ตลอดการชมคุณจะรู้สึกทันทีว่า “มันไม่มีที่ไหน หรือใครก็ตามในจักรวาล ที่จะปลอดภัยแบบชัวร์ ๆ” (ซึ่งเราไม่รู้หรอกครับว่ามันจะจริงตามที่ลือหรือไม่ เพราะมันคือลือ ไม่ใช่สปอยล์)
ธานอส คือตัวร้ายที่มีมิติอย่างที่บอก ว่าเราค่อย ๆ เข้าใจการกระทำเขาขึ้นเรื่อย ๆ และเกลียดเขาลดลง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ทำให้เรารู้สึกรักขึ้นได้เลยแม้แต่สักนิด (นี่มันอะไรกัน!)
เรื่องราวนี้ยังตัวละครมากมายที่เข้ามาสานเรื่องราว บางเรื่องราวเราคิดว่าเราเดาได้แน่ ๆ แต่เอาจริงมันก็มีอะไรที่เหนือกว่าที่เราจะเดาไปอีก บางคนเรารู้ว่าเขาแสดงแน่ ๆ แต่พอเขาปรากฏตัวมันก็เซอร์ไพรส์กว่าที่คิดไปอีก มันคือการเดาความคาดหวังของคนดูแล้วใส่ +++ เข้าไป จนเราขนลุกได้ตลอดเวลา
ส่วนที่ไม่ชอบก็มีครับตรงนี้คงพูดได้โดยไม่สปอยล์ เพราะซีจีบางอย่างมันดูโลว์จนน่าเกลียดเลยโดยเฉพาะ ฮัลค์บัสเตอร์ ในซีนท้าย ๆ ที่เปิดเกราะ กับความแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ บางอย่างที่เราเคยรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ มาแล้ว ดีว่ามันไม่ใช่อะไรที่จะเป็นจะตายสำหรับหนังเรื่องนี้น่ะนะ
แล้วส่วนจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่เคยดูหนังพวกนั้นมาก่อน มันจะไม่ใช่แบบว่า อ่อไม่เป็นไร ตัวนั้นก็คือตัวร้าย นั้นคือฝั่งตัวดี เรื่องก็เดินไปแบบธรรมะชนะอธรรม เพราะตอนนี้มันเรียกร้องคนดูไปมากกว่านั้น มันไม่ย้อนความมันไม่เล่าเกริ่นอะไรอีกแล้ว เพราะมันคือหนังที่ใช้ประโยชน์จากเวลา 10 ปีอย่างคุ้มค่าทุกเม็ดทุกหน่วย แบบที่บอกว่าถ้ามาเมาไวน์ อย่าเสียเวลาเกริ่นด้วยน้ำองุ่น แล้วมันคือหน้าที่ของแฟนหนังที่ต้องพร้อมกับมันเองครับ ใครพาแฟนหรือเพื่อนที่ไม่เคยดูมาก่อนไป ก็ทำใจเลยครับว่าจะต้องตอบคำถามเพียบจนอาจเบื่อระหว่างดูไปเลย แนะนำให้ทำการบ้านกับคนที่พาไปดูสักนิดครับ แล้วจะเจริญใจกันทั้งสองฝ่ายแบบสุด ๆ