เรื่องย่อ ปฏิบัติการปล้นระดับชาติที่มีผู้นำขบวนการใช้ฉายาแฝงว่า ศาสตราจารย์ เขารวบรวมอดีตโจร นักต้มตุ๋น อันธพาล และพวกคนชายขอบที่มีความสามารถเฉพาะด้าน มาเรียกด้วยชื่อของเมืองแทนชื่อตัวเพื่อมาร่วมกันทำตามแผนโจรกรรมสมบูรณ์แบบที่ไม่มีใครต้องบาดเจ็บหรือตาย และพวกเขาจะหนีรอดมาได้พร้อมเงินที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของสเปน หรืออาจของโลกด้วย ทว่าความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริงในโลก แม้แต่ศาสตราจารย์เองก็ต้องเรียนรู้เรื่องนั้นเมื่อได้ผ่านอุปสรรคแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นในแผนปล้นใหญ่ครั้งนี้
Money Heist ทรชนคนปล้นโลก (หรือ La Casa de Papel ซึ่งแปลว่า บ้านกระดาษ ในภาษาสเปน) เป็นซีรีส์จากสเปนที่ฮิตเกินคาดในบ้านเรา (หรืออาจพูดว่าทั่วโลก) โดยเฉพาะที่ว่าสามารถทำให้เน็ตฟลิกซ์ควักเงินออกทุนมาจนถึงซีซันที่ 4 แล้วด้วย โดยที่ไม่มีดาราเบอร์ใหญ่ระดับฮอลลีวู้ดมาเล่นสักคน ยิ่งการันตีความเจ๋งเป้งของตัวซีรีส์ได้อย่างดี โดยซีรีส์ชุดนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ อเล็กซ์ ปินา (Álex Pina) นักสร้างซีรีส์สุดเก๋าของสเปน ที่เดิมทีเป็นซีรีส์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง Antena 3 ของสเปน ก่อนที่จะถูกนำมาลงเน็ตฟลิกซ์และทำให้ทีมนักแสดงนำโดยเฉพาะ อัลวาโร มอร์เต (Álvaro Morte) ในบทของ ศาสตราจารย์, เปโดร อลอนโซ (Pedro Alonso) ในบท เบอร์ลิน และนักแสดงสาวสุดเซ็กซี เออร์ซูลา คอร์เบโร (Úrsula Corberó) ในบท โตเกียว กลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลกเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ต้องบอกว่าแม้เนื้อหาจะลากยาวมาถึงซีซันที่ 4 แล้ว แต่ในแง่ของการจบปมต่าง ๆ นั้นอาจเล่าได้ว่าตัวซีรีส์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค โดยปริยาย คือ ภาคปล้นโรงกษาปณ์ (ซีซันที่ 1-2) และภาคปล้นธนาคารกลาง (ซีซันที่ 3-4 และยังไม่จบ) ใครจะเริ่มดูแล้วกลัวหยุดไม่อยู่ก็บอกได้เลยว่ามีจุดที่ให้เบรกใจได้ยาว ๆ ตรงจบภาคแรกนั่นเองเพราะมันไม่ได้ทิ้งเชื้อให้ค้างคาสุด ๆ อะไรเลย (เป็นข้อดีนะไม่งั้นลากยาว ๆ กัน 4 ซีซัน รวม 38 ตอนนี่แอบเหนื่อย)
ภาคปล้นโรงกษาปณ์ ในภาคนี้นั้นเราจะได้เห็นการปูพื้นตัวละครต่าง ๆ ที่มาที่ไปและจุดแข็ง-จุดอ่อนในตัวของแต่ละคน รวมถึงปูพื้นฝั่งตรงข้ามอย่างตำรวจและหน่วยข่าวกรองของสเปน ถ้าว่าเป็นหนังภาคแรกก็เป็นภาคแรกที่ดูไปลุ้นไปจากความไม่รู้จักตัวละครนี่ล่ะ ว่ามันจะเก่งจะอ่านแผนล่วงหน้าไปได้ถึงไหนเชียว การปล้นโรงกษาปณ์ของประเทศอุปสรรคมันยากกว่าพวกหนังปล้นธนาคารทั่วไปอีกระดับเลย ตรงนี้เป็นจุดที่ต้องชื่นชมความชาญฉลาดของทีมเขียนบทที่นำโดยครีเอเตอร์คนเก่งอย่าง อเล็กซ์ ปินา ซึ่งธีมการนำเสนอก็ล้อไปชื่อเรื่องในภาษาสเปนที่แปลว่า บ้านกระดาษ ได้ดี ทั้งฉากไตเติลที่เป็นกราฟิกโรงกษาปณ์จำลองจากกระดาษซึ่ง ศาสตราจารย์ ใช้อ้างอิงในการวางแผนต่าง ๆ ดั่งภาพอุดมคติของตัวละครที่ต้องการแผนการที่สมบูรณ์แบบไม่มีใครบาดเจ็บหรือตาย และพวกเขาจะหนีรอดราวผู้บริสุทธิ์หรือกระดาษสีขาวก็ไม่ปาน และอีกทางมันก็ยังทำให้เห็นว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องมันพร้อมแปดเปื้อนและพังทลายอย่างง่ายดายขนาดไหน เพียงมีปัจจัยที่เกินควบคุมเข้ามาสั่นคลอนบ้านกระดาษหลังนี้ ทั้งจากความผิดพลาดที่เกินควบคุมจากการกระทำของตัวละครที่ล้วนมีจุดบกพร่อง หรือความบังเอิญ ความฉลาดเฉลียวของฝั่งผู้ล่าอย่างตำรวจที่พร้อมไล่งับลงเขี้ยวสั่งสอนศาสตราจารย์ผู้โลกสวยอยู่ในโลกอุดมคติ และนั่นก็เป็นสูตรที่ได้ผลมาก ๆ ที่ทำให้ผู้ชมสนใจใคร่รู้เรื่องราวตลอดเวลาว่าแผนการนี้จะล้ำแค่ไหน และพวกเขาจะเอาตัวรอดได้ไหม
ต้องยอมรับว่าด้วยคาแรกเตอร์ความไม่แน่นอน เลือดร้อน อารมณ์แกว่งดุจระเบิดเวลาของ โตเกียว ตัวละครสาวผู้ใช้ชีวิตโลดโผนราวอยากวิ่งหาความตายเสมอจนกระทั่งแฟนหนุ่มโดนตำรวจยิงตายระหว่างปล้น ทำให้เธอมีความหวั่นไหวในใจที่คาดเดาการกระทำไม่ได้ ไม่รู้จะสติแตกไปตอนไหน ในขณะอีกตัวละครที่เด่นไม่แพ้กันคือ เบอร์ลิน คุณชายมาดผู้ดีหยิ่งศักดิ์ศรีแต่เลือดเย็นและขาดความเห็นใจในมนุษย์ ผู้ที่ศาสตราจารย์ไว้ใจให้เป็นผู้นำคณะปล้น ก็เป็นตัวละครที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เรื่องราวได้เยอะมากจากความที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ การยืนอยู่ปลายเหวของความรุนแรงและความเจ้าเล่ห์ตลอดเวลาไม่รู้จะข้ามเส้นสู่การนองเลือดเอาตอนไหนกันแน่ ทั้งสองคนนี้ที่เป็นตัวละครที่มีบุคลิกน่ามองตามกายภาพอยู่แล้ว คือสวยหล่อมีเสน่ห์ทั้งคู่ เมื่อยิ่งมีนิสัยโดดเด่นน่าสนใจด้วยแล้วยิ่งดึงสายตาผู้ชมได้ตลอด และในขณะที่ทั้งคู่ดูเป็นตัวที่พร้อมสั่นคลอนแผน แต่ก็มีความขัดแย้งในตัวที่เชื่อมั่นและศรัทธาในแผนการของศาสตราจารย์อย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นหมากเด็ดที่คนเขียนบทเอามาใช้ทำให้ผู้ชมลุ้นได้ตลอดเวลาจริง ๆ
ในขณะที่ภายในโรงกษาปณ์เป็นเรื่องราวการงัดข้อกันระหว่างภายในกลุ่มโจร และระหว่างกลุ่มโจรกับตัวประกันที่บุคลิกหลากหลายทั้งน่าเอาใจช่วยทั้งน่าหมั่นไส้ ภายนอกโรงกษาปณ์ก็เป็นการวัดกึ๋นกันระหว่าง ศาสตราจารย์ ที่ต้องควบคุมสั่งการกลุ่มโจรให้ราบรื่น และปลอมตัวแนบเนียนเข้าใกล้เหล่าตำรวจเพื่อล้วงความคืบหน้าแบบรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ซึ่งอีกฝั่งก็คือ สารวัตรราเกล สาวใหญ่หย่าสามีและมีลูกติดที่ต้องทำหน้าที่เจรจาและโดนศาสตราจารย์แผ้วเผาทำลายชีวิตของเธออยู่ร่ำไป แต่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าชายแปลกหน้าที่เข้ามาชนะใจเธอในช่วงนี้คือศาสตราจารย์ปลอมตัวมา เรียกว่าเธอคือเหยื่อที่โดนกระทำหนักสุดจากเรื่องราวทั้งหมด เรื่องราวรักหลายเส้าของเธอเองก็เป็นตัวแปรให้เรื่องราวซับซ้อนขึ้นเหมือนกัน ทั้งรองสารวัตรที่แอบรักเธอมาตลอดเป็นสิบปี หรืออดีตสามีที่ชอบทำร้ายเธอแต่ภาพลักษณ์ดีในที่ทำงาน โดยเฉพาะการเป็นหน่วยพิสูจน์หลักฐานมือหนึ่งที่ต้องใกล้ชิดเธอตลอด และสุดท้ายคือความวุ่นวายที่สุดเมื่อศาสตราจารย์ก็ตกหลุมรักสารวัตรสาวเข้าให้จนได้ ความสัมพันธ์แบบโกหกและอยู่ขั้วตรงข้ามกันก็เป็นอีกเรื่องราวให้ได้ลุ้นมาก ๆ
พูดถึงด้านโพรดักชัน ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าซีรีส์สเปนเรื่องนี้มีมาตรฐานที่สูงมากไม่เพียงเรื่องบทที่ซับซ้อนแต่ละเอียดตกหล่นทิ้งรอยโหว่ใหญ่ ๆ น้อยมาก สะท้อนการเตรียมตัวที่ดีของทีมงานที่เก่งและแข็งแกร่ง เอาอวดสายตาชาวโลกได้สบาย ถ้าซีรีส์บ้านเราอยากไปตีระดับโลกก็อาจจำเป็นต้องก้าวข้ามข้อจำกัดบางอย่างให้ได้แบบนี้จริง ๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าตัวซีรีส์ได้การสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลอย่างน้อยที่สุดคือการไม่ขัดขวางการนำเสนอที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงเช่นนี้ นอกจากนั้นการสร้างโลเกชันรวมถึงการคิดรายละเอียดของพร็อพอย่างหน้ากาก ชุดคอสตูม อาวุธต่าง ๆ ต้องบอกว่าสร้างความน่าเชื่อถือให้เรื่องราวและเสริมจินตนาการผู้ชมให้สัมผัสความเท่ในทุกอณูเอามาก ๆ ด้วย
สรุป สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู ก็แนะนำเลยว่าภาคปล้นโรงกษาปณ์นี้ ลงตัวที่สุดแล้วในซีรีส์ชุดนี้ ทั้งความใหม่อ่อนประสบการณ์ของทั้ง 2 ฝั่ง ความลงตัวของตัวละครต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกันได้สนุกในหลายระดับ และการสรุปเรื่องราวที่น่าประทับใจจับใจคนดูสุด ๆ เรียกว่า 2 ซีซัน รวม 22 ตอนนั้น ดึงให้ดูรวดเดียวไม่หยุดได้ของจริงเลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส