กำกับ
Autumn de Wilde
บทภาพยนตร์
Eleanor Catton
ความยาวภาพยนตร์
2 ชั่วโมง 4 นาที
Our score
8.2[รีวิว] EMMA 2020 : กลับมารอบนี้ อารมณ์ขันกระจุ๋มกระจิ๋ม
จุดเด่น
- หนังภาพสวยให้อารมณ์ฟิลกู้ด
- เอ็มมาเวอร์ชันนี้ เป็นคุณหนูเอาแต่ใจที่น่าหมั่นไส้ ให้อารมณ์แตกต่างจากเวอร์ชัน กวินเน็ธ พัลโทรว์
- เพลงประกอบเสริมอารมณ์หนังได้ดีมาก นี่คือส่วนที่ชอบที่สุด
- เล่าเรื่องเก๋ไก๋เป็น Art Movie ที่ชุ่มฉ่ำ
จุดสังเกต
- ขัดใจกับการเคสพระเอก มันอดเอาไปเปรียบเทียบกับ Jeremy Northam ไม่ได้จริง ๆ
- การเล่าเรื่องแบบไม่เกริ่นนำตัวละคร คนที่ยังไม่เคยดูเวอร์ชันเก่าอาจต้องอาศัยความเข้าใจนิดนึง
-
ความสมบูรณ์ของบท
6.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
9.0
-
คุณภาพการเล่าเรื่อง
9.0
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
10.0
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Emma Woodhouse (เอ็มมา วู้ดเฮาส์) ขอเท้าความไปถึงเวอร์ชันเก่า ๆ กันสักนิด ส่วนใครที่เคยรู้จัก Emma ในเวอร์ชันก่อนหน้ามาแล้ว โดยเฉพาะ Emma 1996 เวอร์ชันนี้ก็เป็นอีกเวอร์ชันหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
Emma สร้างมาจากนิยายรักอารมณ์ดีออกแนวเสียดสีของ Jane Austen เรื่องนี้เป็น comedy-drama ที่สร้างออกมาหลายครั้งแล้ว ทั้งภาพยนตร์ฮอลลีวูดและละครโทรทัศน์ ถ้านับเฉพาะเวอร์ชันที่เป็น Emma ก็เริ่มตั้งแต่ปี 1972 เป็นมินิซีรีส์ของ BBC นำแสดงโดย Doran Godwin จนปี 1996 ก็สร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Gwyneth Paltrow จนเป็นที่จดจำและในปีเดียวกัน Kate Beckinsale ก็มารับบท Emma ในเวอร์ชันซีรีส์ทางโทรทัศน์ จนมาในปี 2009 ทาง BBC ก็หยิบ Emma มาทำเป็นมินิซีรีส์อีกครั้ง เวอร์ชันนี้ Romola Garai มารับบทเป็น Emma ได้ข่าวว่าเป็นเวอร์ชันที่ได้รับเสียงชื่นชมหนาหูแต่ดิฉันยังไม่เคยได้ดูกับเขาหรอกค่ะ
ด้วยความที่นิยายเรื่องนี้ของ Jane Austen (จริง ๆ ก็แทบทุกเรื่อง) จะออกแนวเสียดสีสังคม พูดถึงความเท่าเทียมในวงสังคมและเรื่องวุ่น ๆ ของตัวเอกที่ติดตลก แถมยังเป็นนิยายรักอารมณ์ขัน จึงถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูด กับเขาครั้งหนึ่งในชื่อเรื่อง Clueless ในปี 1995 นำแสดงโดย Alicia Silverstone ในบท แชร์ ฮอโรวิตส์ (Cher Horowitz) สาวสวยรวยเวอร์ที่มีคฤหาสน์อยู่ใน เบเวอร์ลี ฮิลส์ ในยุค 90s เรื่องนี้ทำรายได้ในสหรัฐอเมริกาไปมากกว่า 56.6 ล้านเหรียญ เชียวละ
หลายเวอร์ชันซะจริงเลยเนอะ แล้วก็มาถึงเวอร์ชันนี้ ที่ยังคงเล่าเรื่องราวของ Emma ตามต้นฉบับเดิมที่สุดแสนจะคลาสสิก
รู้จัก Emma กันก่อน
เล่าเรื่องย่อคร่าว ๆ สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักเอ็มมาว่า เอ็มมา (Anya Taylor-Joy) เป็นสาวน้อยวัย 21 ที่ฉลาดล้ำ หน้าตาสะสวยรวยระเบิด ไม่มีใครใน ไฮบิวรี่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบจะ ไม่รู้จักเธอ วัน ๆ ชีวิตไม่ต้องทำอะไรนอกจากใช้ชีวิตสุขสบายตามแบบผู้ดีอังกฤษ เป็นกุลสตรีสมบูรณ์แบบที่มีทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ไร้แล้วซึ่งความทุกข์มากล้ำกราย วันหนึ่งเอ็มม่าแนะนำพี่เลี้ยงของเธอให้แต่งงานกับ มิสเตอร์เวสตัน (Rupert Graves) พ่อหม้ายฐานะดีในหมู่บ้านจนเขาสองคนแต่งงานกัน คราวนี้เอ็มมาถึงเริ่มรู้สึกว่า เธอเป็นผู้รู้ดีในเรื่องนี้ การจับคู่ชักจะเป็นเรื่องสนุกซะแล้วสิ
จะว่าไปครอบครัวของเอ็มมาก็มีความเพี้ยนเบา ๆ เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังโตกับ มิสเตอร์วู้ดเฮาส์ (Bill Nighy) พ่อผู้อ่อนแอ ขี้เหงาและวิตกจริตกับความหนาว จนความขี้เหงาก็ส่งต่อมาถึงเอ็มมาในที่สุด เมื่อพี่เลี้ยงแต่งงานไปแล้ว เธอยิ่งว่างเข้าไปใหญ่ก็เหงาแหละ ดูออก เธอหันไปหา แฮร์เรียต สมิธ (Mia Goth) หญิงสาวในหมู่บ้านที่มีฐานะต่างกับเธอและเอาเวลาว่าง ไปใส่ใจความรักของแฮร์เรียตอย่างตั้งใจ อุปโลกตัวเองเป็นแม่สื่อแม่ชักจัดการความรักของแฮร์เรียต ด้วยความหวังดีผสมกับความถือดีที่ว่า เธอรู้ว่าอะไรดีสำหรับแฮร์เรียต
แต่การจับคู่คราวนี้มันไม่ได้ราบรื่นอย่างคราวที่แล้ว เพราะในความจริงแล้วเอ็มมาไม่ได้ประสาอะไรเลยกับเรื่องความรัก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองรักใครและใครรักเธอ เอ็มมาเขามีผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักมานานคือ มิสเตอร์ไนท์ลีย์ (Johnny Flynn) สองคนนี้เขามีความเกี่ยวดองกันคือ พี่สาวของเอ็มมาแต่งงานกับพี่ชายของไนท์ลีย์ ก็ดองในโหลเดียวกัน ใกล้ชิดกัน ไนท์ลีย์นี่เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ร่ำรวยที่ส่ายหัวให้กับเอ็มมาในหลาย ๆ เรื่อง พยายามเตือน พยายามแย้งแต่เอ็มมาก็ไม่ค่อยจะฟัง ยังคงพยายามจับคู่ให้ชาวบ้านจนเรื่องมันเกือบจะจบไม่สวย แต่สุดท้ายก็พลิกสถานการณ์ได้ในที่สุดเมื่อไนท์ลีย์ได้สอนอะไรเธอบางอย่าง
แสนซนไม่เท่าเวอร์ชันเก่า แต่ก็น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มจนยิ้มได้
เวอร์ชันนี้ใช้การเล่าเรื่องแบบใหม่ ไร้แล้วซึ่งการเกริ่นนำ ไม่ต้องเรียกร้องให้แนะนำตัวละคร ใครเป็นใคร? มีความสัมพันธ์กันยังไงนะ? เพราะหนังไม่คิดจะบอก ถามว่ากระทบกับอรรถรสการดูภาพยนตร์ไหม สำหรับคนที่รู้จักเอ็มมาอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักเอ็มมาเป็นครั้งแรก อาจจะงงนิดหน่อย แต่บริบทโดยรวมสามารถทำให้เข้าใจจนได้ว่า อ๋อ…มันเป็นอย่างงี้
เพราะบรรยากาศโดยรวม บทพูด จังหวะของเนื้อเรื่อง ภาษากายของตัวแสดงมันนำพาให้เราเข้าใจได้เองในที่สุด ถึงจะไม่เคยดูเวอร์ชันเก่ามาก่อน ความสุขที่ได้จากเรื่องนี้ก็ไม่ได้แหว่งวิ่นขาดหาย ในทางกลับกันเวอร์ชันนี้สร้างอารมณ์ใหม่ให้รู้สึกว่า Emma2020 เป็นเอ็มมาที่น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม เราสามารถส่ายหัวกับความเชิดหยิ่งถือดี อมยิ้มกับความสดใสและจิตใจดีของเธอได้ง่าย ๆ ส่ายหัวให้กับความเจ้ากี้เจ้าการจนได้เรื่อง
แต่ความแสนซนของเวอร์ชันนี้จะน้อยกว่าเวอร์ชันเก่า ที่ภาพความฮาของ Gwyneth Paltrow ยังอยู่ในความทรงจำมาถึงทุกวันนี้ เวอร์ชันนี้จะออกแนวขำขันเบา ๆ ไม่ได้มีมุกฮามากมายอะไร แต่ก็คงรูปแบบภาพยนตร์อารมณ์ดีตามต้นฉบับและมากด้วยความรู้สึกที่ว่า เอ็มมาเป็นสาวน้อยจิตใจดี ที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำไม่ได้มีเจตนาร้าย ส่วนตัวดิฉันชอบเอ็มมาเวอร์ชันนี้นะ Anya Taylor-Joy เล่นได้น่ารักน่าหมั่นไส้ บทมันบอกให้เรารู้ได้เลยว่า เอ็มมาเป็นคนขี้เหงาและไม่ประสาเรื่องความรัก
เพลงประกอบดีงามและภาพสวย
ด้วยความที่เป็นหนังพีเรียดในช่วงศตวรรษที่ 19 ที่เพิ่งผ่านพ้นการปฏิวัติฝรั่งเศสมาไม่นาน แฟชันเสื้อผ้าในยุคนั้นจะไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าแต่ก็ยังคงความสวยงามตามสไต์อังกฤษโบราณ ความละเอียดจุดนี้แบ่งแยกชัดเจนระหว่างคนจนคนรวย จากเนื้อผ้าและดีไซน์ที่บ่งบอกฐานะ ซึ่งแน่นอนว่าชุดของฝั่งเศรษฐีทั้งหลาย สวยงามทุกชุด
บรรยากาศโดยรวมทั้งการจัดแสงและโลเคชันให้บรรยากาศฤดูหนาวในชนบทที่เย็นสดชื่น ภาพมันให้ความรู้สึกถึงความเขียวที่เย็นสบาย พอตัดมาเป็นฉากที่อยู่ในบ้าน ในร้านขายของมันเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบ คือเมืองนี้มันจะไม่มีเรื่องร้าย ๆ อะไรเลยใช่ป่ะ ทุกคนอยู่กันอย่างปกติสุขและเป็นมิตร ชีวิตวุ่นวายอยู่กับเรื่องตัวเองและเพื่อนบ้าน ปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกขี้ประติ๋ว พอความรู้สึกนี้กำลังเกิดขึ้นเพลงประกอบก็เสริมความรู้สึกเข้าไปอีก เป็นชีวิตดี ๆ ที่รุ่มรวยความสุขและอารมณ์ขัน
มีความสุขมากค่ะกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูแล้วยิ้ม ดูแล้วขำเป็นคอมเมดี้ที่น้อยแต่มากและอิ่มตา สมกับฉายา ราชินีผึ้ง ของเอ็มมาจริง ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส