Disney+ ช่องสตรีมมิงของดิสนีย์ที่เปิดบริการไปเมื่อ 12 พ.ย. 2019 แล้วประเดิมทีวีซีรีส์เรื่องแรกด้วย The Mandalorian เรื่องราวภาคแยกจากจักรวาลสตาร์วอร์ส ที่ว่าด้วยการผจญภัยของ แมนดาโลเรียน นักล่าเงินรางวัลมือพระกาฬระดับจักรวาล ที่สาวกคุ้นหน้าคุ้นตาจาก Boba Fett นักล่าเงินรางวัลเผ่าพันธุ์เดียวกันที่เคยปรากฏตัวมาในภาค Star Wars: Episode II Attack of the Clones แต่มีการลงลึกรายละเอียดถึง โบบา เฟ็ตต์ ในแอนนิเมชัน Star Wars: The Clone Wars
ส่วนเหตุการณ์ใน The Mandalorian เกิดในช่วงเวลา 5 ปี หลังจาก Return Of The Jedi ก่อนเหตุการณ์ใน The Force Awakens ซึ่งแมนดาโลเรียน ก็น่าจะเป็นสมาชิกในเผ่าพันธุ์เดียวกับโบบา เฟ็ตต์ แต่ห่างกันหลายสิบปี และใน The Mandalorian ก็ไม่มีการเอ่ยถึง โบบา เฟตต์ อีกด้วย แค่เพียงรู้ว่าพวกเขาเหล่านี้คือเผ่าพันธุ์นักล่าเงินรางวัลที่มีชื่อเสียงระดับจักรวาล และแต่ละคนจะไม่เผยตัวตนภายใต้หน้ากากให้ใครเห็น
แม้ว่า The Mandalorian จะเป็นเรื่องราวของนักล่าเงินรางวัลที่ออกไปปฏิบัติภารกิจมากมายใน 8 ตอนของซีซันแรก แต่หลังจากแพร่ภาพไปได้เพียง 3 ตอน ซีรีส์ก็ถูกพูดถึงกันมากในเรื่องโซเชียล แต่แทบไม่มีใครพูดถึงความเก่งกาจของ แมนดาโลเรียน เลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างชื่นชมไปกับความน่ารักของเจ้าเบบี้โยดา ที่ปรากฏตัวมาตั้งแต่ตอนแรกของหนังแล้ว และตั้งแต่นั้นเบบี้โยดา ก็ร่วมผจญภัยไปกับแมนดาโลเรียนในทุก ๆ ตอน เบบี้โยดา ยังพูดไม่ได้ ส่งเสียงงุ้งงิ้ง กระพริบตา ขยับหูใหญ่ ๆ ไปมา แค่นี้คนดูก็ลุ่มหลงกับความน่ารักของหนูน้อยตัวเขียวกันไปทั่วโลกแล้ว ไม่แปลกหรอกที่ยอดสมาชิก Disney+ ถึงพุ่งพรวดในระยะเวลาอันรวดเร็ว
นอกจากความน่ารักของเบบี้โยดาแล้ว เจ้าหนูน้อยตัวนี้ยังซ่อนปริศนาลึกลับไว้อีกมากมาย ทั้งที่ไม่มีใครรู้ว่าเผ่าพันธุ์ของเบบี้โยดามีชื่อว่าอะไร แต่ด้วยพลังความสามารถของเบบี้โยดาที่มีเหมือนกับอาจารย์โยดาของ ลุค สกายวอล์กเกอร์ ที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ในระยะไกล ตลอด 8 ตอนของซีรีส์ เบบี้โยดา ยังได้มีฉากเท่ ๆ ของตัวเองอีกหลายครั้ง ให้คนดูทั้งเป็นห่วงกลัวเป็นอันตราย ทั้งลุ้นเอาใจช่วย
ความดีความชอบทั้งหมดต้องยกให้คนนี้คนเดียวเลย จอน แฟฟโรว์ นักแสดงและผู้กำกับร่างท้วม ที่จับอะไรดูเป็นความเป็นสำเร็จไปเสียหมด ตั้งแต่เป็นผู้กำกับ Iron Man 1, Iron Man 2, The Jungle Book และ The Lion King แล้วล่าสุดก็เป็นผู้สร้างสรรค์ทีวีซีรีส์ The Mandalorian เรื่องนี้ล่ะ แล้วมันช่างเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะเสียจริง กับการเปิดตัวเบบี้โยดา มาในช่วงปลายปีแบบนี้ เพราะหลังจากทั่วโลกคลั่งไคล้เบบี้โยดากันเป็นที่เรียบร้อย ทางดิสนีย์ก็ปล่อยสินค้าเบบี้โยดาออกมากวาดเงินเข้ากระเป๋ากันแทบไม่ทัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต่างต้องมาชอปปิ้งซื้อของขวัญรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ดิสนีย์ก็มีทั้งเสื้อยืด, แก้วน้ำ, โมเดล รูปเบบี้โยดา และอีกหลากหลายสินค้ารูปเบบี้โยดา เรียกได้ว่าเงินลงทุนในการสร้าง The Mandalorian ที่ว่าสูงถึงตอนละ 15 ล้านเหรียญ นั้นสร้างกำไรกลับคืนมาแล้วไม่รู้กี่เท่า
ตอนนี้ The Mandalorian ก็เพิ่งจบซีซันที่ 1 ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง แฟน ๆ ของเบบี้โยดา ต้องรอกันไปอีกหนึ่งปี กว่าจะได้เห็นความน่ารักของเจ้าหนูตัวเขียวนี่อีกครั้ง แล้ว จอน แฟฟโรว์ ยังออกมาแย้มอีกว่าซีซัน 2 นี้จะมีตัวละครจาก Star Wars มาแจมใน The Mandalorian อีกด้วย สำหรับคนที่ได้ชมซีซัน 1 กันไปแล้วก็รอซีซัน 2 กันต่อไป ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมก็รอให้ Disney+ มาเปิดบริการในไทย ที่มีข่าวว่าจะมาช่วงต้นปี 2020 นี้ล่ะ ระหว่างนี้เรามาทำความรู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของเบบี้โยดากันให้มากขึ้นแล้วกันนะ
เนื้อหาด้านล่างนี้ พูดถึงเรื่องราวใน The Mandalorian อย่างมาก ถ้ายังไม่ได้ดูซีรีส์โปรดหลีกเลี่ยง
เบบี้โยดา คือหุ่นยนต์อนิเมทรอนิกส์
หลายคนอาจจะสงสัยว่าเจ้าหนูน้อยเบบี้โยดา ที่เราเห็นกันในหนังนั้น สร้างมาด้วยเทคนิคอะไรภาพซีจีหรือเปล่านะ คำตอบก็คือหุ่นยนต์บังคับครับ หรือเรียกตามศัพท์วงการภาพยนตร์ก็คือ อนิเมทรอนิกส์ และเป็นพัฒนาการขั้นสุดยอดที่ทำให้เจ้าหนูตัวนี้เคลื่อนไหวทั้งการแสดงออกทางหน้าตา และการเคลื่อนไหวของแขนขาได้สมจริงมาก ซึ่งความดีความชอบตรงนี้ก็ต้องยกให้กับทีมงานที่บังคับการเคลื่อนไหวของเจ้าหนูเบบี้โยดา ให้เคลื่อนไหวได้เป็นธรรมชาติดุจมีชีวิตจริง และขโมยหัวใจผู้ชมไปได้ทั้งโลกเช่นนี้ และอีกทีมที่สำคัญมากก็คือทีมงานที่ออกแบบภาพลักษณ์เจ้าหนูเบบี้โยดาออกมาได้น่ารักถึงเพียงนี้ ใครจะไปคาดคิดว่ามนุษย์ต่างดาวตัวเขียว มีผมหงอกหรอมแหรม พอเป็นเวอร์ชันเด็กน้อยแล้วจะน่าเอ็นดูได้เพียงนี้นะ
ต้องย้อนความไปนิดว่า เบบี้โยดา ไม่ใช่ตัวละครแรกที่เกิดจากไอเดียการสร้างตัวละครเวอร์ชันเด็กหรือเบบี้ขึ้นมาในจักรวาลสตาร์วอร์ส แล้วทุกครั้งที่มีการสร้างตัวละครแนวนี้ก็มักจะเป็นที่รักของคนดู
- ย้อนไปครั้งแรกใน Star Wars: Episode I – The Phantom Menace (1999) ที่แนะนำให้เรารู้จักกับ อนากิน สกายวอล์กเกอร์ ในเวอร์ชันเด็กชายผมทอง ก็เป็นเวอร์ชันเด็กน้อยของดาร์ธ เวเดอร์ วายร้ายในตำนานสตาร์ วอร์ส แม้จะไม่ได้ต่อยอดเป็นสินค้าได้มากมาย แต่ภาพลักษณ์ของหนูน้อยผมทอง ก็เรียกความสนใจจากบรรดาแม่ยกในวันนั้นได้พอสมควร
- ครั้งที่สองที่ดิสนีย์หากินกับ เวอร์ชันเบบี๋ของตัวละครก็คือ รอตต้า เดอะ ฮัต เวอร์ชันตัวอ่อนของ แจ๊บบ้า เดอะ ฮัต อสุรกายตัวร้ายในตำนานสตาร์วอร์ส ที่บรรดาแฟน ๆ รู้จักกันดี รอตต้า เดอะ ฮัต ปรากฏตัวมาในแอนิเมชัน Star Wars: The Clone Wars เป็นสัตว์ต่างดาวสายพันธุ์ Hutt เป็นลูกชายของ แจ๊บบ้า เดอะ ฮัต ผู้โด่งดัง แค่เจ้าตัวนี้ดิสนีย์ก็ต่อยอดเป็นสินค้าได้หลายตัวแล้ว มีทั้งตัวต่อเลโก้ และกระเป๋าเป้สะพายหลัง
- และครั้งที่สามก็คือเจ้าเบบี้โยดา นี่ล่ะ ที่เป็นเวอร์ชันเบบี๋ของอาจารย์โยดา และถ่ายทอดภาพลักษณ์ออกมาน่ารักโดนใจคนดูทั่วโลก สานต่อสินค้าได้อีกมากมาย
ถึงตอนนี้ก็ต้องยกให้ เบบี้โยดา เป็นมนุษย์ต่างดาวรายใหม่ที่คนดูรัก แล้วเข้าชั้นคลาสสิกไปรวมกลุ่มกับ E.T.และ ม็อกไกว ได้เรียบร้อยแล้ว
วิเคราะห์ตัวตนของเบบี้โยดา
แม้ว่าเบบี้โยดาจะเป็นที่รักของคนดูไปเรียบร้อย ทุกตอนของ The Mandalorian คนดูก็เฝ้าแต่จับจ้องความน่ารักของหนูน้อยตัวเขียวนี้ แต่ขณะเดียวกันภายใต้ความน่ารักนี้ ความเป็นมาหรือตัวตนของเบบี้โยดา ก็เป็นปริศนาลึกลับของทีวีซีรีส์เรื่องนี้ ในวันนี้ซีซัน 1 จบไปแล้ว เนื้อหาในซีรีส์ก็ไม่ได้แพร่งพรายเบาะแสความเป็นมาของเบบี้โยดาเลยแม้แต่น้อย ก็ไม่แน่ว่าตัวตนของหนูน้อยจะได้รับการเปิดเผยในซีซัน 2 หรือไม่ หรือคนเขียนบทอาจจะยังไม่คิดเลยก็เป็นไปได้นะ แต่ถึงตอนนี้บรรดาสาวกเดนตายก็พากันวิเคราะห์ที่มาของเบบี้โยดากันหัวแทบแตกแล้ว มีความเป็นไปได้ขณะนี้ 2 ช่องทาง
1. เบบี้โยดาคือลูกหรือหลานของ อาจารย์โยดา
แน่นอนว่าตำนานสตาร์ วอร์ส ที่ยาวนานกว่า 40 ปี มีหนังหลายภาค ทั้งภาคหลัก ภาคแยก แอนิเมชันอีกหลายเรื่อง ก็ย่อมมีสาวกเดนตายที่รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับตำนาน ออกมาเผยทฤษฎีของตัวเองกันมากมาย หนึ่งในทฤษฎีที่น่าสนใจก็คือ มีความเป็นไปได้ว่า “เบบี้โยดา” คือลูกหรือหลานของอาจารย์โยดา หลักฐานสมทบทฤษฎีนี้ก็คือการปรากฏตัวของ สมาชิกเผ่าพันธุ์โยดาเพศหญิง ที่ร่วมอยู่ในสภาเจได ในภาค The Phantom Menace กล้องจับให้เห็นเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีบทบาท ไม่มีการแนะนำตัวหรือเอ่ยชื่อ เพียงแต่เป็นการขยายความให้คนดูได้รับรู้ว่าอาจารย์โยดาไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียวในเผ่าพันธุ์นี้ มีการเปิดเผยชื่อของเธอออกมาในรายละเอียดของหนังว่าเธอนั้นชื่อ “แยดเดิล”
ตัวตนของแยดเดิลทำให้มีการสานต่อทฤษฎีว่า มีความเป็นไปได้ว่า แยดเดิล อาจจะเป็นเมียของอาจารย์โยดา และเบบี้โยดา นั้นก็อาจจะเป็นลูกของ โยดา และแยดเดิล ก็เป็นไปได้ ลองวิเคราะห์ไทม์ไลน์ดู แยดเดิลปรากฎตัวใน The Phantom Menace ระยะเวลาจากตอนนั้นห่างจากเหตุการณ์ใน The Mandalorian ประมาณ 41 ปี ส่วนเบบี้โยดานั้นมีอายุ 50 ปี ก็เป็นไปได้ว่าเบบี้โยดาอาจจะคลอดมาก่อนเหตุการณ์ใน The Phantom Menace ประมาณ 9 ปี ก็แปลว่า เบบี้โยดา เกิดในปีเดียวกันกับ อนาคิน สกายวอล์กเกอร์ เลยล่ะ
หรือถ้าไม่ใช่ลูก ก็อาจจะเป็นหลาน, เหลน ของอาจารย์โยดา เพราะอาจารย์โยดาที่เรารู้จักนั้นเข้าวัยชรามากแล้ว มีการเผยอายุของโยดาใน Return of The Jedi ภาคที่อาจารย์โยดาตาย ว่าเขามีอายุมากกว่า 900 ปีแล้ว ทำให้เรารู้ว่าเผ่าพันธุ์ตัวเขียวหูยาวนี้อายุยืนยาวมาก ขนาดว่าเบบี้โยดานี่อายุ 50 ปีแล้ว ยังเป็นทารกอยู่เลย ก็มีความเป็นไปได้ว่าเผ่าพันธุ์ตัวเขียวในจักรวาลสตาร์วอร์สนั้น น่าจะมีมากกว่าโยดา และแยดเดิล ที่แพร่ลูกหลานออกมาแล้วมีพลังจิตที่เป็นที่ต้องการตัวของจักรวรรดิ์
2.เบบี้โยดาคือร่างโคลนของ อาจารย์โยดา
ต้องไม่ลืมกันนะว่า เทคโนโลยีโคลนนิ่งนี่ถูกพูดถึงมากในจักรวาลสตาร์วอร์ส อย่างน้อยก็มี 2 ภาคล่ะ ที่ใช้ชื่อภาคว่า Clone คือ Episode 2: Attack of the Clones และ the Clone Wars ทฤษฎีนี้ก็มาจากสาวกตาดีเช่นเคย ตัวละครสำคัญรายหนึ่งใน The Mandalorian คือ ดร.เพอร์ซิง เป็นสมาชิกของจักรวรรดิ์ หนึ่งในผู้ว่าจ้างให้ แมนโด ไปชิงเอาตัวเบบี้โยดามาจากแก๊งโจร ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่เปิดเผยว่าจักรวรรดิ์จะต้องการตัวเบบี้โยดาไปทำไม แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ชุดฟอร์มของ ดร.เพอร์ซิง นั้นละม้ายกับชุดของ คามิโนน มนุษย์ต่างดาวที่รับผิดชอบหน้าที่ในการสร้างกองทัพโคลนให้กับจักรวรรดิ์ ปรากฏตัวมาในภาค Attack of the Clones ทฤษฎีก็เป็นไปได้ว่าจะโยงไปว่า เบบี้โยดา คือผลผลิตจากกรรมวิธีโคลนนิงของจักรวรรดิ์ ที่โคลนร่างเจ้าหนูตัวนี้มาจากอาจารย์โยดานั่นเอง
3.หรืออาจจะไม่เกี่ยวกับโยดาเลย
นี่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะประวัติที่ผ่านมา 9 ภาคของจักรวาลสตาร์วอร์ส ที่ชอบเขียนเรื่องให้เกี่ยวโยงกับสายเลือดในตระกูลสกายวอล์กเกอร์ จนคนดูชินกับการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในตระกูลจากภาคนู้นมากภาคนี้ แต่ก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน ถ้าสุดท้ายเรื่องราวจะเผยมาว่า เบบี้โยดา ก็คือเด็กกำพร้ารายหนึ่งที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวตัวเขียวหูยาวเช่นเดียวกับอาจารย์โยดาเท่านั้น
ตอนนี้คาดเดากันไปแค่สนุก ๆ พอ อย่าไปคาดหวังมากนัก บางทีคนเขียนบทก็ทำเอาเราหงุดหงิดกับการเฉลยออกมาไม่ถูกใจอยู่หลายครั้งนะ
กลายเป็นเรื่องของเบบี้โยดา ที่มีแมนดาโลเรียน เป็นตัวประกอบ
แม้ว่าซีรีส์จะชื่อ The Mandalorian แต่เมื่อ เบบี้โยดา ปรากฏตัวมาในท้ายของตอนแรก กระแสความสนใจผู้ชมก็ล้วนเทไปให้เบบี้โยดากันหมดสิ้น ก็นับว่าเป็นหมากที่ชาญฉลาดของทีมการตลาดของดิสนีย์ ที่เปิดตัวเบบี้โยดาได้อย่างเซอร์ไพรส์ผู้ชม เหนือการคาดเดาจริง ๆ เพราะตอนที่มีการโปรโมต The Mandalorian นั้น ไม่มีการเอ่ยถึงเบบี้โยดาเลยแม้แต่น้อย บรรดาแฟน ๆ สตาร์วอร์ส ทีเห็นภาพลักษ์ของ แมนดาโลเรียน ต่างก็คาดเดาว่านี่คือซีรีส์ที่ย้อนไปเล่าที่มาของ โบบา เฟตต์ นักล่าค่าหัวชื่อดังในตำนานสตาร์วอร์ส เพราะก่อนหน้านั้นก็เคยมีข่าวว่า Boba Fett เป็นหนึ่งในโพรเจกต์หนังภาคแยกของจักรวาลสตาร์วอร์ส
แต่หลังจากเบบี้โยดาเปิดตัวออกมา ผู้ชมก็เทใจไปให้หนูน้อยตัวเขียวกันจนหมดสิ้น สถานะของเบบี้โยดากลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้ชมติดตามซีรีส์เรื่องนี้ เรียกว่าเกินขั้นกว่า ตัวขโมยซีน เพราะเบบี้โยดากลายเป็นจุดสนใจหลัก ส่วนตัวเอกอย่างแมนโด ตกชั้นกลายเป็นตัวประกอบไปโดยปริยาย
สิ่งที่ เบบี้โยดา ทำได้สำเร็จเหนือกว่าหนังในจักรวาล Satra Wars เรื่องหลัง ๆ ก็คือ ความเป็นเอกฉันท์ ในหมู่ผู้ชม เพราะตั้งแต่ The Last Jedi, Solo มาจนถึง The Rise Of Skywalker ก็ล้วนมีเสียงโต้แย้งกันระหว่างกลุ่มที่ชอบหนัง และไม่ชอบหนัง แต่กับ The Mandalorian นั้น ไม่มีเสียงโต้แย้งระหว่างสองกลุ่ม ผู้ชมทุกรุ่นทุกวัย แฟนเก่าแฟนใหม่ ต่างก็อ้าแขนยอมรับความน่าเอ็นดูของเจ้าหนูเบบี้โยดากันหมดสิ้น แม้กระทั่งกลุ่มแฟนเก่าที่ตั้งท่าไม่ชอบบรรดาตัวตลกในจักรวาลสตาร์วอร์ส แบบที่เคยยี้ให้กับ จาร์ จาร์ บิงค์, เหล่าอีวอค หรือตัวพอร์ก ใน The Last Jedi มาแล้ว ก็ยังยอมแพ้ให้กับแววตาดำ ๆ ของเจ้าหนูเบบี้โยดากันอย่างราบคาบ
เบบี้โยดากลายเป็นไวรัล
ด้วยความน่ารักของเบบี้โยดาทำให้ตัวตนของหนูน้อยและทีวีซีรีส์ได้รับความนิยมสูงสุด ใครที่ใช้โซเชียลมีเดีย ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงภาพของเจ้าหนูเบบี้โยดาไปได้ ทั้งภาพนิ่งและ Gif ที่ว่อนไปหมดทุกสื่อ แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยดูซีรีส์ก็ต้องได้เห็นภาพของเจ้าหนูเบบี้โยดากันมาแล้วทุกคน
และแน่นอนเมื่อ เบบี้โยดา สร้างกระแสความนิยมได้เพียงนี้ ดิสนีย์ย่อมที่จะไม่รอช้าที่จะฉวยโอกาสนี้กอบโกยความสำเร็จในรูปแบบสินค้าต่าง ๆ นานา ทั้งแก้วน้ำ, ของเล่น, เสื้อผ้า ที่พร้อมจะทำออกมาตอบสนองความเรียกร้องของแฟน ๆ ตั้งแต่จบตอนที่ 4 ตอนที่เจ้าหนูเบบี้โยดา ยืนซดซุปในถ้วยใบใหญ่ เป็นฉากที่ขโมยหัวใจคนดูไปมากสุด
https://twitter.com/cndwrites/status/1200576973556387840?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1200576973556387840&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.theguardian.com%2Ftv-and-radio%2F2019%2Fdec%2F03%2Fbaby-yoda-the-mandalorian-star-wars
แต่แล้วดิสนีย์ก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ ซ้ำไปอีก เมื่อฝ่ายบริหารยอมรับฟังความเห็นของจอน แฟฟโรว์ ว่าอย่าเพิ่งปล่อยสินค้าเบบี้โยดาออกจำหน่าย ไปจนกว่าซีรีส์จะจบตอนที่ 8 เสียก่อน เพราะสินค้าบางตัวอาจจะสปอยล์เนื้อหาในตอนต่อ ๆ ไปเสียหมด ซึ่งดิสนีย์ก็ได้เปิดให้จองสินค้าล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ disney.com และพันธมิตรต่าง ๆ ทั้ง amazon, ebay, Hasbro และ walmart สินค้าบางตัวพร้อมออกจำหน่ายทันช่วงคริสต์มาส แต่อีกหลาย ๆ ตัวอย่างเช่น ฟิกเกอร์ขนาดต่าง ๆ ก็เปิดให้จองแต่จะส่งมอบสินค้าได้ก็ยาวไปถึง พฤษภาคม มิถุนายน ปีหน้านู่นเลย
เบบี้โยดากับอนาคตในจักรวาลสตาร์วอร์ส
ด้วยความนิยมในระดับนี้ ทำให้แฟน ๆ คาดหวังที่จะเห็นเบบี้โยดามีบทบาทมากขึ้นกับโพรเจกต์ในอนาคตของจักรวาลสตาร์วอร์ส แค่ออกมาไม่กี่ตอน ก็มีเสียงร่ำลือแล้วว่าอยากเห็นเบบี้โยดาใน The Rise Of Skywalker ก่อนที่หนังจะออกฉาย ก็เห็นกันไปแล้วว่าไม่มีเบบี้โยดาออกมาให้ได้เห็นกันหรอกนะ
แต่แน่นอนว่าเบบี้โยดาจะยังมีบทบาทสำคัญใน The Mandalorian ซีซัน 2 ปลายปี 2020 ไม่มีได้ไงล่ะ เรตติ้งตกแน่นอน และความคาดหวังที่จะเห็นเบบี้โยดาในภาพยนตร์เรื่องต่อ ๆ ไปของสตาร์วอร์สก็เป็นไปได้ ถ้าพิจารณาจากกลยุทธ์ทางการตลาดของมาร์เวล ที่เผยออกมาว่า ทีวีซีรีส์ของมาร์เวลที่จะแพร่ภาพทาง Disney+ นั้น จะเชื่อมโยงกับหนังมาร์เวลในเฟส 4 และเฟส 5 ซึ่งดิสนีย์ก็น่าจะใช้กลยุทธ์เช่นเดียวกันนี้กับจักรวาลของสตาร์วอร์ส ซึ่งเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นเบบี้โยดาบนจอใหญ่กันในอนาคต