Our score
6.8The Meg : เม็ก โคตรหลามพันล้านปี
จุดเด่น
- แอ็คชั่นอัดแน่น ฉลามมาบ่อย
- ตัวฉลามทำได้น่ากลัวสมจริง
- ชอบการสร้างสมมติฐานโลกใต้ทะเลลึก
จุดสังเกต
- ความโหดยังถูกยั้งไว้เพื่อให้ได้ Pg-13
- ตรรกะความสมเหตุสมผลแทบไม่มี
- อวยจีน จนแทบจะเป็นหนังจีนแล้ว
- ฉากไคลแมกซ์เวอร์วังมากกกกก
-
คุณภาพงานสร้าง
7.5
-
เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
6.0
-
ความแปลกใหม่
5.0
-
ความสนุก
8.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
7.5
เรื่องความน่ากลัวของฉลามยังคงถูกนำมาใช้เป็นตัวร้ายในหนังฮอลลีวู้ดได้เรื่อย ๆ ทั้งหนังสตูดิโอใหญ่และหนังเกรดบี แต่ถ้าว่ากันเฉพาะฉลามยักษ์ก็ต้องมองย้อนไปถึง Jaws ตั้งแต่ปี 1975 นู่น วันที่สตีเวน สปิลเบิร์กสร้างฉลามยักษ์ให้เป็นอสุรกายที่ทำให้คนทั้งโลกแขยงกันไปหมดไม่กล้าลงทะเล การมาถึงของ The Meg เท่ากับเป็นการกลับมาของฉลามยักษ์ที่เราไม่ได้เห็นกันบนจอหนังมากว่า 40 ปี
นอกจากจะมีฉลามยักษ์เป็นจุดขาย แล้วก็ยังมีเจสัน สตาแธม ถูกใช้เป็นชื่อขาย เจสันห่างหายจากหน้าจอไปนานพอควร หลังจาก The Fate of the Furious ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็เพิ่งมีเรื่องนี้ล่ะ เขารับบทเป็นโจนาส เทย์เลอร์ กับอาชีพใหม่ที่เรา ๆ เพิ่งเคยเห็นกันคือ นักกู้ภัยทางทะเลลึก หนังมาตามสูตรพระเอกฮีโร่เป๊ะ ด้วยการเปิดเรื่องให้เห็นวีรกรรมของโจนาสในอดีต ที่เขาเคยมีตราบาปฝังใจช่วยชีวิตผู้ประสบเคราะห์ในเรือดำน้ำอับปางได้ไม่ครบทุกชีวิต และหนึ่งในนั้นคือเพื่อนร่วมทีมของเขา ตามฟอร์มของพระเอกฮีโร่ โจนาสหนีไปปลีกวิเวกเป็นเวลานาน
ตัดมาปัจจุบัน มอร์ริส มหาเศรษฐีที่ไม่รู้เอาเงินไปทำอะไร เลยเอามาลงทุนที่จีน สร้าง Mana One ศูนย์สำรวจโลกใต้ทะเลลึกในจุดที่คาดว่าจะลึกที่สุดในโลก หนังสร้างสมมติฐานได้น่าสนใจว่า พื้นก้นสมุทรที่มองเห็นนั้นแท้จริงคือกลุ่มก๊าซลอยตัวเป็นแผ่นปกคลุมอีกโลกไว้เบื้องล่าง Mana One ส่งเรือดำน้ำที่ออกแบบเพื่อสำรวจทะเลลึกลงไปโลกใต้สมุทรได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ เม็กกาโลดอน ฉลามยักษ์ที่เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 2 ล้านปี เรือดำน้ำโดนฉลามยักษ์โจมตีจนเสียหาย ร้อนถึง Mana One ต้องบินไปตามตัวโจนาส เทย์เลอร์ ที่มาตั้งรกรากอยู่ในไทย ให้มาช่วยเหลือลูกเรือทั้ง 3 และหนึ่งในนั้นคือ ลอรี่ อดีตเมียของโจนาส ที่เวลาจะรอดชีวิตเหลือน้อยเต็มที แต่การที่โลกภายนอกรุกล้ำเข้ามาในโลกใต้สมุทรนี้ เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เจ้าเม็กกาโลดอน ได้ออกมาสู่มหาสมุทรเบื้องบนอีกครั้ง
The Meg ก็เป็นหนังเอาใจตลาดทุนสูงอีกเรื่องที่ยังคงใช้ทุนสร้างจากจีน ซึ่งเป็นกระแสหลักของหนังฮอลลีวู้ดในช่วงหลังนี้ อย่างเช่น Skyscraper และ Mission : Impossible Fallout และ Pacific Rim Uprising เมื่อใช้ทุนจากจีน หนังจึงต้องกำหนดว่าเหตุการณ์เกิดในจีน และมีดาราจีนมาเป็นดารานำ แต่ The Meg เป็นหนังที่ออกจะสื่อถึงความเป็นจี๊นจีนมากกว่าทุกเรื่องข้างต้นที่กล่าวมา นอกจากกำหนดให้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในทะเลจีนแล้ว ดอกเตอร์จาง หัวหน้าหน่วย Mana One ก็ยังเป็นจีน และบท ชูหยิน นางเอกของเรื่องก็ตกเป็นหน้าที่ของ หลี่ ปิงปิง นางเอกจีนที่ไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดมาแล้วหลายเรื่อง ก็นับว่าเป็นนางเอกของเรื่องที่ค่อนข้างสูงวัย เพราะปีนี้เธอปาไป 45 ขวบแล้ว แต่หน้านี่ตึงเป๊ะ แล้วบทของเธอก็ถูกเขียนให้เป็นลูกสาวของดอกเตอร์จาง ที่รับบทโดย วินสตัน เชา ซึ่งแก่กว่าเธอแค่ 15 ปีเท่านั้น
และรายที่หลาย ๆ คนน่าจะรักคือ ชูย่า โซเฟีย ไค สาวน้อยวัย 8 ขวบในบท เหมยอิง ลูกสาวของ ชูหยิน เธอเป็นสาวน้อยที่มีเสน่ห์มาก หน้าตาน่ารัก เล่นหนังได้ลื่นไหล เสียที่ว่าบทเขียนให้เธอเป็นเด็กแก่แดดเกินวัย ดาราจีนเต็มไปหมดแบบนี้ จะมองในมุมกลับว่าเป็นหนังจีนแล้วจ้างเจสัน สตาแธมมาเล่นก็ไม่ผิด บทโจนาสของเจสัน สตาแธม นี่ก็เก่งแบบเวอร์วังมาก เก่งแบบไม่ใช่คนแล้ว โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์นี่ต้องร้อง โอ้วววว
ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน คือหนังพูดถึงเมืองไทยเยอะมาก และมาถ่ายทำในไทยด้วย ในเรื่องเขียนว่า โจนาส เทย์เลอร์ มาอยู่ในสมุทรปราการ แต่ดูในภาพน่าจะไปถ่ายที่เมืองท่องเที่ยวสักแห่งนี่ล่ะ แต่ภาพที่ออกมานี่ไม่น่าดูเอาซะเลย บรรยากาศซอมซ่อล้าหลังมาก มีพี่ปู วิทยา ปานศรีงาม ดาราไทยขาประจำในหนังฮอลลีวู้ด โผล่มาแวบนึงด้วย
บทหนังให้เครดิตว่าดัดแปลงมาจากนิยาย Meg: A Novel of Deep Terror ของสตีฟ อัลเท็น ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1997 แต่เนื้อหาในหนังแทบไม่มีอะไรเหมือนนิยายเลย นอกจากมีพระเอกชื่อโจนาส เทย์เลอร์ เหมือนกันเท่านั้น ถ้าแปลงซะขนาดนี้ไม่ต้องไปให้เครดิตนิยายเขาก็ได้นะ บทหนังแทบไม่มีตรรกะอะไรสมเหตุสมผลเลย สนใจเพียงแค่ว่าเขียนเส้นเรื่องอย่างไรให้สอดแทรกสถานการณ์ตื่นเต้นมาได้เรื่อย ๆ เท่านั้น ซึ่งจุดนี้ก็ถือว่าทำได้สำเร็จ หนังเดินเรื่องเร็วมาก ไม่ต้องลุ้นรอฉลามยักษ์กันนาน ออกมาโชว์โฉมตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง ตัวฉลามทำได้น่ากลัว สมจริง ออกมาอาละวาดบ่อย พิษสงเยอะ มีทั้งฉากให้ลุ้น สะดุ้งตุ้งแช่ และเซอร์ไพรส์ให้เหวอกันช่วงกลางเรื่อง
พลอตค่อนข้างมาในสไตล์ Slash Film คือสร้างตัวละครมาเยอะ ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เขียนให้กลายเป็นเหยื่อทีละคน หลาย ๆ คนก็เดาได้ล่วงหน้าว่า “ไอ้นี่….ไม่น่ารอด” และบางรายก็ตายแบบโง่ ๆ ช่วงท้ายเหมือนว่าคนเขียนคงรู้สึกว่าหนังขาดดราม่า ก็เลยใส่ฉากดราม่าเข้ามาซะหน่อยนึง ดนตรีมา โคลสอัปหน้าดาราน้ำตาไหลพราก พยายามบิลท์กันอยู่ครู่นึง แล้วก็ถูกลืมหายไป มีมาแล้วรู้สึกเกิน ๆ แบบนี้ ไม่ต้องมีก็ได้นะ
หนังได้จอน เทอร์เทิลทอบ ผู้กำกับขาเก๋ามารับหน้าที่ ถ้ามองผลงานที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ตรงแนวนัก เพราะจอน ถนัดมากกับหนังคอมมีดี้ หรือผจญภัยใส ๆ สไตล์ดิสนีย์ ผลงานดัง ๆ ของเขาอย่างเช่น National Treasure ทั้ง 2 ภาค , The Sorcerer’s Apprentice พอมาจับ The Meg โทนสยองก็เลยเบาบางมาก ฉากฉลามกินคนก็เลยมาแบบแวบ ๆ ตัดไปเร็ว ๆ ไม่ถึงขั้นหวาดเสียวถึงกับต้องปิดตา ชวนหญิงไปดูได้เลย มันไม่มีฉากอี๋แหยะ ไม่สยองอย่างที่คิด เพราะหนังกลัวว่าจะได้เรต R ก็เลยยั้งไว้ที่ PG-13 พอ ยังดีที่ว่าหนังอัดฉากแอ็คชั่นมาถี่ ก็เลยได้ลุ้น และตื่นตาไปกับการโจมตีของเม็กกาโลดอนแทบตลอด 2 ชั่วโมง แต่ถ้าวัดกันถึงความน่าสะพรึงของตัวฉลาม The Meg ยังทำได้ห่างชั้น Jaws เมื่อ 40 ปีก่อน แม้นั่นจะเป็นผลงานแรก ๆ ของสตีเวน สปิลเบิร์ก ด้วยซ้ำและเทคโนโลยีหุ่นและซีจีในวันนั้นก็ยังล้าหลังอยู่มาก
สรุปได้ว่า The Meg เป็นหนังที่ตอบสนองความบันเทิงได้ดีเยี่ยม อยากเห็นฉลามก็ได้เห็นแบบจุใจ ได้ลุ้น ได้สะดุ้ง มีมุกตลกสอดแทรกเป็นระยะ ดูแล้วสนุกคุ้มกับเวลาและค่าตั๋ว แต่ห้ามคิดหาตรรกะสาระใด ๆ จากหนังเรื่องนี้ ไม่งั้นจะหงุดหงิด เพราะสุดท้ายสิ่งที่หนังไม่ได้พูดถึง คือแท้จริงแล้วมนุษย์ทุกคนในเรื่องนี่แหละคือตัวร้ายหมด ฉลามมันก็อยู่ของมันดี ๆ ลงไปรบกวนมันเองนะ พอมันหงุดหงิดก็ไปตามฆ่ามัน หนังใช้ทุนสร้างไปค่อนข้างสูง ถึง 150 ล้านเหรียญ แต่ตัวเลขขนาดนี้ ถ้าถูกใจตลาดจีนนะ กำไรเละเทะ เราได้ดู MEG , MEG3 กันอีกแน่