Dwayne Johnson หรือชื่อที่เรียกกันในวงการกีฬามวยปล้ำ WWE ว่า The Rock วัย 48 ปี นับเป็นนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการก้าวเข้ามาเป็นนักแสดง ก่อนที่นักมวยปล้ำในรุ่นใกล้ ๆ กันอย่าง Dave Bautista (Guardians of the Galaxy) และ John Cena (Bumblebee, Fast&Furious 9) จะเจริญรอยตาม Johnson เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกในหนังภาคต่อของแฟรนไชส์ฮิต The Mummy Returns ในปี 2001 ก่อนที่บท Scorpion King ของเขาจะมีหนังภาคแยกเป็นของตัวเองในปีต่อมา
เส้นทางการแสดงของเขา หากมองดี ๆ ก็คล้ายจะเจริญรอยตามดารานักบู๊คนเหล็กอย่าง Arnold Schwarzenegger ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักกีฬาก่อนจะผันตัวเองมาเล่นหนังพีเรียดย้อนยุค (Conan the Barbarian) มีบทบาทในหนังแอ็กชันปนตลก หนังครอบครัว ไปจนถึงหนังฟอร์มยักษ์ทั้งหลาย ซึ่งในยุคปัจจุบันก็คือหนังแฟรนไชส์ อย่าง Fast&Furious ซึ่งเขาก็ได้มีหนังภาคแยกเป็นของตัวเองอย่าง Hobbs&Shaw ที่ได้รับการอนุมัติสร้างภาค 2 แล้ว และในปีนี้ก็จะมีหนังผจญภัยที่สร้างจากเครื่องเล่นของ Disney อย่าง Jungle Cruise ที่ค่ายหนังหวังว่าจะเป็นแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จแบบ Pirates of the Caribbean และปี 2021 เขาก็จะมีหนังซูเปอร์ฮีโร (วายร้าย) ค่าย DC เป็นของตัวเองอีกเรื่องอย่าง Black Adam
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น What The Fact ขอนำเสนอ 10 อันดับหนังทำเงินสูงสุด (ในสหรัฐฯ) ของเขา ณ ปี 2020 ตามนี้เลย
อันดับ 10 Rampage (2018)
- นักแสดงร่วม: Jeffrey Dean Morgan, Naomie Harris, Joe Manganiello, Malin Akerman
- ผู้กำกับ: ฺBrad Peyton (Journey 2: The Mysterious Island, San Andreas)
- ทุนสร้าง: 120 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 101 ล้านเหรียญฯ / 428 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: ในยุคแห่งการมีหนังสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ถล่มเมือง กลายเป็นหนังฮิตติด ๆ กันหลายเรื่อง ทั้ง Godzilla 2 ภาคล่าสุด, Kong: Skull Island หรือ Pacific Rim 2 ภาคที่มีสัตว์ประหลาดยักษ์ไคจูเป็นตัวชูโรง Dwayne Johnson ก็ขอขึ้นขบวนในหนังหายนะจากสัตว์ไซส์ยักษ์นี้ด้วยเหมือนกัน หนังเข้าฉายช่วงก่อนซัมเมอร์ซึ่งว่ากันตามตรง หนังน่าจะฮิตได้กว่านี้ด้วยความที่เป็นหนังผจญภัยชวนตื่นเต้นที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว ปี 2018 ยังมีหนังขาดทุนของ Johnson อีกเรื่องที่เกี่ยวกับเมืองและตึกระฟ้าอย่าง Skyscraper ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนัง The Towering Inferno ในอดีต เอาเป็นว่า ปี 2018 ไม่ใช่ปีของเขาที่ไม่สามารถเปิดแฟรนไชส์ใหม่ได้จากทั้ง 2 เรื่อง
อันดับ 9 Journey 2: The Mysterious Island (2012)
- นักแสดงร่วม: Michael Caine, Josh Hutcherson, Vanessa Hudgens, Luis Guzmán
- ผู้กำกับ: Brad Peyton (Rampage, San Andreas)
- ทุนสร้าง: 79 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 104 ล้านเหรียญฯ / 335 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: มารับช่วงต่อจากนักแสดง Brendan Fraser เพื่อนร่วมจอของเขาในหนังเปิดซิง The Mummy Returns กับหนังที่ดัดแปลงจากนักเขียนแนวแฟนตาซีผู้โด่งดัง “ฌูล แวร์น” เรื่อง Journey to the Center of the Earth (2008) ที่ในภาคต่อนี้ได้แค่ Josh Hutcherson คนเดียวที่กลับมาจากภาคแรก หนังได้อานิสงส์จากการถ่ายทำและออกฉายแบบ 3 มิติในยุคแรก ๆ ซึ่งค่าตั๋วโรง 3 มิติที่แพงก็ทำให้รายได้ของหนังพุ่งตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม หนังก็ถ่ายทำการผจญภัยใจกลางใต้พื้นพิภพออกมาได้สวยงามจริง ๆ หนังแจ้งเกิดผู้กำกับที่ชอบสร้างหนังหายนะอย่าง Brad Peyton ที่กลายเป็นผู้กำกับคู่บุญพระเอก Johnson อีกหลายเรื่อง
อันดับ 8 The Other Guys (2010)
- นักแสดงร่วม: Will Ferrell, Mark Wahlberg, Michael Keaton, Eva Mendes, Samuel L. Jackson
- ผู้กำกับ: Adam McKay (Vice, The Big Short, Talladega Nights: The Ballad of Ricky Bobby , Anchorman 1-2)
- ทุนสร้าง: 100 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 119 ล้านเหรียญฯ / 170 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: ก่อนที่จะผันตัวมาทำหนังดราม่าผสมตลกร้ายจนได้เข้าชิงรางวัลเป็นว่าเล่น จากผลงาน 2 เรื่องหลังอย่าง Vice และ The Big Short ผู้กำกับ Adam McKay ก็เคยทำหนังตลกสถานการณ์ชวนป่วงที่โด่งดังมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีดาราคู่บุญอย่าง Will Ferrell อยู่ด้วยเสมอ ในเรื่องตำรวจคู่หูคู่ฮาที่อุดมไปด้วยนักแสดงเกรดเอของเวลานั้น Johnson ยังไปร่วมรับเชิญในบทตัวประกอบอยู่ด้วย ซึ่งก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังดัง The Other Guys ไปได้ดีเฉพาะในสหรัฐฯ เพราะแทบทำรายได้จากนอกบ้านไม่ได้เลย
อันดับ 7 G.I. Joe: Retaliation (2013)
- นักแสดงร่วม: Bruce Willis, Jonathan Pryce, Byung-Hun Lee, Channing Tatum, Ray Park
- ผู้กำกับ: John M. Shu (Crazy Rich Asians, Now You See Me 2, Step Up 2: The Streets)
- ทุนสร้าง: 130 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 123 ล้านเหรียญฯ / 376 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: ถูกเรียกตัวมากอบกู้แฟรนไชส์ G.I. Joe ของบริษัทของเล่น Hasbro ซึ่งให้ Johnson ตีคู่กับมากับดารานักบู๊รุ่นเก๋าอย่าง Bruce Willis เพื่อเอาใจกลุ่มคนดูเป้าหมายได้ทุกวัย สำหรับภาครีบูตที่เชื่อมต่อกับภาคแรกแค่ในตอนต้นเรื่องที่ Channing Tatum โผล่มาแว้บ ๆ ส่วนดาราคนอื่นในเรื่องนั้นก็แทบไม่มีใครรู้จัก หนังทำรายได้ไปปานกลางและแม้แต่ Willis และ Johnson ก็ไม่สามารถทำให้หนังไปต่อได้ในภาคต่อ ๆ มา (จนจะมีการรีบูตใหม่รอบที่ 3 ในปีนี้) แม้ว่าหนังจะดูพอเพลิน ๆ ได้อยู่ หนังยังเป็นการพิสูจน์ว่าผู้กำกับ John M. Shu น่าจะไม่ค่อยเหมาะกับหนังแอ็กชัน เพราะเรื่องนี้กับ Now You See Me 2 ก็สร้างออกมาในธรรมดาเกินกว่าของดี (นักแสดงในทีนี้) ที่หนังมี
อันดับ 6 Central Intelligence (2016)
- นักแสดงร่วม: Kevin Hart, Jason Bateman, Aaron Paul, Amy Ryan, Kumail Nanjiani
- ผู้กำกับ: Rawson Marshall Thurber (Skyscraper, Rawson Marshall Thurber, Dodgeball: A True Underdog Story
- ทุนสร้าง: 50 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 127 ล้านเหรียญฯ / 217 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: หนังตลกสถานการณ์ของ 2 เพื่อนซี้ในวัยเยาว์ที่กลับมาเจอกันอีกที Johnson ก็กลายเป็นหนุ่มหุ่นล่ำบึ้กไม่ใช่เด็กอ้วนเหมือนตอนเด็ก ๆ เขาต้องตกกระไดพลอยโจนเข้าไปอยู่ในสถานการณ์คับขันและต้องเอาตัวรอดให้ได้ทั้งคู่ หนังแจ้งเกิด Kevin Hart นักแสดงผิวสีตัวเล็กที่กลายเป็นคู่หูบนจอหนังของ Johnson ซึ่งตามกันมาเล่นในหนังสุดฮิตอย่าง Jumanji ทั้ง 2 ภาค Central Intelligence เคยมีข่าวว่าจะมีภาค 2 ตามออกมาสมัยที่หนังฮิตใหม่ ๆ แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวเพิ่ม
อันดับ 5 Get Smart (2008)
- นักแสดงร่วม: Steve Carell, Anne Hathaway, Alan Arkin, Terence Stamp
- ผู้กำกับ: Peter Segal (50 First Dates, Anger Management, The Longest Yard)
- ทุนสร้าง: 80 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 130 ล้านเหรียญฯ / 231 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: หนังที่ Johnson สวมบทตัวรองจากนักแสดงนำอย่าง Steve Carell ที่ในเวลานั้นยังขายความตลกอยู่ (จนตอนนี้มาสายการแสดงแทน) ประกบนางเอกคนสวย Anne Hathaway ในหนังปฏิบัติการสายลับ ซึ่ง Johnson รับบทเป็น “สายลับ 23” ที่มาเหนือและเก่งกว่าพระเอกของเราผู้ที่ไม่น่าจะเป็นสายลับได้ ต้องบอกว่าในยุคก่อนปี 2010 นั้น Johnson ก็ยังไม่ได้ดังเหมือนเช่นทุกวันนี้ ที่มีหนังแฟรนไชส์ดัง ๆ รุมจองตัว เพราะในยุคนั้นหนังส่วนใหญ่ที่เขาได้รับบทนำจะเป็นหนังตลกอย่าง Tooth Fairy, Why Did I Get Married Too?, You Again ซึ่งก็ไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ จนเริ่มมามีหนังเดี่ยวที่รายได้ดีอย่าง Race to Witch Mountain และการก้าวเข้าสู่แฟรนไชส์ Fast ที่ทำให้กลายเป็นซุปตาร์
อันดับ 4 San Andreas (2015)
- นักแสดงร่วม: Carla Gugino, Alexandra Daddario, Ioan Gruffudd, Paul Giamatti, Kylie Minogue
- ผู้กำกับ: Brad Peyton (Journey 2: The Mysterious Island, Rampage)
- ทุนสร้าง: 110 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 155 ล้านเหรียญฯ / 474 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: ได้มาสวมบทคุณพ่อที่ต้องพาครอบครัวเผชิญหายนะจากรอยเลื่อนซานแอนเดรียส์เคลื่อนจนเป็นเหตุให้แผ่นดินไหวแบบแมนจริงอะไรจริงในหนังหายนะ ที่ดูเผิน ๆ นึกว่าเป็นหนังของ Roland Emmerich หนังเต็มไปด้วยฉากหายนะและการรอดตายแบบเวอร์วังของตัวละครทุกตัว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความคนดูจะไม่ถูกใจด้วยเฉพาะผู้ชมจากทั่วโลก นอกจากนี้ หนังยังแจ้งเกิด Alexandra Daddario จาก Percy Jackson 1-2 จนเธอได้กลับมาเล่นกับ Johnson ใน Baywatch หนังเจ๊งสนั่นแห่งปี 2017 อีกครั้ง หนังทำรายได้นอกบ้านได้ดีจนมีการอนุมัติสร้างภาค 2 และได้ผู้กำกับคนเดิมกลับมา แต่เนื่องจากคิวงานของ Johnson ยังแน่นไปอีกหลายปีจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวใหม่ใด ๆ ออกมา
อันดับ 3 Moana (2016)
- นักแสดงร่วม: Auli’i Cravalho, Rachel House, Nicole Scherzinger
- ผู้กำกับ: Ron Clements & John Musker (Aladdin, The Little Mermaid, The Princess and the Frog)
- ทุนสร้าง: 150 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 249 ล้านเหรียญฯ / 691 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเพียงคนเดียวที่มาให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์การ์ตูนของ Disney เรื่องนี้ (เพราะที่เหลือคือใครไม่รู้จักจริง ๆ) หนังการ์ตูนที่ได้ชื่อว่า เรียกคืนจิตวิญญาณของหนังที่สร้างจากเทพนิยายรูปแบบ 2 มิติและเต็มไปด้วยเพลงเพราะ ๆ ของ Disney ยุคเก่ากลับมาให้หายคิดถึง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะผู้กำกับนั้น คือต้นตำรับดั้งเดิมที่กำกับ Aladdin และ The Little Mermaid มาตั้งแต่ยุค 90s Johnson รับบทเทพเจ้าแห่งท้องทะเล “มาวอิ” ที่แทบจะถอดแบบอากัปกิริยาและลักษณะมาจาก Johnson เป๊ะ ๆ แล้วแบบนี้จะให้คนอื่นมาเล่นแทนได้ไง?
อันดับ 2 แฟรนไชส์ Fast&Furious (ภาค 5-8) / Hobbs&Shaw (2011-2019)
- นักแสดงร่วม: Vin Diesel, Jason Statham, Michelle Rodriguez, Charlize Theron, Kurt Russell, Luke Evans
- ผู้กำกับ: Justin Lin (Fast 3-6, 9) / James Waan (The Conjuring) / F. Gary Gray (The Italian Job) / David Leitch (John Wick)
- ทุนสร้าง:
- ภาค 5 125 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 6 160 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 7 190 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 8 250 ล้านเหรียญฯ
- ภาคแยก 200 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก:
- ภาค 5 210 ล้านเหรียญฯ / 626 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 6 239 ล้านเหรียญฯ / 789 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 7 353 ล้านเหรียญฯ / 1,052 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 8 226 ล้านเหรียญฯ / 1,024 ล้านเหรียญฯ
- ภาคแยก 174 ล้านเหรียญฯ / 759 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงฮิต?: กลายเป็นแฟรนไชส์หลายพันล้านไปแล้วจนกว่าจะถึงภาค 10 (ภาค 9 มาปีนี้นะ) ซึ่งความฮิตก็ทวีมากขึ้นทุกภาคตั้งแต่กลับเข้าสู่เส้นเรื่องหลักของโดมินิค โทเร็ตโต และไบรอัน โอคอนเนอร์ ในภาค 4 เป็นต้นมา จากหนังแข่งรถกลายเป็นหนังโจรกรรมที่เพิ่มนักแสดงดังเข้ามาเรื่อย ๆ ทุกภาค ซึ่ง Johnson เข้ามาร่วมในภาค 5 กับบทตำรวจอย่าง “ฮ็อบส์” ที่ทีแรกเป็นศัตรูคู่ปรับกับฝังโทเร็ตโต ก่อนจะมาญาติดีกันเฉย (ตามสไตล์ของแฟรนไชส์นี้ที่ตัวร้ายจะกลายเป็นพวกเดียวกันในที่สุด) จนกระทั่งมาถึงการสูญเสียนักแสดงอย่าง Paul Walker อย่างกะทันหันที่ทำให้ตอนเข้าฉาย กลายเป็นหนังที่ใคร ๆ ก็ต้องดู จนปี 2019 Johnson ก็ได้แยกย้ายมามีแฟรนไชส์ภาคแยกเป็นของตัวเอง (โดยที่ก่อนหน้านี้มีดราม่าระหว่าง Vin Diesel และ Johnson ที่เอาจริง ๆ แล้ว สื่อก็วิเคราะห์กันว่าเป็นการสร้างกระแสมากกว่า)
อันดับ 1 แฟรนไชส์ Jumanji (Welcome to the Jungle/The Nex Level) (2017-2019)
- นักแสดงร่วม: Kevin Hart, Jack Black, Karen Gillan, Nick Jonas
- ผู้กำกับ: Jake Kasdan (Bad Teacher, Sex Tape, Orange County)
- ทุนสร้าง: ภาค 2 90 ล้านเหรียญฯ / ภาค 3 125 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก:
- ภาค 2 404 ล้านเหรียญฯ / 962 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 3 218 ล้านเหรียญฯ / 515 ล้านเหรียญฯ (ณ วันที่ 5 มกราคม 2020)
- ทำไมหนังถึงฮิต?: กลายเป็นหนังฮิตแบบไม่รู้ตัวก็ว่าได้สำหรับ Johnson ในหนังที่สร้างจากเกมกระดาน ซึ่งเคยทีภาคแรกเมื่อปี 1995 เป็นหนังดังนำแสดงโดย Robin Williams ภาค 2 นี้ไม่ได้เชื่อมโยงหรือเดินตามสูตรเดิมจากภาคแรกจนเรียกว่าเป็นภาครีบูตใหม่หมดก็ยังได้ Johnson มาในมาดของร่างอวตารนักสู้ผู้กล้าหัวหน้าทีมของผู้เล่นจูแมนจี้ ที่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกวิดีโอเกม ความสำเร็จของหนังเกิดจากเคมีที่เข้าขากันของทีมนักแสดงทุกคน จนทำให้หนังผจญภัยธรรมดาดูเพลินและสนุกกันไปได้ทั้งครอบครัว หนังครองแชมป์อันดับ 1 ทำเงินสูงสุดของค่าย Sony ในสหรัฐฯ (ชนะ Spider-Man ที่เคยมีมาทุกภาค ทุกฉบับ และชนะ 007 Skyfall) จนต้องมีภาคต่อตามออกมาในปีนี้ ซึ่งยังคงทำรายได้ดี และภาค 4 น่าจะมีตามออกมาแน่ ๆ
นอกจากนี้เรายังขอแถม 5 หนังเจ๊งของ Dwayne Johnson ที่ไม่ใช่ว่าเขาจะมีแต่หนังที่ประสบความสำเร็จทางรายได้เสมอไป แต่อย่างไรก็ตาม หนังเจ๊งของเขาก็นับเป็นแค่ 1 ใน 4 ของหนังทั้งหมดเท่านั้น แสดงว่าชื่อของ The Rock ก็ยังใช้เปิดหนังได้อยู่
อันดับ 5 Doom (2005)
- นักแสดงร่วม: Karl Urban, Rosamund Pike, Dexter Fletcher, Doug Jones
- ผู้กำกับ: Andrzej Bartkowiak (Romeo Must Die, Exit Wounds, Street Fighter: The Legend of Chun-Li)
- ทุนสร้าง: 60 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 28 ล้านเหรียญฯ / 55 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงแป้ก?: ในตอนนั้นที่ Johnson ยังใช้ชื่อทางการแสดงเพื่อเปิดหนังในชื่อเดียวกันกับวงการมวยปล้ำว่า The Rock หนังที่สร้างจากเกมฮิตเกี่ยวกับภารกิจบุกลุยเอเลี่ยนต่างดาว ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบของมุมมองบุคคลที่หนึ่งเหมือนในเกม ซึ่งอาจจะมาก่อนกาลเกินไป ทำให้คนดูเวียนหัวและไม่ค่อยตอบรับหนังเรื่องนี้ หนังกำกับโดย Andrzej Bartkowiak ผู้กำกับภาพมือดีของฮอลลีวูดยุค 90s (Speed, Lethal Weapon 4) และเคยกำกับหนังบู๊แอ็กชันอย่าง Romeo Must Die, Exit Wounds, Street Fighter: The Legend of Chun-Li มาแล้ว ในเรื่องนี้ยังนำแสดงโดย Karl Urban (Star Trek, Thor: Ragnarok) และ Rosamund Pike (Gone Girl) ซึ่งเวลานั้นยังไม่มีชื่อเสียงกันสักคน
อันดับ 4 Faster (2010)
- นักแสดงร่วม: Billy Bob Thornton, Carla Gugino, Maggie Grace
- ผู้กำกับ: George Tillman Jr. (Men of Honor, The Longest Ride, Notorious)
- ทุนสร้าง: 24 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 23 ล้านเหรียญฯ / 36 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงแป้ก?: หนังของผู้กำกับตกยุคที่เคยมีหนังในยุค 90s ซึ่งในช่วงเวลาที่ยังไม่ดังมากนั้น Johnson ก็ไม่เลือกงานไม่ยากจน รับเล่นหนังแอ็กชันเกรดบีอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนี้ หรือ Snitch (2013) Empire State (2013) จนหวุดหวิดจะกลายเป็นเหมือน Nicolas Cage ไปอีกคน เรื่องราวเหมือนในหนังล้างแค้นเกรดบี เมื่อนักซิ่งคนหนึ่งที่ติดคุกมา 10 ปี เมื่อได้ออกจากคุกจึงมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ การล้างแค้นให้กับน้องชายที่ถูกฆ่าตายระหว่างแผนการปล้นที่ล้มเหลวและเขาต้องมารับผลกรรมในครั้งนี้ไปด้วย
อันดับ 3 Fighting with My Family (2019)
- นักแสดงร่วม: Vince Vaughn, John Cena, Florence Pugh, Nick Frost
- ผู้กำกับ: Stephen Merchant (Cemetery Junction)
- ทุนสร้าง: 11 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 22 ล้านเหรียญฯ / 39 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงแป้ก?: หนังที่เข้าฉายปีที่ผ่านมาแบบเงียบ ๆ อย่างน่าเสียดายที่อุตส่าห์มีนักแสดงดัง ๆ อยู่ในเรื่อง หนังเล่าเรื่องราวของเด็กสาวที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักมวยปล้ำและได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว เธอจะออกตามฝันโดยมี Johnson และ John Cena มารับบทเป็นตัวเอง ตัวหนังคงไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการเข้าฉายแบบจำกัดกลุ่มผู้ชม เพราะแค่เนื้อหาก็ดูขายยาก และใครที่ไม่สนใจวงการมวยปล้ำก็คงไม่อิน แต่ในหนังก็ยังมีนักแสดงที่กำลังจะมีหนังดังอย่าง Black Widow นั่นก็คือ Florence Pugh ซึ่งน่าจะทำให้เธอโด่งดังตามไปด้วย
อันดับ 2 Southland Tales (2006)
- นักแสดงร่วม: Justin Timberlake, Seann William Scott, Sarah Michelle Gellar, Mandy Moore
- ผู้กำกับ: Richard Kelly (The Box, Donnie Darko)
- ทุนสร้าง: 17 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: 275,380 เหรียญฯ / 374,743 เหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงแป้ก?: หนังที่ค่อนข้างผิดฟอร์มไปสำหรับผู้กำกับ Richard Kelly ที่เคยมีผลงานที่น่าสนใจอย่าง Donnie Darko รวมถึงหลังจากเรื่องนี้ เขาก็กำกับ The Box หนังกล่องปริศนาสยองขวัญที่ทำรายได้ดีในระดับกลาง ๆ สำหรับเรื่องนี้อาจเป็นเพราะนักแสดงทั้งหมดเป็นคนเคยดังของยุค 90s จะมีก็แต่ศิลปิน Justin Timberlake ที่มาร่วมเล่นตอนยังไม่ดังมากในฐานะนักแสดง นอกจากนั้น เนื้อหาของหนังแนววิทยาศาสตร์ว่าด้วยหายนะโลกก็ยิ่งคัลท์และเข้าใจยากไปอีกเสต็ป ถึงขนาดผู้กำกับ Richard Kelly ไม่สามารถหานายทุนมาลงเงินให้กับหนังได้ Johnson ถูกนักวิจารณ์ถล่มยับเรื่องฝีมือการแสดงและถูกบอกว่าหนังเรื่องนี้เจ๊งก็เพราะเขาเป็นส่วนหลัก อาจเรียกได้ว่า เขาแสดงหนังได้แย่ที่สุดก็ในเรื่องนี้
อันดับ 1 Empire State (2013)
- นักแสดงร่วม: Liam Hemsworth, Michael Angarano, Emma Roberts
- ผู้กำกับ: Dito Montiel (Fighting, A Guide to Recognizing Your Saints, Boulevard)
- ทุนสร้าง: 11 ล้านเหรียญฯ
- รายได้ในสหรัฐฯ/รายได้ทั่วโลก: ไม่ปรากฎ / 1 ล้านเหรียญฯ
- ทำไมหนังถึงแป้ก?: ทำรายได้น้อยขนาดในสหรัฐฯ ไม่มีการปรากฏตัวเลขเอาไว้ หรือเอาวิ่งตรงไปลงเป็นหนังแผ่นกันเลย สำหรับหนังที่มีชื่อเป็นตึกที่เคยสูงที่สุดในสหรัฐฯ (แต่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในหนัง เพราะเป็นชื่อบริษัทรับขนเงินในเรื่อง) หนังจากผู้กำกับโนเนม และนักแสดงร่วมในเวลานั้นก็ยังไม่มีใครดัง ทั้ง Liam Hemsworth (The Hunger Games) หรือ Emma Roberts (We’re the Millers) สร้างจากเรื่องจริงของการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจ คริส (Hemsworth) ก็ได้งานเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทรักษาความปลอดภัยรถยนตร์ยักษ์ใหญ่ เขาเผลอหลุดปากบอกถึงช่องโหว่ในระบบการรักษาความปลอดภัยของบริษัทให้แก่เพื่อนสนิทฟังกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแผนปล้น คริสต้องรับมือกับนักสืบเจมส์ (Johnson) เจ้าหน้าที่ฝีมือเยี่ยมจากทางการที่อาสารับผิดชอบตามหาตัวผู้รายในคดีนี้ รวมทั้งยังต้องเอาตัวรอดจากแก๊งมาเฟียสุดโหด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส