หลังจากที่โซนี่ลองลิ้มชิมลางหนังภาคแยกของ Venom วายร้ายตัวฉกาจจากจักรวาล Sider-Man แล้วได้ผลตอบรับน่าพอใจ ซึ่งเราจะได้ดูภาคต่อกันไม่นานจากนี้ บวกกับ Joker หนังเดี่ยวของวายร้ายตลอดกาลจากจักรวาล DC ก็ได้เสียงตอบรับอย่างน่าอัศจรรย์ ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านเหรียญ แถมเข้าชิงออสการ์มากถึง 11 รางวัล ยิ่งเป็นสัญญาณอันดีว่าคนดูเริ่มตอบรับกระแสหนังวายร้ายในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โซนี่จึงไม่รอช้ารีบเข็นโพรเจกต์วายร้ายตัวที่สองจากจักรวาล Spider-man ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกจากบรรดาวายร้ายนับร้อยตัวก็คือ Morbius ตัวร้ายที่มีเอกลักษณ์พิเศษคือเป็นแวมไพร์ดูดเลือด แต่ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่คนดูผิดคาด เพราะตลอด 18 ปี กับ 7 ภาคของ Spider-Man เราได้เห็นบรรดาตัวร้ายโผล่มามากมายแต่ก็ไม่เคยได้ยินชื่อของ Morbius มาก่อนเลย
แล้วเมื่อวันอังคารที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมานี่ โซนี่ก็ได้ปล่อยตัวอย่างแรกของ Morbius มาให้ได้ยลโฉมกัน ได้เห็นยอดนักแสดงอย่าง จาเร็ด เลโต มาเผยภาพลักษณ์ของแวมไพร์จำเป็น ภายใต้การกำกับของ แดเนียล เอสปิโนซา ผู้กำกับที่เคยมีผลงาน Safe House (2012) หนังแอ็กชันสาดกระสุนที่ได้ เดนเซล วอชิงตัน ประกบคู่ ไรอัน เรย์โนลด์ มาแล้ว ใครที่ได้ชมตัวอย่างแล้วก็น่าจะเห็นว่าบรรยากาศของ Morbius ดูดาร์กและเข้มข้น มีกลิ่นไอของหนังสยองขวัญมากขึ้น ตอนนี้หนังยังได้การจำกัดเรตติ้ง แต่เมื่อใกล้ถึงวันฉาย หนังน่าจะได้เรต R อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงตอนนี้เรามาทำความรู้จักกับปีศาจดูดเลือดรายนี้กันให้มากขึ้นกันดีกว่า
มอร์เบียส มีภูมิหลังที่แสนหดหู่
เหมือนเป็นธรรมเนียมของบรรดาวายร้ายจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโรของอเมริกัน ที่แต่ละรายมักจะมีอดีตที่มาที่เจ็บปวด รวดร้าว บางรายก็น่าสงสาร ตัวอย่างเช่น Doctor Octopus, The Lizard, Sandman จนมาถึง Morbius ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน ตัวตนของ Morbius ถูกคิดค้นขึ้นโดย รอย โธมัส และออกแบบภาพลักษณ์โดย กิล เคน เริ่มปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน The Amazing Spider-Man #101 วางแผงเมื่อปี 1971 นับถึงวันนี้ Morbius ก็มีอายุถึง 48 ปีแล้ว
Morbius มีชื่อนามสกุลจริงว่า ไมเคิล มอร์เบียส เขาเกิดในประเทศกรีซ อาศัยอยู่กับแม่ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ไมเคิล เกิดมาอย่างโชคร้าย เหตุเพราะเขาเป็นโรคเลือดชนิดหายาก ทำให้เขาเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอมาก แต่เพราะเป็นโรคประหลาดนี้ทำให้เป็นแรงผลักดันให้ไมเคิลมุมานะร่ำเรียนจนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลหิต แล้วยังเป็นนักไบโอเคมีระดับรางวัลโนเบลเลยด้วย เพราะไมเคิลมีเป้าหมายที่จะค้นคว้าหาทางรักษาโรคเลือดให้กับตัวเองและคนอื่น ๆ ที่เป็นโรคเดียวกับเขา แล้วในที่สุดไมเคิลก็เจอช่องทางรักษาที่สุดประหลาด คือการสังเคราะห์เลือดจากค้างคาวดูดเลือด ควบคู่กับการกายภาพด้วยกระแสไฟฟ้า ไมเคิลมั่นอกมั่นใจกับวิธีการนี้ถึงกับใช้ตัวเองเป็นหนูทดลอง แล้วก็ได้ผลลัพธ์ในคราแรกที่น่าตื่นตะลึง เพราะวิธีการนี้รักษาโรคเลือดของไมเคิลอย่างได้ผลเกินคาด แต่ผลข้างเคียงนี่สิกลับรุนแรงเสียยิ่งกว่าโรคเลือดที่ไมเคิลเป็นอยู่เสียอีก
หลังจากผ่านพ้นกระบวนการรักษาไม่นาน รูปร่างหน้าตาของไมเคิลก็เริ่มเปลี่ยนสภาพน่าเกลียดน่ากลัว จมูกกับดวงตาของเขาเริ่มแปรสภาพคล้ายกับค้างคาวดูดเลือด หูเริ่มชี้แหลม มีเขี้ยวงอกออกมายาวแหลมคม ดูแล้วคล้ายมนุษย์ผสมกับค้างคาว แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าการแปรสภาพทางร่างกายคือไมเคิลเริ่มมีความต้องการเลือดเช่นเดียวกับค้างคาวต้นแบบในการรักษา และขีดจำกัดนี้ล่ะที่ทำให้ไมเคิลต้องกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัว เขาต้องดื่มเลือดมนุษย์เพื่อการดำรงชีพของเขาเอง
พลังและจุดอ่อน
เหมือนกับเหล่าซูเปอร์ฮีโรนั่นล่ะ ที่มี 2 จำพวก จำพวกแรกคือผู้ที่ถือกำเนิดมาพร้อมพลังอำนาจพิเศษ อย่างเช่น Super Man, Thor, Wonder Woman, AquaMan และอีกจำพวกคือผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ธรรมดาแล้วได้รับพลังพิเศษในภายหลังอย่างเช่น Hulk, Captain America, Captain Marvel และ Spider-Man ไมเคิล มอร์เบียส นี่ก็จัดอยู่ในจำพวกหลัง เขาไม่ใช่ แวมไพร์ ที่เป็นอสุรกายตั้งแต่กำเนิด แต่เป็นเหตุจากความผิดพลาดในกระบวนการเยียวยาโรคเลือด ทำให้เขากลายเป็น มนุษย์ครึ่งแวมไพร์ ต้องจารึกไว้ว่า Morbius คือแวมไพร์ ตัวแรกในจักรวาลมาร์เวล Blade นี่ถือกำเนิดในปี 1973 ตามหลัง Morbius มา 2 ปี ด้วยความที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ Morbius เลยมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ต่างจากแวมไพร์ที่เรารู้จัก คือรับมาทั้งข้อดีและข้อด้อยของแวมไพร์
พลังและความสามารถ
- พละกำลังมหาศาลเหนือมนุษย์
- ความเร็วในการเดิน วิ่ง ร่อน เคลื่อนย้ายร่างกาย
- สามารถ “ร่อน” ได้ในระยะทางไกล ข้อนี้ดีที่ไม่ถึงกับใส่ความสามารถให้ Morbius บินได้ ซึ่งดูเวอร์วังเกินไป
- ได้รับความสามารถในการมองเห็นมาจากค้างคาว ทำให้มองเห็นในที่มืด
- Echilocation ใช้เสียงสะท้อนกำหนดตำแหน่งที่อยู่ศัตรูหรือเป้าหมาย
- สะกดจิตมนุษย์
- เยียวยารักษาตัวเอง เป็นไปโดยช้า ไม่รวดเร็วเหมือนกับวูล์ฟเวอรีน เหยื่อที่ถูกกัดดื่มเลือด “บางราย” จะกลายเป็นแวมไพร์เหมือน Morbius ต่างกับแวมไพร์โดยกำเนิดที่เหยื่อทุกรายจะเป็นแวมไพร์
จุดอ่อน
- มีความจำเป็นต้องดื่มเลือดมนุษย์เพื่อดำรงชีพ
- รับข้อด้อยในเรื่องแพ้แสงแดดมาจากแวมไพร์ ไม่ถึงกับโดนแสงแดดแล้วลุกไหม้เป็นไฟขนาดหนังแดรกคูลา แต่ผิวหนังของ Morbius จะบอบบางต่อแสงอาทิตย์ เขาสามารถออกภายนอกในเวลากลางวันได้ แต่ต้องปิดบังร่างกายมิดชิด
- พลังและความสามารถจะด้อยลงในสถานที่กลางแจ้ง
อย่างที่กล่าวมา Morbius ไม่ใช่แวมไพร์โดยกำเนิด เขาเลยได้รับคุณลักษณะของแวมไพร์มาบางส่วน ทั้งข้อดีและข้อด้อย ในด้านพลังความสามารถที่ Morbius ทำไม่ได้เหมือนอย่างแวมไพร์ก็คือ เขาไม่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ ไม่สามารถควบคุมหรือออกคำสั่งสัตว์ได้ แต่ข้อดีก็คือ กระเทียม , ไม้กางเขน และน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ทำอะไร Morbius ไม่ได้
Morbius เป็นทั้งตัวร้ายและ Anti-Hero
นี่ล่ะคือคุณสมบัติสำคัญที่ Morbius เป็นวายร้ายรายล่าสุดที่ถูกเลือกให้มามีหนังเดี่ยวของตัวเอง เพราะถ้าเป็นพวกเลวบริสุทธิ์หาความดีไม่ได้ หนังจะเล่าเรื่องลำบาก ถ้าใส่พระเอกมาปราบ ก็จะไม่ใช่หนังของ Morbius อีก แต่วายร้ายก้ำกึ่งจะดีก็ไม่ดี จะร้ายก็ไม่ร้ายแบบเนี้ยทางสตูดิโอเล็งเห็นแล้วว่าขายได้ดีอย่างเช่น Deadpool และ Venom ก็จัดว่าเป็น Anti-Hero เช่นกัน ซึ่งก็ล้วนประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งสิ้น
Morbius เปิดตัวมาในจักรวาล Spider-Man ในฐานะวายร้ายตัวหนึ่ง แต่ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ทำให้ Morbius ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นวายร้ายแถวหน้ารายหนึ่งในจักรวาล Spider-Man ในช่วงแรก ๆ ที่ Morbius อยู่ในขั้นตอนกลายร่างเป็นแวมไพร์นั้นเขามีความกระหายเลือดอย่างมาก ทำให้ Morbius ฆ่าลูกเรือบนเรือไปหลายคนเพื่อดูดเลือดมาบริโภคตามสัญชาตญาณแวมไพร์ การที่เขาฆ่าผู้บริสุทธิ์ทำให้ Morbius ในวันนั้นอยู่ในฝั่งวายร้ายเต็มตัว
Morbius ได้เผชิญหน้ากับ Spider-Man หลายครั้ง ครั้งแรกทั้งคู่เผชิญหน้ากันในบ้านชายทะเลของ เคิร์ต คอร์นเนอร์ (นักวิทยาศาสตร์ผู้มากความสามารถ ภายหลังกลายเป็น Lizardman) ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คือพยายามหาวิถีแก้ไขความผิดปกติของร่างกายตัวเอง ในขณะนั้น Spider-Man เกิดความผิดปกติกับร่างกายจนมีแขนงอกออกมาถึง 6 ข้าง ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็จะปะทะลงไม้ลงมือกันทุกครั้งไป สิ่งที่ Morbius ต้องการสุดคือดื่มเลือดที่ผสมกัมมันตภาพรังสีของ Spider-Man เพราะจะทำให้เขาห่างหายจากความกระหายเลือดได้เป็นเวลานานกว่าเลือดมนุษย์ทั่วไป บ่อยครั้งที่ Morbius ดื่มเลือดผู้บริสุทธิ์ ทำให้เขาต้องปะทะกับเหล่าซูเปอร์ฮีโรหลายรายที่ออกมาปกป้องเหยื่อ อย่างเช่น Fantastic Four และเหล่า X-Men
ในช่วงหลัง Morbius เริ่มมีความสำนึกผิดชอบ ให้คำปฏิญาณว่าต่อไปนี้เขาจะเลิกดื่มเลือดผู้บริสุทธิ์ แต่จะดื่มเฉพาะเลือดของเหล่าคนชั่วเท่านั้น ทำให้สถานะของ Morbius เริ่มโอนเอนจากวายร้ายเต็มตัวมาเป็น Anti-Hero เริ่มกึ่ง ๆ จะมีความเป็นพระเอกขึ้นมาบ้างล่ะ Morbius ดูมีความตั้งใจจริงที่จะเป็นคนดีขึ้น ถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเป็น มอร์แกน ไมเคิล แล้วเข้าทำงานเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลอีกครั้ง S.H.I.E.L.D เล็งเห็นถึงปนิธานที่แน่วแน่ของ Morbius จึงยินยอมรับ Morbius เข้ามาร่วมงาน แถมยังตั้งหน่วยงานใหม่ในชื่อ A.R.M.O.R.ให้ Morbius เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีมนี้
ภายหลัง Doctor Strange ได้ก่อตั้งทีมชื่อ The Midnight Sons ซึ่งประกอบไปด้วย Wong, Iron Fist, Ghost Rider และ Blade จุดประสงค์เพื่อร่วมกันกำราบ ลิลิธ เจ้าแม่และมารดาของเหล่าอสูร และจากนั้นหน้าที่หลักของ The Midnight Sons ก็คือต่อสู้กับวายร้ายที่มาพร้อมพลังมนตร์ดำ และพลังเหนือธรรมชาติ Morbius สร้างผลงานโดดเด่นจนะได้ขึ้นเป็นผู้นำกลุ่ม Morbius ค่อนข้างจะสนิทสนมกับ Blade เป็นพิเศษด้วยเหตุที่ทั้งคู่เป็นแวมไพร์เหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่า Anti-Hero ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ บางทีก็ผิดใจตีกันบ้างก็มี
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะเห็นพ้องต้องกันว่า Morbius เป็นตัวละครที่มีคุณสมบัติน่าสนใจมากมาย หยิบมาขยายเป็นหนังได้สนุกแน่นอน และน่าจะสานต่อได้ยาว ๆ หลายภาคด้วย อดใจรอพิสูจน์การเปิดตัวของ Morbius ไปพร้อมกัน 31 กรกฎาคม 2020 แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราน่าจะได้ชมตัวอย่างหนังกันอีกหลายเวอร์ชันครับ