ในช่วงศตวรรษที่ 21 ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์มากหน้า ทั้ง Albert Einstein จวบจน Stephen Hawking ได้ค้นพบกับหลักฐานการมีตัวตนของมิติที่ 4 ที่เรียกว่า “มิติกาลเวลา” ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์นั้นจะเป็นตัวแปรที่ใช้อธิบายปรากฎการณ์ต่าง ๆ ในจักรวาล ทั้งรูหนอน หลุมดำ ไปจนถึงบิ๊กแบง หรือการระเบิดขึ้นครั้งแรกซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล มนุษย์ยังเพิ่งเริ่มต้นรู้จักและศึกษาเรื่องนี้ได้ไม่นานเมื่อเทียบกับอารยธรรมมนุษย์ทั้งหมด
เช่นเดียวกับในกาลก่อน ที่โลกยังมีขอบ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และมนุษย์ไม่รู้ว่าแอ๊ปเปิ้ลมีแรงอะไรมากระทำให้ตกลงบนพื้นโลก มิติกาลเวลาที่เกี่ยวพันกับกลศาสตร์ควอนตัมยังคงเต็มไปด้วยปริศนาที่รอการพิสูจน์ รวมถึงโลกคู่ขนานและมิติเวลาที่ซ้อนทับก็เช่นกัน ด้วยเหตุนี้นิยายและหนังไซไฟวิทยาศาสตร์มากมายก็นำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์เรื่องราวสนุก ๆ ที่เติมเต็มจินตนาการให้เหล่าวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ด้วยในทางกลับด้วยเช่นกัน
วันนี้ What the Fact ขอนำเสนอหนังเพชรยอดมงกุฎของจักรวาลคู่ขนาน (Parallel Universe) ในหนังประเภทต่าง ๆ เผื่อแฟน ๆ ที่ชอบหนังแนวนี้จะได้หามาชมกัน (บางเรื่องก็มีให้ชมแล้วบน Netflix)
แฟรนไชส์ Star Trek (1979-2016) : หนังมหากาพย์ผจญภัยในอวกาศ
- นักแสดง: William Shatner, Leonard Nimoy, DeForest Kelley, James Doohan, George Takei, Nichelle Nichols / Chris Pine, Zachary Quinto, Karl Urban, Zoe Saldana, Simon Pegg, John Cho
- ผู้กำกับ: Robert Wise (The Sould of Music, Nicholas Meyer (Time after Time), J.J. Abrams (Star Wars 7,9), Justin Lin (The Fast Saga) (เป็นต้น)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 875 / 2,267 ล้านเหรียญฯ (รวมทุกภาค)
- หมวดของหนัง: ไซไฟ-แฟนตาซี
- สนุกยังไง: หนังมหากาพย์อวกาศที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับ Star Wars แต่ในสหรัฐฯ นั้นดูจะผูกพันกับแฟรนไชส์ชุดนี้มากกว่าผู้ชมจากทั่วโลก (สะท้อนจากรายรับของหนังเกือบทุกภาคที่ทำได้ดีกว่าในสหรัฐฯ มากกว่าจากตลาดต่างประเทศ) ถึงอย่างนั้น ทั้งเส้นทางของหนังที่เริ่มตั้งแต่ปี 1979 และของซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่เดินคู่ขนานกันไป จนถึงยุคสตรีมมิงที่ Netflix ก็มี Star Trek: Discovery และช่อง CBS ก็มี Star Trek: Picard ที่ยังคงมีตอนต่อออกมาเรื่อย ๆ ในปัจจุบันก็แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์จากเรื่องราวนี้ที่ไม่เคยหมดลงง่าย ๆ
- อาจพิจารณาจากไตรภาคหนังฉบับหลังสุดตั้งแต่ปี 2009-2016 ก็เล่าถึงเรื่องราวโลกคู่ขนานอย่างชัดเจน เมื่อตัวละครสป็อคของ Leonard Nimoy ได้ข้ามกาลเวลามาพบกับสป็อคของ Zachary Quinto ตั้งแต่ในภาคหนึ่ง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงมิติคู่ขนานที่สป็อควัยชราได้ข้ามมาในไทม์ไลน์ของสป็อควัยหนุ่มอย่างเป็นอีกเส้นเวลาหนึ่งที่แยกออกจากกัน เมื่อ Leonard Nimoy เสียชีวิต หนังก็ยังอุทิศภาค 3 ให้กับเขาด้วย (ภาค 4 ยังไม่มีความคืบหน้าจนถึงตอนนี้จากค่าย Paramount หลังได้ตัวผู้กำกับแล้วตั้งแต่ปีก่อน)
แฟรนไชส์ The Terminator (1984-2019) : หนังแอ็กชันจักรกลล้างบางมนุษย์ในโลกคู่ขนาน
- นักแสดง: Arnold Schwarzenegger, Linda Hamilton, Michael Biehn, Edward Furlong, Robert Patrick, Chistian Bale, Sam Worthington, Emilia Clarke
- ผู้กำกับ: James Cameron (Avatar), Jonathan Mostow (U-571), McG (Charlies’ Angel), Alan Taylor (Thor: The Dark World), Tim Miller (Deadpool)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 816 / 2,074 ล้านเหรียญฯ (รวมทุกภาค)
- หมวดของหนัง: แอ็กชัน
- สนุกยังไง: แม้ว่านับตั้งแต่ ภาค 2 Judgement Day ในปี 1991 เป็นต้นมา ภาค 3-6 จะกลายเป็นความล้มเหลวในทุก ๆ ทางชนิดปลุกผีคนเหล็กยังไงก็ไม่ขึ้น แต่หนังคนเหล็กนอกจากจะเป็นหนังแอ็กชันที่ปั้นให้ Arnold Schwarzenegger กลายเป็นตำนานตัวละครที่คอหนังรู้จักแทบทุกคนแล้ว หนังก็ยังเล่นกับเรื่องมิติโลกคู่ขนานและการย้อนเวลาจนเป็นสัญลักษณ์ของแฟรนไชส์ จนแฟน ๆ อาจงงได้ว่าไทม์ไลน์ไหนเป็นไทม์ไลน์ไหน เพราะแต่ละภาคตั้งแต่ภาค 3 ก็เปิดเรื่องด้วยไทม์ไลน์ใหม่ของตัวเองชนิดที่ไม่เกี่ยวกันเลยทุกรอบ (ภาค 5 คือภาคที่กล่าวถึงโลกคู่ขนานกับภาค 2 ได้ชัดที่สุด)
- เรื่องราวหลักของหนัง เริ่มต้นด้วยทหารของกองกำลัง “ไคล รีส” เดินทางย้อนเวลากลับมาช่วย “ซารา คอนเนอร์” ที่กำลังตกเป็นเป้าสังหารจากหุ่น T-800 ของ Cyberdyne Company (ต่อมากลายเป็น SkyNet) อีกหนึ่งปีให้หลัง ในปี 1985 จอห์น คอนเนอร์ ที่จะกลายเป็นผู้นำกองกำลังต่อต้านจักรกล SkyNet ถือกำเนิด (จบเรื่องราวในภาคแรก) ปี 1994 ซาราถูกจับเข้าโรงพยาบาลบ้า จอห์นได้รับการดูแลโดยครอบครัวอุปถัมภ์ ต่อมาพวกเขาถูกตามล่าโดยหุ่น T-1000 และจอห์นในโลกอนาคตก็ส่ง T-800 ที่ปรับโปรแกรมให้เป็นหุ่นฝ่ายดีแล้ว กลับมาช่วยตัวเองและแม่ (อ่านไทม์ไลน์หลักทั้งหมดของ The Terminator ได้ที่นี่)
ไตรภาค Back to the Future (1985-1990) : หนังผจญภัยย้อนเวลาในตำนาน
- นักแสดง: Michael J. Fox, Christopher Lloyd, Lea Thompson, Thomas F. Wilson, Elisabeth Shue, Mary Steenburgen
- ผู้กำกับ: Robert Zemeckis (Forrest Gump, Contact, Cast Away)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 99/ 961 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ผจญภัย-แฟนตาซี
- สนุกยังไง: หนังผจญภัยย้อนเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นตำนาน เพราะเป็นหนังที่คนรุ่นใหม่ก็ยังแสวงหามาชมกันอยู่แบบรุ่นต่อรุ่น และหนังก็สนุกทุกครั้งที่หยิบมาดูแม้ว่าจะฉายผ่านมาร่วม 35 ปีแล้วก็ตาม เรื่องราวของ “มาร์ตี้ แม็กฟลาย” วัย 17 ปี ที่มีเพื่อนเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง “ดร.เอ็มเม็ตต์ บราวน์” หรือด็อก มาร์ตี้ยังมีพ่อผู้อ่อนแอชื่อ “จอร์จ” ที่ถูกระรานจากหัวหน้า “บิฟฟ์ เทนเน็น” ผู้ขอยืมรถของพวกเขาไปแล้วทำพัง ในมื้อเย็นวันนั้นเอง ส่วนแม่ของมาร์ตี้ที่ชื่อ “ลอร์เรน” พบรักกับจอร์จตั้งแต่วัยเรียน
- ต่อมาด็อกเล่าว่า วางแผนที่จะเดินทางไปอนาคต แต่จู่ ๆ กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ด็อกไปขโมยพลูโตเนียมมาเกิดไล่ล่าจนฆ่าเขาตาย มาร์ตี้จึงต้องกระโดดเข้า “เดอลอรีน” รถที่เป็นไทม์แมชชีนกลับสู่อดีต ในปี 1955 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน เพื่อเตือนด็อกว่าจะถูกฆ่าในวันที่เขามาจากอนาคตปี 1985 แต่ก็เกิดเรื่องอื่นแทรกเมื่อลอร์เรนวัยสาวเกิดมาตกหลุกรักเขาแทนที่จะเป็นจอร์จ อันจะส่งผลให้เขาและพี่น้องหายไปตลอดกาล เขาต้องสื่อสารกับด็อกวัยหนุ่มให้เข้าใจเรื่องไทม์แมชชีนเพื่อส่งเขากลับอนาคตให้ได้ และแก้ปัญหาเรื่องความรักระหว่างพ่อแม่ด้วย
- ส่วนภาค 2 ปี 1989 จะเน้นไปที่โลกคู่ขนานของเรื่องราวหลังจากมาร์ตี้ไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต จนส่งผลต่อเส้นเวลาในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป (หลังบิฟฟ์ในอนาคตเอาหนังสือรวบรวมผลแทงพนันไปให้กับบิฟฟ์วัยหนุ่มได้อ่านจนรวยเละ) กับภาค 3 ปี 1990 ที่เรื่องราวย้อนไปในอดีตยุคคาวบอยเมื่อด็อกได้พบกับคนรัก (อ่านบทความเรื่องทฤษฎีเวลาของ Back to the Future ได้ในอีกหลายบทความของ WTF ที่นี่และที่นี่)
Groundhog Day (1993) : ตำนานหนังวนลูปซ้ำรอยเดิม
- นักแสดง: Bill Murray, Andie MacDowell, Chris Elliott, Stephen Tobolowsky, Brian Doyle-Murray
- ผู้กำกับ: Harold Ramis (Analyze This, Analyze That, Year One)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 14 / 70 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ตลก
- สนุกยังไง: Groundhog Day เป็นชื่อเรียกขานถึงประเพณีเก่าแก่ของเมือง Punxsutawney Phil ในรัฐเพนซิลเวเนียของสหรัฐอเมริกา โดยทุกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เมืองแห่งนี้จะเอาตัวตุ่นมาพยากรณ์อากาศ โดยจะดูว่ามันออกจากโพรงหรือไม่ ถ้าออกจากโพรงแสดงว่า ฤดูหนาวได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนในหนังนั้น พระเอกมีอาชีพเป็นนักข่าวที่เป็นคนเห็นแก่ตัว ขี้เหวี่ยงวีน อยู่ดี ๆ วันหนึ่งเขาก็ตื่นมาเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ที่เขาจะต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตผ่านวันเดิม ๆ เหตุการณ์เดิมๆ คำพูดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อยู่ทุกวัน จนกระทั่งตัวละครค่อย ๆ เรียนรู้และแปลงเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น และเข้าใจการทำวันนี้ให้ดีที่สุด พูดได้ว่าหนัง Time Loop แบบนี้ถือเป็น “ต้นทาง” ไอเดียของหนังแนว Live Die Repeat ในเวลาต่อมาอย่าง Source Code (2011) About Time (2013) และ Edge of Tomorrow (2014) ในอีกสองทศวรรษต่อมา
12 Monkeys (1995) : หนังย้อนเวลาหยุดไวรัสโรคระบาด – มีใน Netflix
- นักแสดง: Brad Pitt, Bruce Willis, Christopher Plummer, David Morse
- ผู้กำกับ: Terry Gilliam (The Brothers Grimm, The Imaginarium of Doctor Parnassus)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 29 / 168 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ไซไฟ-แฟนตาซี
- สนุกยังไง: หนึ่งในหนังไวรัสโรคระบาดในตำนานที่ผูกเรื่องเข้ากับการย้อนเวลาไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต (มีทำเป็นซีรีส์ออกมาด้วยในชื่อเดียวกัน) 12 Monkeys (1995) เป็นการโคจรมาเจอกันของ 2 ดาวดังแห่งยุค 90s อย่าง Bruce Willis และ Brad Pitt เล่าเรื่องของ ปี 2035 เชื้อโรคร้ายได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกและคร่าชีวิตมนุษย์เกือบหมด ผู้ที่ยังรอดก็ต้องอาศัยอยู่ใต้ดิน เป็นเหตุให้ “โคล” อาสาเดินทางย้อนเวลาร่วมทำภารกิจไขปริศนาแห่ง “กองทัพลิง 12 ตัว” กลุ่มต่อต้านการทดลองในสัตว์ที่น่าจะเป็นต้นเหตุของหายนะ นำเชื้อโรคออกมาปล่อยยังโลกภายนอก แน่นอนว่า การย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นโลกคู่ขนานก็จะบิดเส้นเวลาให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
แฟรนไชส์ The Matrix (1999-2021) : หนังไซไฟโลกซ้อนโลก
- นักแสดง: Keanu Reeves, Carrie Ann-Moss, Lawrence Fishburne, Hugo Weaving, Monica Bellucci, Jada Pinkett Smith
- ผู้กำกับ: Lana and Lilly Wachowski (Cloud Atlas, Speed Racer, Jupiter Ascending)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 365 / 1,631 ล้านเหรียญฯ (นับแค่ 3 ภาค)
- หมวดของหนัง: ไซไฟ
- สนุกยังไง: เพชรยอดมงกุฎของการดัดแปลงมังงะเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จสูงสุด และเป็นหนังที่กลายมาเป็นนิยามของหนังไซไฟยุคใหม่แห่งสหัสวรรษ ที่อุดมไปด้วยปรัชญา กังฟู และฉากแอ็กชันที่น่าจดจำ The Matrix เล่าเรื่องราวในโลกอนาคต เมื่อฝั่งมนุษย์ทำสงครามกับฝั่งหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ โดยระหว่างสู้รบกันนั้น มนุษย์สามารถกำจัดแหล่งพลังงานของเหล่าหุ่นยนต์อย่างแสงอาทิตย์ได้โดยการทำให้ท้องฟ้ามืดดำ
- แต่ภายหลังหุ่นยนต์กลับพบแหล่งพลังงานใหม่ นั่นก็คือร่างกายของมนุษย์ และเป็นเหตุให้ฝ่ายมนุษย์ที่พ่ายแพ้ถูกจับไปเกือบทั้งหมด นับแต่นั้นมนุษย์จึงถูกเลี้ยงให้เจริญเติบโตในแคปซูลเพื่อเป็นแหล่งพลังงานป้อนให้กับปัญญาประดิษฐ์ พวกมันสร้างโลกจำลองที่เรียกว่า The Matrix ขึ้นมาเพื่อล่อลวงให้มนุษย์หลับใหลอยู่ภายใต้การควบคุมในโลกจำลองนั้น หนังเปิดเรื่องเมื่อ “มอร์เฟียส” และ “ทรินิตี้” ได้ปลุก “นีโอ” ตัวเอกผู้ถูกเลือกของเรื่องขึ้นมาและนำไปสู่การปลดแอกมนุษยชาติ
- อ่านคำอธิบายที่สถาปนิกคุยกับ neo ได้ที่นี่
Frequency (2000) : หนังมิติคู่ขนานผ่านคลื่นวิทยุ
- นักแสดง: Dennis Quaid, Jim Caviezel, Michael Cera, Elizabeth Mitchell
- ผู้กำกับ: Gregory Hoblit (Primal Fear, Fracture, Fallen)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 31 / 68 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ดรามา-แฟนตาซี
- สนุกยังไง: หนังโลกคู่ขนานคนละเวลาของคู่พ่อลูกที่ปัจจุบันของลูก พ่อของเขาได้ตายจากไปนานแล้ว แต่เขากลับมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อของเขาอีกครั้งผ่านเครื่องรับวิทยุ “จอห์น ซัลลิแวน” พบเครื่องวิทยุที่พ่อของเขาให้ไว้ก่อนเสียชีวิตภายในบ้าน เขาได้คุยกับพ่อของเขา ย้อนเวลาจากปี 1999 กลับไปในปี 1969 จอห์นพยายามเปลี่ยนอดีตให้พ่อของเขารอดจากอุบัติเหตุ แต่ทุกครั้งที่พ่อของเขาเปลี่ยนบางอย่างในมิติเวลาของตัวเอง มันก็ได้ส่งผลต่อมิติเวลาในปัจจุบันของเขาด้วย ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงอดีตก็ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมตามมาด้วยเช่นกัน กับบทสรุปในตอนท้ายของหนังโลกคู่ขนานที่หยิบจับประเด็นพ่อลูกแบบนี้ย่อมอบอุ่นและทำให้เสียน้ำตาได้ไม่ยาก
Identity (2003) : หนังฆาตกรในโลกคู่ขนานสุดหักมุม
- นักแสดง: John Cusack, Amanda Peet, Ray Liotta, Alfred Molina, John Hawkes, Rebecca DeMornay
- ผู้กำกับ: James Mangold (Logan, The Wolverine, Ford v Ferrari)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 28 / 90 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ระทึกขวัญ
- สนุกยังไง: แม้หน้าหนังจะดูเป็นหนังฆาตกรรมตามล่าหาฆาตกรแบบ Whodunit ในสถานที่ปิดตาย และกว่าจะรู้ว่าหนังสามารถจัดอยู่ในประเภทของหนังมิติเวลาโลกคู่ขนานได้ด้วย ก็มาถึงในตอนจบซึ่งก็คงจะเป็นการสปอยล์น่าดูถ้าเล่าให้ฟัง เพราะงั้นไปดูในหนังเองดีกว่า แต่ขอบอกเลยว่า พอถึงตอนจบต้องมีเสียวสันหลังวาบกันหลังหนังจบกันทุกคน
- ที่พอเล่าได้อย่างไม่เสียอรรถรสก็คือ หนังเป็นเรื่องของคนแปลกหน้า 10 คน ที่ฝนตกขี้หมูไหลต้องมาหลบพายุฝนอยู่ด้วยกันที่โรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่ง ทั้ง 10 คน ได้แก่ พนักงานขับรถลีมูซีน อย่าง “เอ็ด” (พระเอก), อดีตนักแสดงดังยุค 80s, นายตำรวจ ซึ่งกำลังจะพาตัวผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายไปยังสถานีตำรวจ, หญิงขายบริการ, คู่แต่งงานใหม่ และครอบครัวพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง ความน่าสะพรึงกลัวก็ค่อย ๆ ปรากฎขึ้น เมื่อพวกเขาถูกใครบางคนในหมู่พวกเขากันเองฆ่าตายทีละคน มิหนำซ้ำในระหว่างที่กำลังสืบหาตัวฆาตกรอยู่นั้น ศพของแต่ละคนก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย
The Butterfly Effect (2004) : หนังเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
- นักแสดง: Ashton Kutcher, Amy Smart, Logan Lerman, Ethan Suplee, Kevin Durand
- ผู้กำกับ: Eric Bress and J. Mackye Gruber (Writer-Final Destination 2&4)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 13 / 96 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ไซไฟ-แฟนตาซี
- สนุกยังไง: อีกหนึ่งทฤษฎีคลาสสิกตลอดกาลที่ใช้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยในอดีต ย่อมกระทบส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเส้นเวลาของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า “แม้เพียงเด็ดดอกไม้ ผลกระทบก็กระเทือนเปลี่ยนแปลงดวงดาวได้” หนังเรื่องนี้หยิบเอาวลีจากทฤษฎี Butterfly Effect มาขยายเป็นเรื่องยาว (แฟนหนังย่อมเคยได้ยินประโยคนี้จาก Jurassic Park (1993) ภาคแรกมาก่อน)
- หนังเล่าเรื่องราวของ “อีวาน ทรีบอร์น” นักศึกษาหนุ่มที่ต้องเผชิญมีอาการปวดหัวอย่างหนักถึงขั้นหมดสติ และทุกครั้งที่หมดสติ เขาจะสามารถเดินทางย้อนเวลาเพื่อแก้ไขช่วงชีวิตอันโหดร้ายที่เคยผ่าน ๆ มาได้ แต่ทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนอดีตก็จะส่งผลกระทบกับชีวิตในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนให้มันดีขึ้นแค่ไหน ในชีวิตจริงกลับเป็นตรงกันข้าม เขาทำมันไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ปัจจุบันของเขาเจอสิ่งเลวร้ายขีดสุดนั่นคือ การสูญเสียคนที่รักที่สุดไป และเหมือนว่าเขาจะไม่อาจกลับไปแก้ไขมันได้อีกแล้ว หรือแท้จริงแล้วมิติคู่ขนานของอีวานจะมีจุดบรรจบอยู่ที่ความจริงที่ถูกกำหนดไว้แล้วเพียงหนึ่งเดียว?
De Javu (2006) : หนังสอบสวนสุดระทึก
- นักแสดง: Denzel Washington, Paula Patton, Val Kilmer, Jim Caviezel, Bruce Greenwood
- ผู้กำกับ: Tony Scott (Top Gun, Days of Thunder, Unstoppable)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 75 / 180 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: แอ็กชัน-สืบสวน
- สนุกยังไง: อีกหนึ่งหนังแอ็กชันสุดเข้มข้นของผู้กำกับ Tony Scott ผู้ล่วงลับ กับดาราคู่บุญของเขาอย่าง Denzel Washington ที่หยิบเอาปรากฎการณ์ Deja Vu (ภาษาฝรั่งเศส) แปลว่า “เคยเห็นมาก่อนแล้ว” เกิดในกรณีที่เราได้พบกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็นครั้งแรก แต่รู้สึกเหมือนกับเคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อน บางคนก็เลยไปเชื่อมโยงกับการระลึกชาติหรือมิติคู่ขนานของเวลา ขณะที่ทางการแพทย์ก็มีความเห็นไว้ว่า อาจเกิดจากการทำงานของเซลล์ประสาทที่ขัดข้อง จะเกิดขึ้นเมื่อสมองไม่สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
- ส่วนในหนังเล่าเรื่องของเจ้าหน้าที่ “ดั๊ก คาร์ลิน” ที่เข้าไปทำการสืบสวนคดีร้ายแรง เขาถูกเรียกตัวไปเก็บหลักฐานหลังการระเบิดครั้งใหญ่บนเรือเฟอร์รีลำหนึ่งในเมืองนิวออร์ลีนส์ คาร์ลินได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับทีมพิเศษที่ตั้งขึ้น ซึ่งต่อมาพบว่าพวกเขาสามารถย้อนดูภาพในอดีตก่อนเหตุการณ์ระเบิดจะเกิดขึ้นได้ และต้องใช้ดั๊กในการวิเคราะห์หาตัวฆาตกร (รับบทโดย Jim Caviezel จาก Frequency) ทีมเฝ้าติดตามหญิงสาวที่เป็นเหยื่อคนหนึ่งในเหตุการณ์และถูกคนร้ายจับตัวไปฆ่าในที่สุด แต่เมื่อดั๊กยิ่งติดตามเธอก็ยิ่งผูกพัน ก่อนจะไปพบว่าภาพที่เห็นไม่ใช่แค่การบันทึกเหตุการณ์จากอดีต แต่เป็นการส่องดูโลกคู่ขนานอีกมิติเวลาที่เธอและผู้บริสุทธิ์นับร้อยยังไม่ตาย เขาจึงมีโอกาสช่วยทุกคนให้รอดในอีกมิติเวลา
Time Traveller’s Wife (2009) : หนังรักเรียกน้ำตา – มีใน Netflix
- นักแสดง: Rachel McAdams, Eric Bana, Ron Livingston, Stephen Tobolowsky
- ผู้กำกับ: Robert Schwentke (Insurgent, RED, Flightplan)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 39 / 101 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ดรามา
- สนุกยังไง: หนังที่สร้างจากนิยายดังของ Audrey Niffenegger ที่กลายเป็นหนังรักสุดซึ้งเกี่ยวกับโลกคู่ขนานในมิติเวลา ที่นางเอกใช้ชีวิตตามเส้นเวลาปกติ แต่พระเอกกลับมีชีวิตบนเส้นเวลาที่กระโดดข้ามไปมา “เฮนรี” บรรณารักษ์หนุ่มผู้เกิดมาพร้อมกับ “ยีนส์ผิดปกติ” ที่ทำให้ชีวิตของเขามีลำดับเวลาที่ผิดเพี้ยน ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมได้ว่าจะเดินทางไปในเวลาไหนหรือที่ใด ทุกครั้งที่เขาเดินทางท่องเวลา เขามักจะได้เจอกับ “แคลร์” เธอได้พบเจอเฮนรีตั้งแต่เธออายุ 6 ขวบ ในขณะที่เฮนรีเป็นชายหนุ่มกลางคนที่มาจากอนาคต และเฮนรีมักจะมาเจอกับแคลร์เสมอ รวมทั้งยังบอกเธอเอาไว้อีกว่า ในอนาคตเขาคือสามีของเธอ เฮนรี่กลายเป็นรักแรกและรักเดียวของแคลร์ที่ผ่านทั้งทุกข์สุขไปด้วยกันตามแบบฉบับของพวกเขา แต่ปริศนาที่แคลสงสัยมาตลอดก็คือ ทำไมเธอจึงไม่เคยเจอเฮนรี่ตอนวัยแก่ย้อนเวลากลับมาหาเธอเลย?
Midnight in Paris (2011) : หนังสุดโรแมนซ์ในเมืองปารีส
- นักแสดง: Owen Wilson, Rachel McAdams, Tom Hiddleston, Andrien Brody, Michael Sheen, Marion Cotillard, Léa Seydoux
- ผู้กำกับ: Woody Allen (Annie Hall, Manhattan, Blue Jasmine)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 17 / 153 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: โรแมนติก
- สนุกยังไง: ผู้กำกับสายหนังอินดีคลาสสิกอย่างคุณปู่ Woody Allen ก็มาทำหนังโลกคู่ขนานย้อนเวลากับเขาด้วยเหมือนกัน เรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่กำลังจะแต่งงานกัน และบินมาปารีสพร้อมกับครอบครัวของฝ่ายหญิง แต่การมาเมืองปารีสครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาทั้งคู่ไปตลอดกาล ฟากชายหนุ่มที่เป็นนักเขียน ชอบความเป็นส่วนตัวและความสงบ ผิดกับฝ่ายหญิง สาวรักสังคมรักปาร์ตี้และไม่ค่อยชอบศิลปะ ระหว่างท่องราตรีอันเงียบสงบในปารีส ชายหนุ่มได้ย้อนเวลาไปเจอกับหญิงสาวอีกคนที่รักในงานศิลปะและดูจะเข้ากันกับเขามากกว่า และก็ยังได้เจอเพื่อนใหม่แปลกหน้าที่พยายามจะผลักดันให้งานเขียนของเขาเป็นที่รู้จัก เขาต้องตัดสินใจทำในหลาย ๆ สิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตเขา แต่สิ่งหนึ่งที่มันจะไม่เคยเปลี่ยนไปแน่ ๆ คือ เมืองปารีส เมืองแห่งจิตรกร และไฟฝันในการเป็นนักเขียนของเขา
Cloud Atlas (2012) : หนังหลายภพชาติสุดพิสดาร
- นักแสดง: Tom Hanks, Halle Berry, Jim Broadbent, Hugo Weaving, Jim Sturgess, Ben Whishaw, Doona Bae, Hugh Grant
- ผู้กำกับ: Lana and Lilly Wachowski (The Matrix Trilogy, Speed Racer, Jupiter Ascending) & Tom Tykwer (Run Lora Run)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 102 / 130 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: ไซไฟ-แฟนตาซี-ตลก
- สนุกยังไง: ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานของ 3 ผู้กำกับแห่งหนังโลกซ้อนโลกที่โคจรมาเจอกัน ทั้งสองพี่น้อง Wachowski จากไตรภาค The Matrix และ Tom Tykwer จาก Run Lola Run ก็รับประกันความแหวกแนวไว้ได้เลย งานนี้ที่แม้ไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้ (มีคนแซวว่า เพราะเป็นการนำไอเดียเรื่องของภพชาติ ตายแล้วเกิดเป็นตัวตนใหม่แต่ละยุคมาใช้ ซึ่งฝรั่งไม่อินเพราะตามความเชื่อศาสนาคริสต์ มนุษย์จะตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า หนังเลยเจ๊ง!) แต่ก็เป็นงานที่ทะเยอทะยานมากกับการนำนักแสดงหลักมาสลับตัวเล่นคนละภพชาติอย่างบันเทิงทั้งคนเล่นและคนดู
- หนังเป็นเรื่องราว 7 เรื่องย่อยซึ่งสอดประสานกันไปมาตลอดความยาวเรื่อง (แบบตัดสลับไปมา ไม่ได้จบในตอนซึ่งก็อาจสร้างความงงงวยกับคนดูแต่สุดท้ายหนังจะไปเชื่อมบรรจบกัน) เล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์ในยุคตื่นทองที่แคลิฟอร์เนีย มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ปี 1849, ช่วงเวลาในเคมมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และเอดินบะระห์ ประเทศสกอตแลนด์ ปี 1936, เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ในปี 1973, สหราชอาณาจักร ในปี 2012 เมื่อบรรณาธิการสำนักพิมพ์อายุ 65 ปี ต้องประสบเคราะห์หลังจากเจอนักเขียนอันธพาล, กรุงนีโอโซล (เกาหลีใต้ในปัจจุบัน) ในปี 2144 มนุษย์สังเคราะห์จากกระบวนการโคลนนิงกำลังจะถูกประหารชีวิต, เกาะฮาวาย โลกหลังอารยธรรมนุษย์ล่มสลาย และโลกใบใหม่ที่มีดวงจันทร์สองดวงห่างไกลไปจากโลกในอนาคต
About Time (2013) : หนังอังกฤษครอบครัวแสนประทับใจ
- นักแสดง: Domhnall Gleeson, Rachel McAdams, Bill Nighy, Margot Robbie, Vanessa Kirby
- ผู้กำกับ: Richard Curtis (Love Actually, Pirate Radio)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 12 / 87 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: โรแมนติก-ครอบครัว
- สนุกยังไง: ผลงานกำกับชิ้นสุดท้ายของเจ้าพ่อหนังรักอังกฤษอย่าง Richard Curtis ที่เป็นมือเขียนบทหนังอังกฤษดัง ๆ อย่าง Four Weddings and a Funeral, Notting Hill, Bridget Jones’s Diary และล่าสุดอย่าง Yesterday (ยังเขียนบทอยู่แต่ไม่เป็นผู้กำกับแล้ว) ซึ่งก็เป็นงานที่สมศักดิ์ศรีผลงานชิ้นสุดท้าย เพราะทำออกมาได้งดงามและแสนประทับใจ
- หนังเป็นเรื่องราวของ “ทิม” ชายหนุ่มขี้อาย ไม่ประสีประสา เขาได้พบความจริงจากพ่อว่า เขาสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ สิ่งนี้เป็นความสามารถพิเศษที่ผู้ชายตระกูลนี้ที่สืบทอดกันมา เขาใช้ความสามารถนี้ย้อนกลับไปช่วยให้แก้ไขข้อผิดพลาดบางอย่างในชีวิตได้ (ซึ่งก็จะทำให้เส้นเวลาในอนาคตเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับร้ายแรงเท่ากฎเกณฑ์ในหนังเรื่องอื่น) ทิมใช้ความสามารถพิเศษเพื่อเจอกับแฟนสาวและทำให้เธอประทับใจ หนังให้ข้อคิดสอนชีวิตเช่นเดียวกับหนังหลาย ๆ เรื่องที่ Curtis เคยเขียนบทไว้ กับเรื่องนี้ก็เน้น ๆ ไปที่ความรักระหว่างพ่อกับลูกชาย ที่จับเอาการย้อนเวลาและโลกคู่ขนานมาทำให้เสียน้ำตาได้
Your Name (2016) : หนังแอนิเมชันรักสุดซึ้ง
- นักแสดง: Cherami Leigh, Ben Diskin, Ray Chase, Masami Nagasawa, Erin Fitzgerald
- ผู้กำกับ: Makoto Shinkai (Weathering with You)
- ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 3.44 / 358 ล้านเหรียญฯ
- หมวดของหนัง: แฟนตาซี
- สนุกยังไง: หนังแอนิเมชันที่ทำรายได้ไปถล่มทลายทั้งในบ้านเกิดและทั่วโลก ครองสถิติภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดในปีที่เข้าฉายและกำลังอยู่ในแผนที่จะรีเมกเป็นหนังฮอลลีวูด เรื่องราวคู่ขนานผ่านมิติเวลาและภพชาติของ “มิสึฮะ” เด็กนักเรียนหญิงที่เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในชนบท และปรารถนาจะเป็นหนุ่มหล่อ ณ กรุงโตเกียวในชาติหน้า ต่อมา “ทะกิ” เด็กนักเรียนชายในกรุงโตเกียว ตื่นขึ้นพบว่า เขาคือมิสึฮะ ส่วนมิสึฮะก็สลับร่างมาอยู่ในร่างของทะกิ พวกเขาเข้าใจว่าตนสลับร่างกัน จึงเริ่มติดต่อสื่อสารกันโดยส่งข้อความทางกระดาษหรือโทรศัพท์ เมื่อเวลาผ่านไป ต่างคนเกิดเริ่มคุ้นชินกับร่างและเริ่มก้าวก่ายชีวิตของกันและกัน ต่อมาเมื่อเกิดปรากฎกาณณ์ดาวหาง ทะกิตื่นขึ้นพบว่า ตนกลับมาอยู่ในร่างเดิมและยังพบว่า ตนและมิสึฮะจะไม่อาจสลับร่างกันกันอีกอีก ทะกิจึงตัดสินใจออกติดตามหามิสึฮะ แต่เขาไม่ทราบแม้แต่ชื่อบ้านชื่อเมืองของเธอ ผู้ชมต้องลุ้นกันว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งไหม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส