แม้ว่าหน้าหนัง Once Upon a Time in Hollywood จะเน้นขายชื่อ ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ และ แบรด พิตต์ ในฐานะ 2 ดารานำ ในบทนักแสดงชื่อดังและสตันท์แมนคู่ใจที่เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาใหม่ในเรื่องนี้ ที่พาเราหวนกลับไปสู่บรรยากาศของวงการภาพยนตร์ในปลายยุค 60s แต่บรรดาตัวละครรายรอบ ริค ดาลตัน และ คลิฟ บูธ ก็ล้วนมีตัวตนจริงและมีอิทธิพลต่อวงการฮอลลีวู้ดอย่างมากในยุคนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่หนังไม่ได้หยิบมาพูดถึงในตัวอย่างหนัง แต่คนรุ่นก่าที่ยังจำเรื่องราวช็อกโลกในวันนั้นได้ก็คือคดีฆาตกรรมสุดโหดที่เกิดจากฝีมือของ ชาร์ล แมนสัน ผู้ก่อตั้งกลุ่ม “แมนสันแฟมิลี” ที่เควนติน ทาแรนติโน ได้พาเรื่องราวให้ Once Upon a Time in Hollywood ไปลงเอยด้วยการพัวพันกับภารกิจโหดของชาร์ล แมนสันและพรรคพวก บทความนี้จะพาไปให้รู้จักตัวตนและวีรกรรมโหดของชาร์ล แมนสัน สามารถอ่านก่อนไปดูหนังได้ ไม่ได้อ้างอิงถึงเนื้อหาในหนัง หรือดูหนังแล้วมาอ่านก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฆาตกรจากนรกผู้นี้
1.ชาร์ล แมนสัน ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิมของเขา ตอนที่เขาเกิดได้ระบุชื่อเขาในสูติบัตรว่า “no name maddox”นามสกุล maddox นั้นเป็นนามสกุลของแม่ที่มีวัยเพียง 16 ปี
2.ปัญหาทางจิตของชาร์ล แมนสัน น่าจะมีผลมาตั้งแต่รากเหง้าในครอบครัวที่เขาถือกำเนิด ตอนที่เขายังเป็นเด็กเล็กอยู่นั้น แม่ของเขายังเคยเอาชาร์ลไปแลกกับเบียร์มาเพียงแค่เหยือกเดียว โชคดีที่ลุงของชาร์ลรู้เรื่องเข้า ไปตามเอาตัวชาร์ลกลับมาได้
3.ตลอด 20 ปีแรกของชีวิต ชาร์ล แมนสัน เข้าออกโรงเรียนดัดสันดานและคุกเป็นว่าเล่น ช่วงที่อยู่ในคุก ชาร์ลได้ลงเรียนคอร์สพิเศษ ที่สอนเนื้อหาจากหนังสือ “วิธีการเอาชนะใจเพื่อนและสร้างแรงจูงใจต่อผู้คน” เขียนโดย เดล คาร์เนกี นักจิตวิทยาชื่อดัง
4.หลังพ้นโทษ ชาร์ล ได้เอาวิชาที่เรียนมาใช้ประโยชน์ได้สัมฤทธิ์ผล เขาก่อตั้ง “ลัทธิทางเพศ” มีสมาชิกเข้าร่วมมากกว่า 100 คน ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว อายุน้อยสุดเพียงแค่ 14 ปี ชาร์ล เรียกกลุ่มลัทธิของเค้าเองนี้ว่า “ครอบครัว”
5.ชาร์ล หว่านล้อมให้สมาชิกเชื่อว่าตัวเขาคือ พระเยซู กลับชาติมาเกิด และกิจกรรมของ “ครอบครัว” คือการเสพยา LSD ด้วยกัน
6.เมื่อมีสมาชิกมากขึ้นก็ต้องมีที่ทำการ ชาร์ล แมนสัน ได้พาครอบครัวไปตั้งรกรากกันในพื้นที่ Spahn Ranch ในลอส แองเจลิส บริเวณนี้เป็นไร่ปศุสัตว์ของชายตาบอดชื่อ จอร์จ สปาห์น อายุ 80 ปี ในภายหลังมีสมาชิกให้การว่า ชาร์ล แมนสัน ยุยงให้สมาชิกมีเพศสัมพันธ์กับจอร์จ สปาห์น เพื่อให้เขายินยอมให้ครอบครัวมาใช้พื้นที่
7.ในช่วงหนึ่ง ชาร์ล แมนสัน และครอบครัว ได้มาเกี่ยวพันกับ The Beach Boys วงพอปชื่อดังในยุคนั้น ชาร์ล สนิทกับ เดนนิส วิลสัน มือกลองของวง ถึงขั้นมีเซ็กส์หมู่ด้วยกัน เสพ LSD ด้วยกัน ความสนุกค่อนข้างเตลิดไปไกลจนเดนนิส วิลสัน เป็นโรคหนองใน เดนนิส จึงลากสมาชิกในครอบครัวแมนสันไปตรวจโรค
8.ชาร์ล แมนสัน ได้ร่วมแต่งเพลง “Cease to Exist” ให้กับ The Beach Boys ด้วย แต่สุดท้าย แต่เดนนิส วิลสัน ก็ถือวิสาสะเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น “Never Learn Not to Love.” แล้วไม่ให้เครดิต ชาร์ล แมนสัน แต่ลงชื่อเขาว่าเป็นผู้ประพันธ์เพลงเพียงคนเดียว แถมยังดัดแปลงเนื้อร้องบางส่วนด้วย เรื่องนี้สร้างความขุ่นเคืองให้กับชาร์ล แมนสัน เป็นอย่างมาก ถึงกับบุกไปถึงห้องนอน เดนนิส วิลสัน แล้วสาดกระสุนลงบนที่นอนเป็นการขู่
9.ปี 1968 เดอะ บีเทิลส์ ออกอัลบั้มชื่อ White Album เป็นอัลบั้มที่ชาร์ล แมนสัน โปรดปรานเป็นอย่างมาก เขาฟังมันจนทะลุปรุโปร่งถึงขั้นเชื่อไปเองว่า เดอะ บีเทิลส์ ซุกซ่อนนัยยะสำคัญเกี่ยวกับ “สงครามระหว่างเชื้อชาติ” ไว้ในอัลบั้มนี้ โดยเฉพาะในเพลง Healter Skelter ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจให้ ชาร์ล แมนสัน ปะทุสงครามเชื้อชาติขึ้นในที่สุด
10.ชาร์ล แมนสัน พยายามปลุกปั่นให้สังคมเกิดการเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเสียที เมื่ออดทนรอไม่ไหว ชาร์ล ตัดสินใจจุดชนวนความเกลียดชังคนผิวสีด้วยตัวเขาเอง ด้วยการก่อเหตุฆาตกรรมแล้วป้ายสีว่าเป็นฝีมือของคนผิวสี ในคืนหนึ่งชาร์ล แมนสัน นำสาวกชาย 1 หญิง 3 ประกอบไปด้วย เท็กซ์ วัตสัน , ซูซาน แอตกินส์ , ลินดา คาซาเบียน และ แพตทริเซีย เคนวิงเคิล บุกไปยังบ้านของ ชารอน เทต ดาราสาว แล้วฆ่าทุกคนที่อยู่ในบ้านนั้น
11.เหตุการณ์ภายในบ้านนั้น ดำเนินไปอย่างโหดร้ายอำมหิตชนิดที่ว่า ไม่น่าจะเป็นการกระทำต่อกันด้วยฝีมือมนุษย์ เมื่อสมาชิกครอบครัวแมนสันบุกเข้าไปถึงในตัวบ้านได้สำเร็จ ชารอน เทต และเพื่อน ๆ กำลังหลับสนิทหลังจากผ่านปาร์ตี้กันมา เท็กซ์ วัตสัน สมุนรายหนึ่งเป็นคนเปิดฉาก เขาปลุกเหยื่อรายหนึ่งด้วยการเตะเข้าที่หัว พอเหยื่อตื่นขึ้นมา ตกใจที่มีคนแปลกหน้าหลายคนบุกเข้ามาในบ้าน ร้องถามออกไปว่า “พวกแกเป็นใคร” เท็กซ์ ตอบอย่างใจเย็น “กูคือปีศาจ และกูมาที่นี่เพื่อทำภารกิจของปีศาจ”
12.ชารอน เทต ดาราสาวที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนครึ่ง ร้องขอชีวิตจากเหล่า ครอบครัวแมนสัน เธอยินยอมให้จับเธอเป็นตัวประกันแทน แต่ขอให้ไว้ชีวิตเธอเพื่อให้เธอได้มีวันเห็นหน้าลูก
13.ไม่มีความเมตตาจากสัตว์นรก ชารอน เทต เสียชีวิตจากการถูกแทงถึง 16 แผล, ลินดา คาซาเบียน หนึ่งในสมาชิกครอบครัวแมนสัน ให้การภายหลังว่า ชารอน เทต อยู่ในชุดนอนยาวสีขาว ทั่วร่างเธอเต็มไปด้วยเลือด ก่อนตายเธอกรีดร้องอย่างทรมาน ร้องขอความช่วยเหลือ แม้กระทั่งร้องเรียกหาแม่ของเธอเอง
14.ก่อนลาจากบ้านชารอน เทต, ชาร์ล แมนสัน สั่งให้สาวกหญิงทั้ง 3 คน “ทิ้งสัญลักษณ์อะไรไว้เสียหน่อย ให้มันดูเกี่ยวกับคาถามนตร์ดำนะ” สาวกหญิงรายหนึ่งจึงใช้เลือดของชารอนเขียนคำว่า “PIG” ไว้ที่ประตูหน้า
15.เหยื่อในคืนนั้นประกอบไปด้วย ชารอน เทต โพลันสกี ภรรยาของผู้กำกับชื่อดัง โรมัน โพลันสกี ที่บินไปถ่ายหนังในยุโรป และเพื่อน ๆ ของเธอคือ เจย์ ซีบริง ช่างทำผม, วอจเซียส ฟรายคาวสกี นักเขียนบทภาพยนตร์และแฟนสาวของเขา อบิเกล แอน ฟอลเกอร์ ในคืนนั้น สตีเวน แพเรนต์ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน ชารอน เทต ก็ตกเป็นเหยื่อไปด้วย
16.ชาร์ล แมนสัน คิดว่าการฆาตกรรมหมู่ชารอน เทต และเพื่อน ๆ เป็นผลงานที่ไม่ประณีตนัก เขายังไม่พอใจ คืนถัดมาชาร์ล แมนสัน เลยชวนสาวกให้ออกปฏิบัติการต่อ เขาขับตระเวณหาเหยื่อไปเรื่อย แล้วก็ตกลงใจเลือกคู่สามี-ภรรยา ลีโน และ โรสแมรี ลาเบียงกาเป็นเหยื่อผู้โชคร้าย รอบนี้ครอบครัวแมนสันสังหารเหยื่ออย่างทารุณกรรมด้วยมีดและส้อม
17.หลังสังหารคู่สามี-ภรรยา แล้ว ครอบครัวแมนสัน ยังไม่ลืมที่จะทิ้งข้อความไว้เช่นเคย ในรอบนี้พวกเขาเอาเลือดเขียนข้อความไว้บนตู้เย็นว่า “Healter Skelter”ชื่อเพลงของ เดอะ บีเทิลส์ และคำว่า “Death to pigs” บนผนังบ้าน แล้วก็อีกคำว่า “Rise”
18.ชาร์ล แมนสัน ถูกตำรวจตามจับได้ เขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่แล้วก็ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต แม้อยู่ในคุกเขาก็ยังคงมีสาวกที่มีความเลื่อมใสศรัทธาอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือเด็กสาว สตาร์ เบอร์ทอน วัย 25 ปี ที่แวะเวียนมาเยี่ยมชาร์ล แมนสัน ในคุกเป็นเวลาติดต่อกันถึง 9 ปี และเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้กับชาร์ล แมนสัน ผ่านหลายเว็บไซต์ ในปี 2014 ชาร์ล แมนสัน ประกาศว่าเขาได้หมั้นกับ สตาร์ เบอร์ทอน แล้วทำเรื่องขอทางเรือนจำให้จัดพิธีแต่งงานให้เขาและเธอ ผ่านมา 1 ปี ก็ไม่มีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น ทราบภายหลังว่า เหตุจากชาร์ล แมนสัน รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของ สตาร์ เบอร์ทอน ว่าที่เธอต้องการแต่งงานกับเขา เพราะเมื่อวันที่ชาร์ล เสียชีวิตแล้ว เธอต้องการร่างของชาร์ล แมนสัน ไปใส่ตู้โชว์เพื่อเก็บเงินนักท่องเที่ยว
19.ตลอดระยะเวลาที่ชาร์ล แมนสัน รับโทษอยู่ในเรือนจำ เขายื่นคำร้องขอทัณฑ์บนถึง 12 ครั้ง และถูกปฏิเสธทั้ง 12 ครั้ง ครั้งล่าสุดในปี 2012 และชาร์ล จะมีสิทธิ์ยื่นคำร้องอีกครั้งในอีก 15 ปี ถัดไป นั่นคือปี 2027 ถ้าชาร์ล แมนสัน ยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้น เขาจะอายุ 92 ปี
20.ชาร์ล แมนสัน เสียชีวิตในปี 2017 ด้วยวัย 83 ปี ส่วนสาวกอีก 3 ราย ที่ร่วมก่อเหตุฆาตกรรมทั้ง 2 คดี คือ เท็กซ์ วัตสัน, แพตทริเซีย เคนวิงเคิล และ เลสลี แวน ฮูเต็น ยังคงรับโทษจำคุกตลอดชีวิตอยู่ในเรือนจำ